{"status":200,"row":924,"message":"Result found.","result":[{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม","creator":"","description":"
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามพร้อมกับการสร้างพระบรมมหาราชวังเมื่อ พ.ศ. 2325 การสร้างวัดแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2327 และมีการสมโภชฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ พ.ศ. 2328
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามพร้อมกับการสร้างพระบรมมหาราชวังเมื่อ พ.ศ. 2325 การสร้างวัดแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2327 และมีการสมโภชฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ พ.ศ. 2328
","subject":"อุโบสถ, วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, พระอุโบสถ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751161,100.492654)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/1"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทพระเทพบิดร","creator":"","description":"เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ.2398และมาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งในปลายรัชกาลได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เครื่องหลังคาทั้งหมดเนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจร จึงได้ทำการบูรณะเครื่องหลังคาขึ้นใหม่ โดยการบูรณะแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6
","provenance":"เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ.2398และมาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งในปลายรัชกาลได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เครื่องหลังคาทั้งหมดเนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจร จึงได้ทำการบูรณะเครื่องหลังคาขึ้นใหม่ โดยการบูรณะแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6
","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, ปราสาทพระเทพบิดร, พระพุทธปรางค์ปราสาท, วังหลวง, ปราสาท","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751633,100.492765)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/2"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระศรีรัตนเจดีย์","creator":"","description":"สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการประดับเพิ่มเติมด้วยโมเสกทองที่สั่งจากประเทศอิตาลีในสมัยรัชกาลที่ 5
","provenance":"สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการประดับเพิ่มเติมด้วยโมเสกทองที่สั่งจากประเทศอิตาลีในสมัยรัชกาลที่ 5
","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, พระศรีรัตนเจดีย์, เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์ทรงลังกา","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7516,100.492358)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/3"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระมหามณฑป","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1
","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, พระมหามณฑป, พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก, รัชกาลที่ 1","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751621,100.492562)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/4"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หมู่พระมหามณเฑียร","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, ที่ประทับ, พระที่นั่ง, วังหลวง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.750114,100.492071)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/5"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, ที่ประทับ, พระที่นั่ง, พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท, พระมหาปราสาท, วังหลวง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.750148,100.490573)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/6"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, ที่ประทับ, พระที่นั่ง, พระมหาปราสาท, วังหลวง, พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7503148,100.490811)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/7"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งไชยชุมพล","creator":"","description":"สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, ที่ประทับ, พระที่นั่ง, พระที่นั่งไชยชุมพล, วังหลวง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751274,100.493593)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/8"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพื้นที่พระตำหนักเดิมที่ทรงพระราชสมภพ และเคยเสด็จประทับเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์พระที่นั่งองค์นี้ออกแบบการก่อสร้างโดย นายยอน คลูนิซ สถาปนิกชาวอังกฤษ
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพื้นที่พระตำหนักเดิมที่ทรงพระราชสมภพ และเคยเสด็จประทับเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์พระที่นั่งองค์นี้ออกแบบการก่อสร้างโดย นายยอน คลูนิซ สถาปนิกชาวอังกฤษ
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, พระที่นั่ง, วังหลวง, พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.750056,100.491313)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/9"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม","creator":"","description":"พระวิหารหลวงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 3 และมีการบูรณะเพิ่มเติมในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"พระวิหารหลวงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 3 และมีการบูรณะเพิ่มเติมในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"วิหาร, วัดสุทัศนเทพวราราม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751068,100.501101)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/10"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม","creator":"","description":"พระมหาธาตุเจดีย์องค์เดิมมีมาแต่สมัยอยุธยา เริ่มก่อสร้างให้มีขนาดสูงใหญ่ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 3
","provenance":"พระมหาธาตุเจดีย์องค์เดิมมีมาแต่สมัยอยุธยา เริ่มก่อสร้างให้มีขนาดสูงใหญ่ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 3
","subject":"ปรางค์, วัดอรุณราชวราราม , วัดแจ้ง, วัดมะกอก","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.743715,100.488953)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/11"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โลหะปราสาท","creator":"","description":"เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2394 แต่ก่อสร้างสำเร็จเป็นเพียงปราสาทโกลน ก็สิ้นสมัยรัชกาลที่ 3ในสมัยรัชกาลที่ 4 ไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการก่อสร้างโลหะปราสาท กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 5 พระประสิทธิ์สุตคุณ (แดง เขมทตฺโต) เจ้าอาวาส ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตบูรณปฏิสังขรณ์โลหะปราสาทจนสมบูรณ์
","provenance":"เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2394 แต่ก่อสร้างสำเร็จเป็นเพียงปราสาทโกลน ก็สิ้นสมัยรัชกาลที่ 3ในสมัยรัชกาลที่ 4 ไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการก่อสร้างโลหะปราสาท กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 5 พระประสิทธิ์สุตคุณ (แดง เขมทตฺโต) เจ้าอาวาส ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตบูรณปฏิสังขรณ์โลหะปราสาทจนสมบูรณ์
","subject":"วัดราชนัดดาราม, รัชกาลที่ 5, รัชกาลที่ 3, พระที่นั่งมหาเจษฏาบดินทร์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.754835,100.504257)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/12"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถ วัดราชโอรสาราม","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรส ซึ่งต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรส ซึ่งต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","subject":"อุโบสถ, วัดราชโอรสาราม, วัดจอมทอง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.702877,100.464359)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/13"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระบรมบรรพต","creator":"","description":"เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยก่อเป็นเจดีย์ทรงปรางค์ ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ได้แก้ไขแบบให้เป็นเจดีย์ทรงระฆัง การก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5
","provenance":"เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยก่อเป็นเจดีย์ทรงปรางค์ ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ได้แก้ไขแบบให้เป็นเจดีย์ทรงระฆัง การก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5
","subject":"ภูเขาทอง, วัดสระเกศ, วัดภูเขาทอง, เจดีย์ภูเขาทอง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7538702,100.506666)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/14"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม","creator":"","description":"รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างในวัดเดิมทั้งหมด แล้วปรับพื้นที่ก่อสร้างโดยทรงมอบหมายให้ เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว.เย็น อิศรเสนา) เป็นผู้รับผิดชอบ กับโปรดเกล้าฯให้สร้างพระอุโบสถชั่วคราวเพื่อทำสังฆกรรมไปพลางก่อน
ในส่วนพระอุโบสถถาวร และพระระเบียง โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการในขณะนั้นเป็นสถาปนิกเขียนแบบแปลนแผนผัง และเริ่มการก่อสร้างโดยมีพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) ดำเนินการก่อสร้าง ในการผูกลายพระราชลัญจกรเพื่อประกอบหน้าบันพระอุโบสถนั้น นอกจากสมเด็จฯเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์แล้ว ส่วนหนึ่งพระเจ้าบวรวงศ์เธอ กรมหมื่นวรวัฒน์ศุภากรได้ทรงช่วยเขียนแบบในกำกับของสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ด้วย
การก่อสร้างพระอุโบสถยังไม่แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมารัชกาลที่ 6 จึงทรงดำเนินการต่อโดยโปรดเกล้าฯให้ยกช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ขึ้น และเมื่อหินอ่อนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้สั่งซื้อจากประเทศอิตาลีเข้ามาถึงแล้วก็โปรดเกล้าฯให้ประดับในส่วนที่ยังค้างอยู่จนเรียบร้อย กับให้ช่างกรมศิลปากรเขียนผนังภายในพระอุโบสถด้วยสีน้ำมัน เป็นลายไทยเทพนมพุ่มข้าวบิณฑ์สีเหลืองบนพื้นขาว","provenance":"รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างในวัดเดิมทั้งหมด แล้วปรับพื้นที่ก่อสร้างโดยทรงมอบหมายให้ เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว.เย็น อิศรเสนา) เป็นผู้รับผิดชอบ กับโปรดเกล้าฯให้สร้างพระอุโบสถชั่วคราวเพื่อทำสังฆกรรมไปพลางก่อน
ในส่วนพระอุโบสถถาวร และพระระเบียง โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการในขณะนั้นเป็นสถาปนิกเขียนแบบแปลนแผนผัง และเริ่มการก่อสร้างโดยมีพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) ดำเนินการก่อสร้าง ในการผูกลายพระราชลัญจกรเพื่อประกอบหน้าบันพระอุโบสถนั้น นอกจากสมเด็จฯเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์แล้ว ส่วนหนึ่งพระเจ้าบวรวงศ์เธอ กรมหมื่นวรวัฒน์ศุภากรได้ทรงช่วยเขียนแบบในกำกับของสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ด้วย
การก่อสร้างพระอุโบสถยังไม่แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมารัชกาลที่ 6 จึงทรงดำเนินการต่อโดยโปรดเกล้าฯให้ยกช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ขึ้น และเมื่อหินอ่อนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้สั่งซื้อจากประเทศอิตาลีเข้ามาถึงแล้วก็โปรดเกล้าฯให้ประดับในส่วนที่ยังค้างอยู่จนเรียบร้อย กับให้ช่างกรมศิลปากรเขียนผนังภายในพระอุโบสถด้วยสีน้ำมัน เป็นลายไทยเทพนมพุ่มข้าวบิณฑ์สีเหลืองบนพื้นขาว","subject":"อุโบสถ, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.766563,100.514177)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/15"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งอนันตสมาคม","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ออกแบบโดยนายมาริโอ ตามานโญ โดยมีเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นแม่กองก่อสร้าง และมี พระยาประชากรกิจวิจารณ์ (โอ อมาตยกุล) เป็นผู้ช่วย แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าได้เสด็จสวรรคตก่อนที่พระที่นั่งจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้ดำเนินการก่อสร้างพระที่นั่งต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2458 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 8 ปี
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ออกแบบโดยนายมาริโอ ตามานโญ โดยมีเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นแม่กองก่อสร้าง และมี พระยาประชากรกิจวิจารณ์ (โอ อมาตยกุล) เป็นผู้ช่วย แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าได้เสด็จสวรรคตก่อนที่พระที่นั่งจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้ดำเนินการก่อสร้างพระที่นั่งต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2458 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 8 ปี
","subject":"พระที่นั่ง, พระที่นั่งอนันตสมาคม, พระราชวังดุสิต","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7716329,100.513189)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/16"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถ วัดราชาธิวาส","creator":"","description":"พระอุโบสถเดิมได้รับการซ่อมแซมในสมัยรัชกาลที่ 3-4 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5ได้โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถขึ้นใหม่โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ทรงออกแบบ โดยมีนายซี. อาเลกรี (C. Alegri) วิศวกรกรมโยธาธิการเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง การบูรณะพระอุโบสถแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6
","provenance":"พระอุโบสถเดิมได้รับการซ่อมแซมในสมัยรัชกาลที่ 3-4 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5ได้โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถขึ้นใหม่โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ทรงออกแบบ โดยมีนายซี. อาเลกรี (C. Alegri) วิศวกรกรมโยธาธิการเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง การบูรณะพระอุโบสถแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6
","subject":"อุโบสถ, วัดราชาธิวาส","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7759724,100.503463)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/17"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งพิมานจักรี","creator":"","description":"เริ่มการก่อสร้างในเดือนมีนาคม พ.ศ.2462 นายยี. คลูเซอร์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ใช้เวลาในการก่อสร้าง 17 เดือน
","provenance":"เริ่มการก่อสร้างในเดือนมีนาคม พ.ศ.2462 นายยี. คลูเซอร์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ใช้เวลาในการก่อสร้าง 17 เดือน
","subject":"ที่ประทับ, พระที่นั่ง, พระที่นั่งพิมานจักรี, พระราชวังพญาไท","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7686632,100.53298)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/18"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอศาสตราคม","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอศาสตราคมขึ้นในตำแหน่งเดิมที่เคยมีพระที่นั่งโถงคู่กับพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 3 ใช้เป็นที่บอกหนังสือแก่พระสงฆ์
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอศาสตราคมขึ้นในตำแหน่งเดิมที่เคยมีพระที่นั่งโถงคู่กับพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 3 ใช้เป็นที่บอกหนังสือแก่พระสงฆ์
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, วังหลวง, หอศาสตราคม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.75049724,100.4922499)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/19"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอพิสัยศัลยลักษณ์","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"หอพิสัยศัลยลักษณ์, พระราชวังจันทรเกษม","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.3646377,100.575061)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/20"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ","creator":"","description":"สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2419ตามพระราชดำริในรัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงมีสำเนาพระราชหัตถเลขาแสดงพระราชประสงค์ในการถวายพระอารามความตอนหนึ่งว่า “จะทรงบูชาพระพุทธศาสนาด้วยของแปลกประหลาด แลเพื่ออาณาประชาราษฎร์ทั้งปวงได้ชมเล่นเป็นของแปลกซึ่งไม่เคยมีในพระอารามอื่นมาก่อน ใช่ว่าจะเลื่อมใสในลัทธิศาสนาอื่นนั้นหามิได้” การสร้างวัดแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2421
","provenance":"สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2419ตามพระราชดำริในรัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงมีสำเนาพระราชหัตถเลขาแสดงพระราชประสงค์ในการถวายพระอารามความตอนหนึ่งว่า “จะทรงบูชาพระพุทธศาสนาด้วยของแปลกประหลาด แลเพื่ออาณาประชาราษฎร์ทั้งปวงได้ชมเล่นเป็นของแปลกซึ่งไม่เคยมีในพระอารามอื่นมาก่อน ใช่ว่าจะเลื่อมใสในลัทธิศาสนาอื่นนั้นหามิได้” การสร้างวัดแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2421
","subject":"อุโบสถ, วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/21"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ","creator":"","description":"สร้างในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2432 โดยมีพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ฟัก โชติกสวัสดิ์) เป็นนายงาน หลวงสาทรราชายุกต์ (ยม พิศลยบุตร) และหลวงโภคานุกุล (จื๋ว) เป็นผู้ควบคุมในการก่อสร้าง และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถม กรมหมื่นสรรพศาสตร์ศุภกิจ เป็นผู้ควบคุมดูแลการก่อสร้าง
","provenance":"สร้างในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2432 โดยมีพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ฟัก โชติกสวัสดิ์) เป็นนายงาน หลวงสาทรราชายุกต์ (ยม พิศลยบุตร) และหลวงโภคานุกุล (จื๋ว) เป็นผู้ควบคุมในการก่อสร้าง และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถม กรมหมื่นสรรพศาสตร์ศุภกิจ เป็นผู้ควบคุมดูแลการก่อสร้าง
","subject":"พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ, พระที่นั่งเก๋งจีน, พระที่นั่งเทียนเม่งเต้ย, พระราชวังบางปะอิน, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 5","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.2340439,100.580548)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/22"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอวิฑูรทัศนา","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
","subject":"พระราชวังบางปะอิน, หอวิฑูรทัศนา, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 5","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.2334706,100.580272)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/23"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งวิหารสมเด็จ","creator":"","description":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุว่าพระที่นั่งวิหารสมเด็จสร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าปราสาทอง พ.ศ. 2186 ครั้งนั้นเกิดฟ้าผ่าลงที่ยอดพระมหาปราสาททำให้เกิดเพลิงไหม้ เปลวเพลิงได้ลามไปติดเรือนต่างๆมากถึง 110 เรือน พระที่นั่งมังคลาภิเษกได้ไหม้ลงไปด้วย พระองค์จึงโปรดให้สร้างพระที่นั่งองค์นี้ขึ้นมาใหม่ ใช้เวลา 1 ปีจึงสำเร็จ แล้วพระราชทานนามพระที่นั่งว่า พระที่นั่งวิหารสมเด็จ
อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) และฉบับพระราชหัตถเลขา มีข้อความอีกตอนหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2079 ว่า “...ในปีนั้นให้ยกกำแพงพระราชวังออกไป ให้สร้างพระมหาปราสาทพระวิหารสมเด็จ...” จึงยังจำเป็นต้องค้นคว้าต่อไปว่าพระที่นั่งวิหารสมเด็จสร้างขึ้นเมื่อศักราชใดแน่
ล่วงมาถึงรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พ.ศ. 2285 พระองค์โปรดให้เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์เป็นแม่การบูรณปฏิสังขรณ์พระที่นั่งวิหารสมเด็จ โดยรื้อเครื่องบนของพระที่นั่งลงทำใหม่ ใช้เวลาสิบเดือนจึงสำเร็จ","provenance":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุว่าพระที่นั่งวิหารสมเด็จสร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าปราสาทอง พ.ศ. 2186 ครั้งนั้นเกิดฟ้าผ่าลงที่ยอดพระมหาปราสาททำให้เกิดเพลิงไหม้ เปลวเพลิงได้ลามไปติดเรือนต่างๆมากถึง 110 เรือน พระที่นั่งมังคลาภิเษกได้ไหม้ลงไปด้วย พระองค์จึงโปรดให้สร้างพระที่นั่งองค์นี้ขึ้นมาใหม่ ใช้เวลา 1 ปีจึงสำเร็จ แล้วพระราชทานนามพระที่นั่งว่า พระที่นั่งวิหารสมเด็จ
อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) และฉบับพระราชหัตถเลขา มีข้อความอีกตอนหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2079 ว่า “...ในปีนั้นให้ยกกำแพงพระราชวังออกไป ให้สร้างพระมหาปราสาทพระวิหารสมเด็จ...” จึงยังจำเป็นต้องค้นคว้าต่อไปว่าพระที่นั่งวิหารสมเด็จสร้างขึ้นเมื่อศักราชใดแน่
ล่วงมาถึงรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พ.ศ. 2285 พระองค์โปรดให้เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์เป็นแม่การบูรณปฏิสังขรณ์พระที่นั่งวิหารสมเด็จ โดยรื้อเครื่องบนของพระที่นั่งลงทำใหม่ ใช้เวลาสิบเดือนจึงสำเร็จ","subject":"พระราชวังกรุงศรีอยุธยา, พระที่นั่งวิหารสมเด็จ","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.358648,100.558416)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/24"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์","creator":"","description":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา เป็นต้น ให้ข้อมูลว่าเป็นพระมหาปราสาทที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าปราสาททอง เมื่อ พ.ศ. 2175 ใช้เวลาสร้างนาน 11 เดือน ให้นามว่า ศิริยศโสธรมหาพิมานบรรยงก์ ต่อมาพระองค์พระสุบินว่าพระอินทร์ตรัสบอกว่าให้ตั้งจักรพยุหะ พระโหราจารย์ได้ถวายพยากรณ์ว่านามพระที่นั่งไม่ต้องด้วยพระอินทร์ และให้เอาจักรพยุหะนั้นมาตั้งเป็นนามพระที่นั่งว่า จักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาท
","provenance":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา เป็นต้น ให้ข้อมูลว่าเป็นพระมหาปราสาทที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าปราสาททอง เมื่อ พ.ศ. 2175 ใช้เวลาสร้างนาน 11 เดือน ให้นามว่า ศิริยศโสธรมหาพิมานบรรยงก์ ต่อมาพระองค์พระสุบินว่าพระอินทร์ตรัสบอกว่าให้ตั้งจักรพยุหะ พระโหราจารย์ได้ถวายพยากรณ์ว่านามพระที่นั่งไม่ต้องด้วยพระอินทร์ และให้เอาจักรพยุหะนั้นมาตั้งเป็นนามพระที่นั่งว่า จักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาท
","subject":"พระที่นั่ง, พระราชวังกรุงศรีอยุธยา","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.357028,100.560099)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/25"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปรางค์วัดพุทไธสวรรย์","creator":"","description":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุว่าเมื่อ พ.ศ. 1896 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง โปรดให้สร้างวัดพุทไธสวรรย์ขึ้นบนพื้นที่ที่เป็นตำหนักเวียงเหล็ก ความว่า “ที่พระตำหนักเวียงเหล็กนั้นให้สถาปนาพระวิหารแลพระมหาธาตุเป็นพระอาราม ให้นามชื่อวัดพุทไธสวรรย์”
","provenance":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุว่าเมื่อ พ.ศ. 1896 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง โปรดให้สร้างวัดพุทไธสวรรย์ขึ้นบนพื้นที่ที่เป็นตำหนักเวียงเหล็ก ความว่า “ที่พระตำหนักเวียงเหล็กนั้นให้สถาปนาพระวิหารแลพระมหาธาตุเป็นพระอาราม ให้นามชื่อวัดพุทไธสวรรย์”
","subject":"ปรางค์, วัดพุทไธสวรรย์","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.339829,100.558698)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/26"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์","creator":"","description":"สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเพทราชาเพื่อถวายแด่พระอาจารย์ของพระองค์
","provenance":"สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเพทราชาเพื่อถวายแด่พระอาจารย์ของพระองค์
","subject":"วิหาร, วัดพุทไธสวรรย์, ตำหนัก","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.339321,100.557728)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/27"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ","creator":"","description":"พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ ระบุว่าสร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เมื่อ พ.ศ. 1967 ในขณะที่พระราชพงศาวดารฉบับอื่น เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุศักราชการสร้างไว้เมื่อ พ.ศ. 1961 และอธิบายขยายความว่าสถานที่สร้างวัดเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา ผู้เป็นพระเชษฐาของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2
","provenance":"พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ ระบุว่าสร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เมื่อ พ.ศ. 1967 ในขณะที่พระราชพงศาวดารฉบับอื่น เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุศักราชการสร้างไว้เมื่อ พ.ศ. 1961 และอธิบายขยายความว่าสถานที่สร้างวัดเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา ผู้เป็นพระเชษฐาของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2
","subject":"ปรางค์, วัดราชบูรณะ","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.35881,100.56725)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/28"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ประธานวัดมเหยงคณ์","creator":"","description":"เจดีย์ประธานวัดช้างล้อมคงสร้างขึ้นตั้งแต่แรกสร้างวัดในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุศักราชการสร้างว่าตรงกับ พ.ศ.1981 ในขณะที่พระราชพงศาวดารฉบับอื่นๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุศักราชการสร้างว่า พ.ศ.1967
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พ.ศ.2254 ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ วัดมเหยงคณ์ชำรุดทรุดโทรม จึงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้น ข้อความในพระราชพงศาวดารฉบับต่างๆ กล่าวรายละเอียดผิดแผกกันไป แต่ใจความสำคัญตรงกัน สรุปได้ว่าพระองค์ให้สร้างตำหนักไว้ริมวัดเพื่อใช้เป็นที่ประทับในคราวเสด็จพระราชดำเนินมาควบคุมการบูรณปฏิสังขรณ์ด้วย คราวละ 1 เดือนบ้าง หรือ 2 เดือนบ้าง หรือ 3 เดือนบ้าง ใช้เวลา 3 ปีจึงสำเร็จ เจดีย์ประธานคงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในครั้งนี้ด้วย","provenance":"เจดีย์ประธานวัดช้างล้อมคงสร้างขึ้นตั้งแต่แรกสร้างวัดในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุศักราชการสร้างว่าตรงกับ พ.ศ.1981 ในขณะที่พระราชพงศาวดารฉบับอื่นๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุศักราชการสร้างว่า พ.ศ.1967
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พ.ศ.2254 ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ วัดมเหยงคณ์ชำรุดทรุดโทรม จึงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้น ข้อความในพระราชพงศาวดารฉบับต่างๆ กล่าวรายละเอียดผิดแผกกันไป แต่ใจความสำคัญตรงกัน สรุปได้ว่าพระองค์ให้สร้างตำหนักไว้ริมวัดเพื่อใช้เป็นที่ประทับในคราวเสด็จพระราชดำเนินมาควบคุมการบูรณปฏิสังขรณ์ด้วย คราวละ 1 เดือนบ้าง หรือ 2 เดือนบ้าง หรือ 3 เดือนบ้าง ใช้เวลา 3 ปีจึงสำเร็จ เจดีย์ประธานคงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในครั้งนี้ด้วย","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์ทรงกลม, เจดีย์ทรงลังกา, วัดมเหยงคณ์, เจดีย์ช้างล้อม","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.36373,100.594365)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/29"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ประธานวัดพระศรีสรรเพชญ","creator":"","description":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวว่าเมื่อขึ้นครองราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 1977 แล้ว สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดให้ยกพื้นที่พระราชวังเดิมให้เป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ และย้ายพระราชวังไปทางด้านเหนือติดริมน้ำ ดังความว่า “ยกวังทำเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ เสด็จมาอยู่ริมน้ำ”
อย่างไรก็ตามไม่อาจทราบแน่ชัดว่าเจดีย์ประธานทั้ง 3 องค์ สร้างขึ้นคราวเดียวกันในรัชกาลของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถหรือไม่
ปัจจุบันข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการสร้างเจดีย์ประธาน 3 องค์นี้อิงกับพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เช่น ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ มีข้อความตอนหนึ่งที่เกิดขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ว่า “ศักราช 854 ชวดศก (พ.ศ.2035) ประดิษฐานมหาสถูปพระบรมธาตุสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แลสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า” และฉบับพระราชหัตถเลขามีข้อความคล้ายคลึงกันว่า “ศักราช 836 ปีมะเมีย ฉศก (พ.ศ. 2017) ประดิษฐานพระอัฐิธาตุสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเจ้า และพระอัฐิธาตุสมเด็จพระอินทราชาไว้ในมหาสถูป” (อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) และฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ระบุเพียงการประดิษฐานพระอัฐิธาตุสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถไว้ในสถูปเพียงพระองค์เดียว)
จากข้อความดังกล่าวนี้ทำให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า มหาสถูปทั้ง 2 องค์นี้ได้แก่เจดีย์ประธานของวัดพระศรีสรรเพชญ โดยสร้างขึ้นครั้งแรก 2 องค์ ต่อมาจึงมีการสร้างเพิ่มเติมอีก 1 องค์ โดยองค์หลังนี้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระอัฐิธาตุสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
ต่อมาหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ได้สันนิษฐานเพิ่มเติมจากแนวทางที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพให้ไว้ โดยเพิ่มเติมความเห็นว่าเจดีย์องค์หลังที่บรรจุพระอัฐิธาตุของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 นั้น คงสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4)
อย่างไรก็ตามบางท่านว่าเจดีย์ทั้ง 3 องค์ควรสร้างขึ้นมาพร้อมกัน เช่น ศาสตราจารย์ ดร.สันติ เล็กสุขุม ให้ความเห็นว่าข้อความในพระราชพงศาวดารที่ระบุว่า “..ประดิษฐานมหาสถูปพระบรมธาตุสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แลสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า...” อาจหมายถึงสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 1 องค์ บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 1 องค์ และบรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 อีก 1 องค์ ก็เป็นได้
นอกจากนี้ ผศ. ดร.ประภัสสร์ ชูวิเชียร ยังเสนอข้อสันนิษฐานที่ต่างออกไปอีก ว่าเจดีย์องค์ทิศตะวันออกน่าจะสร้างขึ้นก่อนในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เพื่อประดิษฐานพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ส่วนเจดีย์อีก 2 องค์ น่าจะสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2","provenance":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวว่าเมื่อขึ้นครองราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 1977 แล้ว สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดให้ยกพื้นที่พระราชวังเดิมให้เป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ และย้ายพระราชวังไปทางด้านเหนือติดริมน้ำ ดังความว่า “ยกวังทำเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ เสด็จมาอยู่ริมน้ำ”
อย่างไรก็ตามไม่อาจทราบแน่ชัดว่าเจดีย์ประธานทั้ง 3 องค์ สร้างขึ้นคราวเดียวกันในรัชกาลของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถหรือไม่
ปัจจุบันข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการสร้างเจดีย์ประธาน 3 องค์นี้อิงกับพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เช่น ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ มีข้อความตอนหนึ่งที่เกิดขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ว่า “ศักราช 854 ชวดศก (พ.ศ.2035) ประดิษฐานมหาสถูปพระบรมธาตุสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แลสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า” และฉบับพระราชหัตถเลขามีข้อความคล้ายคลึงกันว่า “ศักราช 836 ปีมะเมีย ฉศก (พ.ศ. 2017) ประดิษฐานพระอัฐิธาตุสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเจ้า และพระอัฐิธาตุสมเด็จพระอินทราชาไว้ในมหาสถูป” (อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) และฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ระบุเพียงการประดิษฐานพระอัฐิธาตุสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถไว้ในสถูปเพียงพระองค์เดียว)
จากข้อความดังกล่าวนี้ทำให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า มหาสถูปทั้ง 2 องค์นี้ได้แก่เจดีย์ประธานของวัดพระศรีสรรเพชญ โดยสร้างขึ้นครั้งแรก 2 องค์ ต่อมาจึงมีการสร้างเพิ่มเติมอีก 1 องค์ โดยองค์หลังนี้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระอัฐิธาตุสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
ต่อมาหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ได้สันนิษฐานเพิ่มเติมจากแนวทางที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพให้ไว้ โดยเพิ่มเติมความเห็นว่าเจดีย์องค์หลังที่บรรจุพระอัฐิธาตุของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 นั้น คงสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4)
อย่างไรก็ตามบางท่านว่าเจดีย์ทั้ง 3 องค์ควรสร้างขึ้นมาพร้อมกัน เช่น ศาสตราจารย์ ดร.สันติ เล็กสุขุม ให้ความเห็นว่าข้อความในพระราชพงศาวดารที่ระบุว่า “..ประดิษฐานมหาสถูปพระบรมธาตุสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แลสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า...” อาจหมายถึงสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 1 องค์ บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 1 องค์ และบรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 อีก 1 องค์ ก็เป็นได้
นอกจากนี้ ผศ. ดร.ประภัสสร์ ชูวิเชียร ยังเสนอข้อสันนิษฐานที่ต่างออกไปอีก ว่าเจดีย์องค์ทิศตะวันออกน่าจะสร้างขึ้นก่อนในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เพื่อประดิษฐานพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ส่วนเจดีย์อีก 2 องค์ น่าจะสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์ทรงกลม, เจดีย์ทรงกลม, เจดีย์ทรงลังกา, เจดีย์ทรงลังกา, วัดพระศรีสรรเพชญ, วัดพระศรีสรรเพชญ","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.355909,100.558348)","temporal":"อยุธยา, อยุธยาตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/30"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วิหารพระศรีสรรเพชญ","creator":"","description":"พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ระบุว่าพระวิหารสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2042 ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ส่วนองค์พระศรีสรรเพชญซึ่งเป็นประธานหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2043 ทำพิธีฉลองเมื่อ พ.ศ. 2046 ส่วนพระราชพงศาวดารฉบับอื่น เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา ให้ศักราชการสร้างพระวิหารและพระศรีสรรเพชญไว้เมื่อ พ.ศ. 2022 และฉลองเมื่อ พ.ศ.2026
","provenance":"พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ระบุว่าพระวิหารสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2042 ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ส่วนองค์พระศรีสรรเพชญซึ่งเป็นประธานหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2043 ทำพิธีฉลองเมื่อ พ.ศ. 2046 ส่วนพระราชพงศาวดารฉบับอื่น เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขา ให้ศักราชการสร้างพระวิหารและพระศรีสรรเพชญไว้เมื่อ พ.ศ. 2022 และฉลองเมื่อ พ.ศ.2026
","subject":"วิหาร, วัดพระศรีสรรเพชญ","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.356021,100.559262)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/31"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ศรีสุริโยทัย","creator":"","description":"เจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่เชื่อว่าเป็นวัดสบสวรรค์ (วัดศพสวรรค์) วัดนี้สร้างขึ้นบนสถานที่ที่ถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยเมื่อ พ.ศ. 2086 ดังข้อความในพระราชพงศาวดารฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) และฉบับพระราชหัตถเลขาว่า “...ให้แต่งการพระราชทานเพลิงศพพระสุริโยทัยซึ่งขาดคอช้างเสร็จ.... ให้สถาปนาที่พระราชทานเพลิงนั้นเป็นพระเจดีย์วิหาร เสร็จแล้วให้นามชื่อวัดศพสวรรค์...” จากขนาดที่ใหญ่โตของเจดีย์องค์นี้ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นเจดีย์ประธานของวัด จึงควรสร้างเมื่อ พ.ศ. 2086
ทั้งนี้พื้นที่ตั้งวัดเป็นส่วนหนึ่งของสวนหลวง จึงเรียกนามวัดนี้อีกนามหนึ่งว่า วัดสวนหลวงสบสวรรค์","provenance":"เจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่เชื่อว่าเป็นวัดสบสวรรค์ (วัดศพสวรรค์) วัดนี้สร้างขึ้นบนสถานที่ที่ถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยเมื่อ พ.ศ. 2086 ดังข้อความในพระราชพงศาวดารฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) และฉบับพระราชหัตถเลขาว่า “...ให้แต่งการพระราชทานเพลิงศพพระสุริโยทัยซึ่งขาดคอช้างเสร็จ.... ให้สถาปนาที่พระราชทานเพลิงนั้นเป็นพระเจดีย์วิหาร เสร็จแล้วให้นามชื่อวัดศพสวรรค์...” จากขนาดที่ใหญ่โตของเจดีย์องค์นี้ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นเจดีย์ประธานของวัด จึงควรสร้างเมื่อ พ.ศ. 2086
ทั้งนี้พื้นที่ตั้งวัดเป็นส่วนหนึ่งของสวนหลวง จึงเรียกนามวัดนี้อีกนามหนึ่งว่า วัดสวนหลวงสบสวรรค์","subject":"เจดีย์ศรีสุริโยทัย, เจดีย์เพิ่มมุม, เจดีย์ย่อมุม","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.352766,100.547439)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/32"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ภูเขาทอง","creator":"","description":"พระราชพงศาวดารฉบับต่างๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขาเอ่ยถึงวัดภูเขาทองว่าสมเด็จพระราเมศวรโปรดให้สถาปนาวัดภูเขาทองขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1930 ถือว่าเป็นสมัยอยุธยาตอนต้น แต่ไม่มีรายละเอียดว่ามีสิ่งก่อสร้างใดบ้าง อีกทั้งปีนั้นพระองค์ได้สวรรคตลง จึงไม่อาจทราบได้ว่าการสร้างวัดภูเขาทองได้สำเร็จตามพระราชประสงค์หรือไม่ ศิลปกรรมที่พบได้ในวัดก็ยังไม่พบว่าสิ่งใดเก่าจนถึงสมัยอยุธยาตอนต้นนี้เลย
สำหรับองค์เจดีย์ประธานวัดภูเขาทองก็ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างในพระราชพงศาวดาร แต่ทว่าปรากฏอยู่ในหลักฐานอื่นๆ บ้างสอดคล้องกัน บ้างขัดแย้งกัน
คำให้การชาวกรุงเก่าระบุว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่า เมื่อพระองค์สามารถยึดครองกรุงศรีอยุธยาได้ใน พ.ศ. 2112 ได้ประทับอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาระยะหนึ่ง ครั้งนั้นโปรดให้สร้างเจดีย์ภูเขาทองขึ้น ความว่า “...ในเวลาเมื่อพระเจ้าหงสาวดียังประทับอยู่ที่พระนครศรีอยุธยานั้น ได้โปรดให้สร้างพระเจดีย์ใหญ่องค์ 1 ที่ตำบลทุ่งภูเขาทอง ขนานนามพระเจดีย์นั้นว่า เจดีย์ภูเขาทอง ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้...” อย่างไรก็ตาม บันทึกของนายแพทย์แกมเฟอร์ ชาวฮอลันดา ซึ่งเดินทางเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2233 กลับให้ข้อมูลว่าเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงชัยชนะแก่กษัตริย์มอญอย่างใหญ่หลวง ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นไทยได้เข่นฆ่าและตีทัพของข้าศึกแตกพ่ายไป เมื่อนำข้อความดังกล่าวนี้ไปพิจารณาร่วมกันกับพระราชพงศาวดารจะพบได้ว่าชัยชนะที่มีเหนือกองทัพพม่าหรือมอญเกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชด้วยการทำยุทธหัตถี บางท่านจึงเชื่อว่าสมเด็จพระนเรศวรเป็นผู้สร้างเจดีย์องค์นี้ และเห็นว่าเจดีย์องค์นี้เป็นเจดีย์ยุทธหัตถี
การวิจัยของนักวิชาการ ศ.เกียรติคุณ ดร.สันติ เล็กสุขุม ได้เสนอว่ารูปแบบของเจดีย์บริวารในวัดภูเขาทองควรมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 หรือรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรได้ เจดีย์บริวารเหล่านี้มีรูปแบบเดียวกันกับเจดีย์ประธานองค์นี้ จึงทำให้เชื่อว่าทเจดีย์ทั้งหมดนี้ควรสร้างขึ้นพร้อมๆ กัน
บันทึกของนายแพทย์แกมเฟอร์ซึ่งเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2233 ยังพรรณนาถึงรูปทรงของเจดีย์ภูเขาทองและวาดภาพลายเส้นไว้ด้วย ซึ่งมีรูปแบบที่ไม่ต่างจากปัจจุบัน ย่อมหมายความว่าการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พ.ศ. 2287 ตามที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของเจดีย์ไปจากเดิม","provenance":"พระราชพงศาวดารฉบับต่างๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ฉบับพระราชหัตถเลขาเอ่ยถึงวัดภูเขาทองว่าสมเด็จพระราเมศวรโปรดให้สถาปนาวัดภูเขาทองขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1930 ถือว่าเป็นสมัยอยุธยาตอนต้น แต่ไม่มีรายละเอียดว่ามีสิ่งก่อสร้างใดบ้าง อีกทั้งปีนั้นพระองค์ได้สวรรคตลง จึงไม่อาจทราบได้ว่าการสร้างวัดภูเขาทองได้สำเร็จตามพระราชประสงค์หรือไม่ ศิลปกรรมที่พบได้ในวัดก็ยังไม่พบว่าสิ่งใดเก่าจนถึงสมัยอยุธยาตอนต้นนี้เลย
สำหรับองค์เจดีย์ประธานวัดภูเขาทองก็ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างในพระราชพงศาวดาร แต่ทว่าปรากฏอยู่ในหลักฐานอื่นๆ บ้างสอดคล้องกัน บ้างขัดแย้งกัน
คำให้การชาวกรุงเก่าระบุว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่า เมื่อพระองค์สามารถยึดครองกรุงศรีอยุธยาได้ใน พ.ศ. 2112 ได้ประทับอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาระยะหนึ่ง ครั้งนั้นโปรดให้สร้างเจดีย์ภูเขาทองขึ้น ความว่า “...ในเวลาเมื่อพระเจ้าหงสาวดียังประทับอยู่ที่พระนครศรีอยุธยานั้น ได้โปรดให้สร้างพระเจดีย์ใหญ่องค์ 1 ที่ตำบลทุ่งภูเขาทอง ขนานนามพระเจดีย์นั้นว่า เจดีย์ภูเขาทอง ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้...” อย่างไรก็ตาม บันทึกของนายแพทย์แกมเฟอร์ ชาวฮอลันดา ซึ่งเดินทางเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2233 กลับให้ข้อมูลว่าเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงชัยชนะแก่กษัตริย์มอญอย่างใหญ่หลวง ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นไทยได้เข่นฆ่าและตีทัพของข้าศึกแตกพ่ายไป เมื่อนำข้อความดังกล่าวนี้ไปพิจารณาร่วมกันกับพระราชพงศาวดารจะพบได้ว่าชัยชนะที่มีเหนือกองทัพพม่าหรือมอญเกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชด้วยการทำยุทธหัตถี บางท่านจึงเชื่อว่าสมเด็จพระนเรศวรเป็นผู้สร้างเจดีย์องค์นี้ และเห็นว่าเจดีย์องค์นี้เป็นเจดีย์ยุทธหัตถี
การวิจัยของนักวิชาการ ศ.เกียรติคุณ ดร.สันติ เล็กสุขุม ได้เสนอว่ารูปแบบของเจดีย์บริวารในวัดภูเขาทองควรมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 หรือรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรได้ เจดีย์บริวารเหล่านี้มีรูปแบบเดียวกันกับเจดีย์ประธานองค์นี้ จึงทำให้เชื่อว่าทเจดีย์ทั้งหมดนี้ควรสร้างขึ้นพร้อมๆ กัน
บันทึกของนายแพทย์แกมเฟอร์ซึ่งเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2233 ยังพรรณนาถึงรูปทรงของเจดีย์ภูเขาทองและวาดภาพลายเส้นไว้ด้วย ซึ่งมีรูปแบบที่ไม่ต่างจากปัจจุบัน ย่อมหมายความว่าการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พ.ศ. 2287 ตามที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของเจดีย์ไปจากเดิม","subject":"เจดีย์ย่อมุม, วัดภูเขาทอง, เจดีย์ภูเขาทอง, พระนเรศวร, หงสาวดี","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.369049,100.53977)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/33"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดไชยวัฒนาราม","creator":"","description":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) และฉบับพระราชหัตถเลขา ให้ข้อมูลตรงกันว่าวัดไชยวัฒนารามสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. 2173
","provenance":"พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เช่น ฉบับพันจันทานุมาศ (เจิม) ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) และฉบับพระราชหัตถเลขา ให้ข้อมูลตรงกันว่าวัดไชยวัฒนารามสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. 2173
","subject":"วัดไชยวัฒนาราม, พระเจ้าปราสาททอง","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.342968,100.541796)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/34"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อุโบสถวัดหน้าพระเมรุ","creator":"","description":"วัดหน้าพระเมรุไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัดปรากฏในพระราชพงศาวดาร แต่มีตำนานเล่าว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระองค์อินทร์ มเหสีของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2046
จากชื่อวัดทำให้สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพระเมรุเจ้านายสมัยอยุธยา เพราะวัดแห่งนี้อยู่ทางเหนือของพระราชวังโบราณ มีเพียงแม่น้ำลพบุรีสายเดิมคั่นกลาง
วัดแห่งนี้คงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยลำดับตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุให้ทราบได้ แต่จากการเปรียบเทียบทางรูปแบบศิลปกรรมพบว่าอุโบสถหลังนี้ประดับช่องแสงด้วยลายลูกมะหวดเหลี่ยม คล้ายระเบียงคดวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และวิหารหลวงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุอยุธยาที่อาจจะบูร
ณะในสมัยพระองค์เช่นกัน พระพุทธรูปประธานก็เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบเดียวกันกับวัดไชยวัฒนาราม จึงเชื่อว่าวัดแห่งนี้มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง","provenance":"วัดหน้าพระเมรุไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัดปรากฏในพระราชพงศาวดาร แต่มีตำนานเล่าว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระองค์อินทร์ มเหสีของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2046
จากชื่อวัดทำให้สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพระเมรุเจ้านายสมัยอยุธยา เพราะวัดแห่งนี้อยู่ทางเหนือของพระราชวังโบราณ มีเพียงแม่น้ำลพบุรีสายเดิมคั่นกลาง
วัดแห่งนี้คงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยลำดับตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุให้ทราบได้ แต่จากการเปรียบเทียบทางรูปแบบศิลปกรรมพบว่าอุโบสถหลังนี้ประดับช่องแสงด้วยลายลูกมะหวดเหลี่ยม คล้ายระเบียงคดวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และวิหารหลวงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุอยุธยาที่อาจจะบูร
ณะในสมัยพระองค์เช่นกัน พระพุทธรูปประธานก็เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบเดียวกันกับวัดไชยวัฒนาราม จึงเชื่อว่าวัดแห่งนี้มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง","subject":"อุโบสถ, วัดหน้าพระเมรุ, วัดเมรุราชิการาม","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.3626,100.55877)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/35"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"กลุ่มปราสาทประธานปราสาทเมืองต่ำ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบของลวดลายประดับบนส่วนต่างๆ เช่น ทับหลัง หน้าบัน ซึ่งมีรูปแบบตรงกับศิลปะบาปวน จึงทำให้กำหนดอายุปราสาทหลังนี้ไว้ราว พ.ศ.1600 โดยอาจสร้างก่อนหรือหลังจากนี้ไม่นาน
อนึ่ง แม้ว่าได้พบทับหลังแบบคลังที่ปราสาทเมืองต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปราสาทแห่งนี้ให้เก่าไปจนถึง พ.ศ.1510-1560 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ศิลปะคลังแพร่หลาย แต่น่าจะอธิบายได้ว่าช่างผู้สลักลวดลายยังนำเอาศิลปะแบบเก่ามาใช้ จึงเกิดการปะปนกันระหว่างศิลปะแบบใหม่คือบาปวนกับศิลปะแบบเก่าคือคลังในศาสนสถานแห่งนี้","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบของลวดลายประดับบนส่วนต่างๆ เช่น ทับหลัง หน้าบัน ซึ่งมีรูปแบบตรงกับศิลปะบาปวน จึงทำให้กำหนดอายุปราสาทหลังนี้ไว้ราว พ.ศ.1600 โดยอาจสร้างก่อนหรือหลังจากนี้ไม่นาน
อนึ่ง แม้ว่าได้พบทับหลังแบบคลังที่ปราสาทเมืองต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปราสาทแห่งนี้ให้เก่าไปจนถึง พ.ศ.1510-1560 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ศิลปะคลังแพร่หลาย แต่น่าจะอธิบายได้ว่าช่างผู้สลักลวดลายยังนำเอาศิลปะแบบเก่ามาใช้ จึงเกิดการปะปนกันระหว่างศิลปะแบบใหม่คือบาปวนกับศิลปะแบบเก่าคือคลังในศาสนสถานแห่งนี้","subject":"ปราสาทเมืองต่ำ, ปราสาทเมืองต่ำ, ปราสาทหิน, ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร","spatial":"บุรีรัมย์ (14.496203,102.982387)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/36"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทพนมรุ้ง","creator":"","description":"จากรูปแบบทางศิลปกรรมของปราสาทพนมรุ้งซึ่งเป็นศิลปะแบบนครวัด แต่ขณะเดียวกันก็มีรูปแบบบางประการที่สืบต่อจากศิลปะแบบบาปวน จึงทำให้นักวิชาการกำหนดอายุศาสนสถานหลังนี้ไว้ราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 17 ไม่มีข้อมูลจากจารึกระบุชื่อผู้สร้าง แต่สันนิษฐานกันว่างานส่วนใหญ่คงอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของท่านนเรนทราทิตย์ เชื้อสายแห่งราชวงศ์มหิธรปุระ เพราะจารึกที่พบจากปราสาทพนมรุ้งกล่าวสรรเสริญท่านไว้มาก และยังกล่าวว่าท่านได้บวชเป็นฤาษีอยู่ที่ศาสนสถานแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ปราสาทพนมรุ้งที่ท่านนเรนทราทิตย์ให้สร้างขึ้นนี้มิใช่หลังที่เก่าที่สุด เพราะได้พบปราสาทอิฐ 2 หลัง ทางด้านเหนือของปราสาทประธาน กำหนดอายุจากเสาประดับกรอบประตูได้ราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 15 และปรางค์น้อยซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทประธานมีลวดลายแบบบปาวน จึงกำหนดอายุได้ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 จึงแสดงให้เห็นว่าก่อนหน้าที่ท่านนเรนทราทิตย์จะสร้างปราสาทพนมรุ้งให้ใหญ่โตในแบบที่เห็นในปัจจุบันนั้น ที่แห่งนี้เคยเป็นศาสนสถานมาก่อนหน้านั้นแล้ว","provenance":"จากรูปแบบทางศิลปกรรมของปราสาทพนมรุ้งซึ่งเป็นศิลปะแบบนครวัด แต่ขณะเดียวกันก็มีรูปแบบบางประการที่สืบต่อจากศิลปะแบบบาปวน จึงทำให้นักวิชาการกำหนดอายุศาสนสถานหลังนี้ไว้ราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 17 ไม่มีข้อมูลจากจารึกระบุชื่อผู้สร้าง แต่สันนิษฐานกันว่างานส่วนใหญ่คงอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของท่านนเรนทราทิตย์ เชื้อสายแห่งราชวงศ์มหิธรปุระ เพราะจารึกที่พบจากปราสาทพนมรุ้งกล่าวสรรเสริญท่านไว้มาก และยังกล่าวว่าท่านได้บวชเป็นฤาษีอยู่ที่ศาสนสถานแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ปราสาทพนมรุ้งที่ท่านนเรนทราทิตย์ให้สร้างขึ้นนี้มิใช่หลังที่เก่าที่สุด เพราะได้พบปราสาทอิฐ 2 หลัง ทางด้านเหนือของปราสาทประธาน กำหนดอายุจากเสาประดับกรอบประตูได้ราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 15 และปรางค์น้อยซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทประธานมีลวดลายแบบบปาวน จึงกำหนดอายุได้ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 จึงแสดงให้เห็นว่าก่อนหน้าที่ท่านนเรนทราทิตย์จะสร้างปราสาทพนมรุ้งให้ใหญ่โตในแบบที่เห็นในปัจจุบันนั้น ที่แห่งนี้เคยเป็นศาสนสถานมาก่อนหน้านั้นแล้ว","subject":"ปราสาทหิน, ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ปราสาทพนมรุ้ง, ปราสาทพนมรุ้ง","spatial":"บุรีรัมย์ (14.531947,102.940271)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/37"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทประธานปราสาทพนมรุ้ง","creator":"","description":"จากรูปแบบทางศิลปกรรมของปราสาทประธานปราสาทพนมรุ้งแสดงให้เห็นว่าเป็นศิลปะแบบนครวัด แต่ขณะเดียวกันก็มีรูปแบบบางประการที่สืบต่อจากศิลปะแบบบาปวน จึงทำให้นักวิชาการกำหนดอายุศาสนสถานหลังนี้ไว้ราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 17 แต่ไม่มีข้อมูลจากจารึกระบุชื่อผู้สร้าง สันนิษฐานกันว่างานส่วนใหญ่คงอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของท่านนเรนทราทิตย์ เชื้อสายแห่งราชวงศ์มหิธรปุระ เพราะจารึกที่พบจากปราสาทพนมรุ้งกล่าวสรรเสริญท่านไว้มาก และยังกล่าวว่าท่านได้บวชเป็นฤาษีอยู่ที่ศาสนสถานแห่งนี้
","provenance":"จากรูปแบบทางศิลปกรรมของปราสาทประธานปราสาทพนมรุ้งแสดงให้เห็นว่าเป็นศิลปะแบบนครวัด แต่ขณะเดียวกันก็มีรูปแบบบางประการที่สืบต่อจากศิลปะแบบบาปวน จึงทำให้นักวิชาการกำหนดอายุศาสนสถานหลังนี้ไว้ราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 17 แต่ไม่มีข้อมูลจากจารึกระบุชื่อผู้สร้าง สันนิษฐานกันว่างานส่วนใหญ่คงอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของท่านนเรนทราทิตย์ เชื้อสายแห่งราชวงศ์มหิธรปุระ เพราะจารึกที่พบจากปราสาทพนมรุ้งกล่าวสรรเสริญท่านไว้มาก และยังกล่าวว่าท่านได้บวชเป็นฤาษีอยู่ที่ศาสนสถานแห่งนี้
","subject":"ปราสาทหิน, ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ปราสาทพนมรุ้ง, ปราสาทพนมรุ้ง","spatial":"บุรีรัมย์ (14.531947,102.940271)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/38"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"กู่คำ","creator":"","description":"ตำนานทางภาคเหนือกล่าวถึงประวัติเจดีย์กู่คำว่าสร้างขึ้นโดยพระยามังราย รายละเอียดแตกต่างกันออกไปบ้าง เช่นศักราชที่ให้ไว้ไม่ตรงกัน โดยชินกาลมาลีปกรณ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1847 อันเป็นปีเดียวกันกับที่พระองค์สร้างเวียงกุมกามขึ้นทั้งยังบรรยายรูปแบบไว้เล็กน้อยว่า “เรียงรายไปด้วยพระพุทธรูป 60 องค์” ส่วนในตำนานมูลศาสนาบรรยายไว้ว่า “ก่อเป็นสี่เหลี่ยม แต่ละด้านให้มีพระพุทธเจ้า 14 องค์ แล้วให้ใส่คำแต่ยอดลงมาดูงามนัก ใส่ชื่อว่ากู่คำ”
ต่อมาได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยหลวงโยนการพิจิตร (หม่องปันโหย่) คหบดีชาวพม่า เมื่อ พ.ศ. 2449","provenance":"ตำนานทางภาคเหนือกล่าวถึงประวัติเจดีย์กู่คำว่าสร้างขึ้นโดยพระยามังราย รายละเอียดแตกต่างกันออกไปบ้าง เช่นศักราชที่ให้ไว้ไม่ตรงกัน โดยชินกาลมาลีปกรณ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1847 อันเป็นปีเดียวกันกับที่พระองค์สร้างเวียงกุมกามขึ้นทั้งยังบรรยายรูปแบบไว้เล็กน้อยว่า “เรียงรายไปด้วยพระพุทธรูป 60 องค์” ส่วนในตำนานมูลศาสนาบรรยายไว้ว่า “ก่อเป็นสี่เหลี่ยม แต่ละด้านให้มีพระพุทธเจ้า 14 องค์ แล้วให้ใส่คำแต่ยอดลงมาดูงามนัก ใส่ชื่อว่ากู่คำ”
ต่อมาได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยหลวงโยนการพิจิตร (หม่องปันโหย่) คหบดีชาวพม่า เมื่อ พ.ศ. 2449","subject":"กู่คำ, เจดีย์เหลี่ยม, วัดจามเทวี, เจดีย์กู่กุด, วัดกู่คำ","spatial":"เชียงใหม่ (18.754046,98.995629)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/39"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์หลวง","creator":"","description":"ตำนานทางภาคเหนือ เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ ระบุว่าพระเจ้าผายูกษัตริย์เชียงใหม่เป็นผู้สร้างเจดีย์หลวงขึ้นกลางเมือง มีความสูง 76 ศอก ฐานแต่ละด้านกว้าง 48 ศอก
ด้วยขนาดที่ใหญ่โตจึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลาสร้างยาวนานหลายรัชกาล พบหลักฐานในชินกาลมาลีปกรณ์ว่าพระเจ้ากือนาสร้างซุ้มจระนำด้านทิศใต้ขึ้นมาใหม่เพื่อประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ต่อมาพระเจ้าแสนเมืองมาได้สร้างเจดีย์หลวงต่อ แต่การยังไม่แล้วเสร็จพระองค์ได้สวรรคตลง พระมเหสีจึงดำเนินการต่อจนยอดเจดีย์หลวงสร้างสำเร็จ
ชินกาลมาลีปกรณ์ระบุต่อไปว่า ในสมัยพระเจ้าติโลกราชได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์หลวงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแล้วเสร็จทำให้ยอดของเจดีย์หลวงมียอดเป็นอันเดียว ฐานกว้างด้านละ 52 ศอก สูง 92 ศอก ทำแท่นวางดอกไม้แต่ละด้านยาวประมาณ 57 ศอก สูง 2 ศอกกว่า ล้อมด้วยกำแพงศิลายาว 228 ศอก กว้าง 150 ศอก ฉาบปูนพระเจดีย์ หุ้มเจดีย์หลวงด้วยแผ่นทองแดงอันอาบด้วยน้ำตะโกทอง (น้ำยาผสมน้ำมันยางและหรดาล) และปิดทองคำเปลวทับ
พงศาวดารโยนกกล่าวถึงการบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์หลวงโดยพระเจ้าติโลกราชต่างออกไปจากชินกาลมาลีปกรณ์เป็นบางส่วน กล่าวคือ พระองค์โปรดให้หมื่นด้ำพร้าคต (สีหะเสนาบดี) ออกไปถ่ายแบบโลหะปราสาทและรัตนมาลีเจดีย์ที่ลังกาทวีปแล้วให้ท่านเป็นผู้อำนวยการปฏิสังขรณ์เจดีย์หลวง โดยเริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 2022 เมื่อแล้วเสร็จได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากลังกาไว้ด้วย พร้อมกันนั้นยังสร้างหอประดิษฐานพระแก้วมรกตและพระแก้วขาวตามอย่างโลหะปราสาท","provenance":"ตำนานทางภาคเหนือ เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ ระบุว่าพระเจ้าผายูกษัตริย์เชียงใหม่เป็นผู้สร้างเจดีย์หลวงขึ้นกลางเมือง มีความสูง 76 ศอก ฐานแต่ละด้านกว้าง 48 ศอก
ด้วยขนาดที่ใหญ่โตจึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลาสร้างยาวนานหลายรัชกาล พบหลักฐานในชินกาลมาลีปกรณ์ว่าพระเจ้ากือนาสร้างซุ้มจระนำด้านทิศใต้ขึ้นมาใหม่เพื่อประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ต่อมาพระเจ้าแสนเมืองมาได้สร้างเจดีย์หลวงต่อ แต่การยังไม่แล้วเสร็จพระองค์ได้สวรรคตลง พระมเหสีจึงดำเนินการต่อจนยอดเจดีย์หลวงสร้างสำเร็จ
ชินกาลมาลีปกรณ์ระบุต่อไปว่า ในสมัยพระเจ้าติโลกราชได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์หลวงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแล้วเสร็จทำให้ยอดของเจดีย์หลวงมียอดเป็นอันเดียว ฐานกว้างด้านละ 52 ศอก สูง 92 ศอก ทำแท่นวางดอกไม้แต่ละด้านยาวประมาณ 57 ศอก สูง 2 ศอกกว่า ล้อมด้วยกำแพงศิลายาว 228 ศอก กว้าง 150 ศอก ฉาบปูนพระเจดีย์ หุ้มเจดีย์หลวงด้วยแผ่นทองแดงอันอาบด้วยน้ำตะโกทอง (น้ำยาผสมน้ำมันยางและหรดาล) และปิดทองคำเปลวทับ
พงศาวดารโยนกกล่าวถึงการบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์หลวงโดยพระเจ้าติโลกราชต่างออกไปจากชินกาลมาลีปกรณ์เป็นบางส่วน กล่าวคือ พระองค์โปรดให้หมื่นด้ำพร้าคต (สีหะเสนาบดี) ออกไปถ่ายแบบโลหะปราสาทและรัตนมาลีเจดีย์ที่ลังกาทวีปแล้วให้ท่านเป็นผู้อำนวยการปฏิสังขรณ์เจดีย์หลวง โดยเริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 2022 เมื่อแล้วเสร็จได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากลังกาไว้ด้วย พร้อมกันนั้นยังสร้างหอประดิษฐานพระแก้วมรกตและพระแก้วขาวตามอย่างโลหะปราสาท","subject":"เจดีย์หลวง, วัดเจดีย์หลวง, ศิลปะล้านนา, พระเจ้าติโลกราช, ชินกาลมาลีปกรณ์, พระเจ้าแสนเมืองมา, พระเจ้ากือนา","spatial":"เชียงใหม่ (18.786944,98.986552)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/40"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุดอยสุเทพ","creator":"","description":"พงศาวดารโยนกให้ข้อมูลว่า พระเจ้ากือนาได้แสวงหาสถานที่อันควรประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่พระสุมนเถระอัญเชิญมาจากสุโขทัย จึงอัญเชิญผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสถิตเหนือช้างพระที่นั่ง เสี่ยงทายหาที่ประดิษฐาน ช้างพระที่นั่งจึงบ่ายหน้าขึ้นสู่ยอดดอยสุเทพ จึงโปรดให้สร้างเจดีย์ไว้บนยอดเขา เมื่อ พ.ศ. 1929
ต่อมาพระเมืองเกษเกล้าได้บูรณปฏิสังขรณ์ให้ใหญ่โตขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2081 และในสมัยพระเมกุฏิ พ.ศ. 2100 ได้หุ้มทองจังโกเจดีย์ทั้งองค์","provenance":"พงศาวดารโยนกให้ข้อมูลว่า พระเจ้ากือนาได้แสวงหาสถานที่อันควรประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่พระสุมนเถระอัญเชิญมาจากสุโขทัย จึงอัญเชิญผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสถิตเหนือช้างพระที่นั่ง เสี่ยงทายหาที่ประดิษฐาน ช้างพระที่นั่งจึงบ่ายหน้าขึ้นสู่ยอดดอยสุเทพ จึงโปรดให้สร้างเจดีย์ไว้บนยอดเขา เมื่อ พ.ศ. 1929
ต่อมาพระเมืองเกษเกล้าได้บูรณปฏิสังขรณ์ให้ใหญ่โตขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2081 และในสมัยพระเมกุฏิ พ.ศ. 2100 ได้หุ้มทองจังโกเจดีย์ทั้งองค์","subject":"พระธาตุดอยสุเทพ, วัดพระธาตุดอยสุเทพ","spatial":"เชียงใหม่ (18.805023,98.921607)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/41"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วิหารมหาโพธิ์","creator":"","description":"ตำนานทางล้านนา เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ ให้ข้อมูลว่าวัดมหาโพธรามแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าติโลกราช โดยพระองค์ได้สดับธรรมบรรยายถึงอานิสงส์ของการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ จึงโปรดให้สร้างวัดมหาโพธารามขึ้นเพื่อปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อ พ.ศ. 1999 นอกจากนี้พระองค์ยังโปรดให้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขึ้นอีก คือ สร้างเวทีให้เห็นเหมือนต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธองค์ผจญมาร และสัตตมหาสถาน ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2020 โปรดให้สร้างมหาวิหารขึ้นในวัดนี้ ซึ่งอาจหมายถึงอาคารที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวิหารเจ็ดยอดก็เป็นได้
ส่วนพงศาวดารโยนกเอ่ยถึงประวัติได้อย่างสังเขปว่า พ.ศ. 1998 พระเจ้าติโลกราชโปรดให้ปลูกโพธิ์ลังกาและสร้างมหาอาราม พร้อมทั้งผูกพัทธสีมา เรียกนามอารามว่า วัดโพธารามหาวิหาร","provenance":"ตำนานทางล้านนา เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ ให้ข้อมูลว่าวัดมหาโพธรามแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าติโลกราช โดยพระองค์ได้สดับธรรมบรรยายถึงอานิสงส์ของการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ จึงโปรดให้สร้างวัดมหาโพธารามขึ้นเพื่อปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อ พ.ศ. 1999 นอกจากนี้พระองค์ยังโปรดให้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขึ้นอีก คือ สร้างเวทีให้เห็นเหมือนต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธองค์ผจญมาร และสัตตมหาสถาน ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2020 โปรดให้สร้างมหาวิหารขึ้นในวัดนี้ ซึ่งอาจหมายถึงอาคารที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวิหารเจ็ดยอดก็เป็นได้
ส่วนพงศาวดารโยนกเอ่ยถึงประวัติได้อย่างสังเขปว่า พ.ศ. 1998 พระเจ้าติโลกราชโปรดให้ปลูกโพธิ์ลังกาและสร้างมหาอาราม พร้อมทั้งผูกพัทธสีมา เรียกนามอารามว่า วัดโพธารามหาวิหาร","subject":"วัดเจ็ดยอด, วิหารมหาโพธิ์, ศิลปะล้านนา, วัดโพธารามมหาวิหาร","spatial":"เชียงใหม่ (18.80906,98.971712)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/42"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์กู่เต้า","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง
","subject":"เจดีย์กู่เต้า, กู่เต้า, วัดกู่เต้า","spatial":"เชียงใหม่ (18.802317,98.988464)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/43"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์วัดอุโมงค์เถรจันทร์","creator":"","description":"วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระยาเม็งราย โดยมีชื่อว่า วัดไผ่สิบเอ็ดกอ ต่อมาในสมัยพระเจ้ากือนาได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถรจันทร์ ประกอบกับภายในวัดมีอาคารก่ออิฐที่มีอุโมงค์อยู่ภายใน จึงเรียกนามวัดนี้ว่า วัดอุโมงค์เถรจันทร์ เข้าใจว่าเจดีย์องค์นี้น่าจะสร้างขึ้นในช่วงต้นของสมัยล้านนานี้เช่นกัน
","provenance":"วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระยาเม็งราย โดยมีชื่อว่า วัดไผ่สิบเอ็ดกอ ต่อมาในสมัยพระเจ้ากือนาได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถรจันทร์ ประกอบกับภายในวัดมีอาคารก่ออิฐที่มีอุโมงค์อยู่ภายใน จึงเรียกนามวัดนี้ว่า วัดอุโมงค์เถรจันทร์ เข้าใจว่าเจดีย์องค์นี้น่าจะสร้างขึ้นในช่วงต้นของสมัยล้านนานี้เช่นกัน
","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์ทรงกลม, วัดอุโมงค์เถรจันทร์, วัดอุโมงค์เชิงดอยสุเทพ, วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์","spatial":"เชียงใหม่ (18.783139,98.951268)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/44"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อุโมงค์","creator":"","description":"วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระยาเม็งราย โดยมีชื่อว่า วัดไผ่สิบเอ็ดกอ ต่อมาในสมัยพระเจ้ากือนาได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถรจันทร์ ประกอบกับภายในวัดมีอาคารก่ออิฐที่มีอุโมงค์อยู่ภายใน จึงเรียกนามวัดนี้ว่า วัดอุโมงค์เถรจันทร์
","provenance":"วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระยาเม็งราย โดยมีชื่อว่า วัดไผ่สิบเอ็ดกอ ต่อมาในสมัยพระเจ้ากือนาได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถรจันทร์ ประกอบกับภายในวัดมีอาคารก่ออิฐที่มีอุโมงค์อยู่ภายใน จึงเรียกนามวัดนี้ว่า วัดอุโมงค์เถรจันทร์
","subject":"วัดอุโมงค์เถรจันทร์, วัดอุโมงค์เชิงดอยสุเทพ, วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์","spatial":"เชียงใหม่ (18.783467,98.951369)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/45"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วิหารพระสิงห์","creator":"","description":"ประวัติวัดพระสิงห์ปรากฏอยู่ในพงศาวดารโยนกว่า พระยาผายูโปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิของพระยาคำฟูเมื่อ พ.ศ.1887 แล้วให้สถาปนาเป็นพระอารามชื่อ พระเชียง ด้วยเหตุที่ตั้งอยู่หน้าตลาด (ลี) จึงเรียกกันว่า วัดลีเชียงพระ
สำหรับตำนานมูลศาสนากล่าวถึงประวัติการสร้างต่างออกไป โดยระบุว่า พระยาผายูสร้างวัดลีเชียงพระขึ้น ครั้งนั้นพระองค์ประสงค์สร้างเจดีย์ไว้ในวัดจึงให้คนทั้งหลายหาดินและอิฐ โดยดินและอิฐนั้นนำมานั้นนำมาจากเจดีย์หางรอบ (หางรอม) แต่มีจำนวนน้อยนัก พระยาผายูจึงให้ก่อเป็นเจดีย์องค์เล็กไว้องค์หนึ่ง เรียกว่าวัดกู่น้อย
เมื่อพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานยังอารามนี้ในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมาจึงเรียกนามใหม่ว่า วัดพระสิหิงค์ จากนั้นวัดพระสิงห์ก็ได้รับการทำนุบำรุงเสมอมา ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งก่อนสมัยปัจจุบันเกิดขึ้นโดยการนำของครูบาศริชัย
ในส่วนของวิหารลายคำนั้น จากการศึกษาทางรูปแบบศิลปกรรมที่เทียบได้กับวิหารที่สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 25 ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในช่วงนี้ ซึ่งอาจจะตรงกับ พ.ศ.2407 ตามที่ได้พบในพงศาวดารโยนกก็ได้ โดยเป็นการซ่อมแซมอยู่บนรากฐานวิหารหลังเดิม
ประวัติวัดพระสิงห์ปรากฏอยู่ในพงศาวดารโยนกว่า พระยาผายูโปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิของพระยาคำฟูเมื่อ พ.ศ.1887 แล้วให้สถาปนาเป็นพระอารามชื่อ พระเชียง ด้วยเหตุที่ตั้งอยู่หน้าตลาด (ลี) จึงเรียกกันว่า วัดลีเชียงพระ
สำหรับตำนานมูลศาสนากล่าวถึงประวัติการสร้างต่างออกไป โดยระบุว่า พระยาผายูสร้างวัดลีเชียงพระขึ้น ครั้งนั้นพระองค์ประสงค์สร้างเจดีย์ไว้ในวัดจึงให้คนทั้งหลายหาดินและอิฐ โดยดินและอิฐนั้นนำมานั้นนำมาจากเจดีย์หางรอบ (หางรอม) แต่มีจำนวนน้อยนัก พระยาผายูจึงให้ก่อเป็นเจดีย์องค์เล็กไว้องค์หนึ่ง เรียกว่าวัดกู่น้อย
เมื่อพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานยังอารามนี้ในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมาจึงเรียกนามใหม่ว่า วัดพระสิหิงค์ จากนั้นวัดพระสิงห์ก็ได้รับการทำนุบำรุงเสมอมา ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งก่อนสมัยปัจจุบันเกิดขึ้นโดยการนำของครูบาศริชัย
ในส่วนของวิหารลายคำนั้น จากการศึกษาทางรูปแบบศิลปกรรมที่เทียบได้กับวิหารที่สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 25 ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในช่วงนี้ ซึ่งอาจจะตรงกับ พ.ศ.2407 ตามที่ได้พบในพงศาวดารโยนกก็ได้ โดยเป็นการซ่อมแซมอยู่บนรากฐานวิหารหลังเดิม
ประวัติวัดพระสิงห์ปรากฏอยู่ในพงศาวดารโยนกว่า พระยาผายูโปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิของพระยาคำฟูเมื่อ พ.ศ.1887 แล้วให้สถาปนาเป็นพระอารามชื่อ พระเชียง ด้วยเหตุที่ตั้งอยู่หน้าตลาด (ลี) จึงเรียกกันว่า วัดลีเชียงพระ
สำหรับตำนานมูลศาสนากล่าวถึงประวัติการสร้างต่างออกไป โดยระบุว่า พระยาผายูสร้างวัดลีเชียงพระขึ้น ครั้งนั้นพระองค์ประสงค์สร้างเจดีย์ไว้ในวัดจึงให้คนทั้งหลายหาดินและอิฐ โดยดินและอิฐนั้นนำมานั้นนำมาจากเจดีย์หางรอบ (หางรอม) แต่มีจำนวนน้อยนัก พระยาผายูจึงให้ก่อเป็นเจดีย์องค์เล็กไว้องค์หนึ่ง เรียกว่าวัดกู่น้อย
เมื่อพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานยังอารามนี้ในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมาจึงเรียกนามใหม่ว่า วัดพระสิหิงค์ จากนั้นวัดพระสิงห์ก็ได้รับการทำนุบำรุงเสมอมา ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งก่อนสมัยปัจจุบันเกิดขึ้นโดยการนำของครูบาศริชัย
ในส่วนของวิหารลายคำนั้น จากการศึกษาทางรูปแบบศิลปกรรมที่เทียบได้กับวิหารที่สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 25 ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในช่วงนี้ ซึ่งอาจจะตรงกับ พ.ศ.2407 ตามที่ได้พบในพงศาวดารโยนกก็ได้ โดยเป็นการซ่อมแซมอยู่บนรากฐานวิหารหลังเดิม","provenance":"ประวัติวัดพระสิงห์ปรากฏอยู่ในพงศาวดารโยนกว่า พระยาผายูโปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิของพระยาคำฟูเมื่อ พ.ศ.1887 แล้วให้สถาปนาเป็นพระอารามชื่อ พระเชียง ด้วยเหตุที่ตั้งอยู่หน้าตลาด (ลี) จึงเรียกกันว่า วัดลีเชียงพระ
สำหรับตำนานมูลศาสนากล่าวถึงประวัติการสร้างต่างออกไป โดยระบุว่า พระยาผายูสร้างวัดลีเชียงพระขึ้น ครั้งนั้นพระองค์ประสงค์สร้างเจดีย์ไว้ในวัดจึงให้คนทั้งหลายหาดินและอิฐ โดยดินและอิฐนั้นนำมานั้นนำมาจากเจดีย์หางรอบ (หางรอม) แต่มีจำนวนน้อยนัก พระยาผายูจึงให้ก่อเป็นเจดีย์องค์เล็กไว้องค์หนึ่ง เรียกว่าวัดกู่น้อย
เมื่อพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานยังอารามนี้ในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมาจึงเรียกนามใหม่ว่า วัดพระสิหิงค์ จากนั้นวัดพระสิงห์ก็ได้รับการทำนุบำรุงเสมอมา ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งก่อนสมัยปัจจุบันเกิดขึ้นโดยการนำของครูบาศริชัย
ในส่วนของวิหารลายคำนั้น จากการศึกษาทางรูปแบบศิลปกรรมที่เทียบได้กับวิหารที่สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 25 ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในช่วงนี้ ซึ่งอาจจะตรงกับ พ.ศ.2407 ตามที่ได้พบในพงศาวดารโยนกก็ได้ โดยเป็นการซ่อมแซมอยู่บนรากฐานวิหารหลังเดิม","subject":"วัดพระสิงห์, วิหารพระสิงห์, วิหารลายคำ","spatial":"เชียงใหม่ (18.788366,98.98119)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/47"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เทวดาปูนปั้น","creator":"","description":"ตำนานทางล้านนา เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ ให้ข้อมูลว่าวัดมหาโพธารามแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าติโลกราช โดยพระองค์ได้สดับธรรมบรรยายถึงอานิสงส์ของการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ จึงโปรดให้สร้างวัดมหาโพธารามขึ้นเพื่อปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อ พ.ศ. 1999 นอกจากนี้พระองค์ยังโปรดให้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขึ้นอีก คือ สร้างเวทีให้เห็นเหมือนต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธองค์ผจญมาร และสัตตมหาสถาน ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2020 โปรดให้สร้างมหาวิหารขึ้นในวัดนี้ ซึ่งอาจหมายถึงอาคารที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวิหารเจ็ดยอดก็เป็นได้
ส่วนพงศาวดารโยนกเอ่ยถึงประวัติได้อย่างสังเขปว่า พ.ศ. 1998 พระเจ้าติโลกราชโปรดให้ปลูกโพธิ์ลังกาและสร้างมหาอาราม พร้อมทั้งผูกพัทธสีมา เรียกนามอารามว่า วัดโพธารามหาวิหาร","provenance":"ตำนานทางล้านนา เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ ให้ข้อมูลว่าวัดมหาโพธารามแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าติโลกราช โดยพระองค์ได้สดับธรรมบรรยายถึงอานิสงส์ของการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ จึงโปรดให้สร้างวัดมหาโพธารามขึ้นเพื่อปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อ พ.ศ. 1999 นอกจากนี้พระองค์ยังโปรดให้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขึ้นอีก คือ สร้างเวทีให้เห็นเหมือนต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธองค์ผจญมาร และสัตตมหาสถาน ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2020 โปรดให้สร้างมหาวิหารขึ้นในวัดนี้ ซึ่งอาจหมายถึงอาคารที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวิหารเจ็ดยอดก็เป็นได้
ส่วนพงศาวดารโยนกเอ่ยถึงประวัติได้อย่างสังเขปว่า พ.ศ. 1998 พระเจ้าติโลกราชโปรดให้ปลูกโพธิ์ลังกาและสร้างมหาอาราม พร้อมทั้งผูกพัทธสีมา เรียกนามอารามว่า วัดโพธารามหาวิหาร","subject":"วิหารมหาโพธิ์, วัดมหาโพธาราม, ศิลปะล้านนา, เทวดา, วัดโพธารามมหาวิหาร","spatial":"เชียงใหม่ (18.80906,98.971712)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/48"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์วัดป่าสัก","creator":"","description":"พงศาวดารภาคที่ 61 ให้ข้อมูลว่าพระเจ้าแสนภูโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นภายหลังจากสร้างเมืองเชียงแสน 4 ปี โดยตั้งอยู่นอกประตูเมือง ปลูกต้นสัก 300 ต้น จึงเรียกชื่ออารามนี้ว่า “อารามป่าสัก” ทั้งนี้ในชินกาลมาลีปกรณ์ระบุศักราชสร้างเมืองเชียงแสนว่าตรงกับ พ.ศ. 1871 ดังนั้นวัดป่าสักน่าจะสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1875
","provenance":"พงศาวดารภาคที่ 61 ให้ข้อมูลว่าพระเจ้าแสนภูโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นภายหลังจากสร้างเมืองเชียงแสน 4 ปี โดยตั้งอยู่นอกประตูเมือง ปลูกต้นสัก 300 ต้น จึงเรียกชื่ออารามนี้ว่า “อารามป่าสัก” ทั้งนี้ในชินกาลมาลีปกรณ์ระบุศักราชสร้างเมืองเชียงแสนว่าตรงกับ พ.ศ. 1871 ดังนั้นวัดป่าสักน่าจะสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1875
","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท","spatial":"เชียงราย (20.273021,2242061.06)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/49"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สุนันทานุสาวรีย์","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2424เพื่อเป็นที่ระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสีที่สิ้นพระชนม์จากเหตุการณ์เรือพระประเทียบล่มเมื่อ พ.ศ.2423 เนื่องจากทั้ง 2 พระองค์พระองค์เคยเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้ว เมื่อ พ.ศ. 2417 และทรงชื่นชมความงามธรรมชาติของน้ำตกพลิ้วเป็นอย่างยิ่ง
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2424เพื่อเป็นที่ระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสีที่สิ้นพระชนม์จากเหตุการณ์เรือพระประเทียบล่มเมื่อ พ.ศ.2423 เนื่องจากทั้ง 2 พระองค์พระองค์เคยเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้ว เมื่อ พ.ศ. 2417 และทรงชื่นชมความงามธรรมชาติของน้ำตกพลิ้วเป็นอย่างยิ่ง
","subject":"สุนันทานุสาวรีย์, พีระมิดพระนางเรือล่ม, สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ , พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, น้ำตกพลิ้ว, อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเรือล่ม, พระนางเรือล่ม, รัชกาลที่ 5","spatial":"จันทบุรี (12.5261546,102.178528)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/50"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มณฑปพระสี่อิริยาบถ","creator":"","description":"วัดพระสี่อิริยาบถไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบของมณฑปประธานที่คล้ายคลึงกับวัดพระเชตุพนเมืองสุโขทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้เชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งจากรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธลักษณะของพระพุทธรูปที่ยังพอหลงเหลืออยู่ ความนิยมทำพระพุทธรูปลีลา ทำให้กำหนดอายุการสร้างได้ราวพุทธศตวรรษที่ 20 ทั้งนี้วัดแห่งนี้ยังอาจมีการบูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้งในราวพุทธศตวรรษที่ 21 ด้วย
","provenance":"วัดพระสี่อิริยาบถไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบของมณฑปประธานที่คล้ายคลึงกับวัดพระเชตุพนเมืองสุโขทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้เชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งจากรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธลักษณะของพระพุทธรูปที่ยังพอหลงเหลืออยู่ ความนิยมทำพระพุทธรูปลีลา ทำให้กำหนดอายุการสร้างได้ราวพุทธศตวรรษที่ 20 ทั้งนี้วัดแห่งนี้ยังอาจมีการบูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้งในราวพุทธศตวรรษที่ 21 ด้วย
","subject":"วัดพระสี่อิริยาบถ, พระสี่อิริยาบถ","spatial":"กำแพงเพชร (16.501321,99.51453)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/52"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ประธานวัดช้างรอบกำแพงเพชร","creator":"","description":"วัดช้างรอบและเจดีย์ช้างรอบไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงศักราชการสร้าง แต่จากความนิยมเจดีย์ที่มีช้างล้อมในภาคกลางที่มีมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-20 จึงเชื่อว่าเจดีย์องค์นี้ควรสร้างขึ้นในระยะเวลานี้เช่นกัน
","provenance":"วัดช้างรอบและเจดีย์ช้างรอบไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงศักราชการสร้าง แต่จากความนิยมเจดีย์ที่มีช้างล้อมในภาคกลางที่มีมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-20 จึงเชื่อว่าเจดีย์องค์นี้ควรสร้างขึ้นในระยะเวลานี้เช่นกัน
","subject":"เจดีย์ช้างล้อม, วัดช้างรอบกำแพงเพชร","spatial":"กำแพงเพชร (16.502948,99.509752)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/53"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทเมืองสิงห์","creator":"","description":"ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากการใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลัก ทำให้เทียบได้กับปราสาทในรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือศิลปะบายนที่พบในประเทศไทย ประกอบกับโบราณวัตถุที่พบจากการขุดค้นขุดแต่ง เช่น พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ ก็สร้างขึ้นเนื่องในคติพุทธศาสนามหายาน และมีสุนทรียภาพตามที่นิยมในสมัยของพระองค์ จึงเชื่อว่าปราสาทเมืองสิงห์สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 18
ข้อความจากจารึกปราสาทพระขรรค์ ประเทศกัมพูชา ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ว่าโปรดให้ส่งพระชัยพุทธมหานาถไปยังเมืองต่างๆ 23 เมือง ในจำนวนดังกล่าวนั้นมีเมืองที่เชื่อว่าอยู่ในภาคกลางและภาคตะวันตกของประเทศไทยด้วย โดยเมืองสิงห์เชื่อว่าตรงกับชัยสิงหปุระ","provenance":"ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากการใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลัก ทำให้เทียบได้กับปราสาทในรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือศิลปะบายนที่พบในประเทศไทย ประกอบกับโบราณวัตถุที่พบจากการขุดค้นขุดแต่ง เช่น พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ ก็สร้างขึ้นเนื่องในคติพุทธศาสนามหายาน และมีสุนทรียภาพตามที่นิยมในสมัยของพระองค์ จึงเชื่อว่าปราสาทเมืองสิงห์สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 18
ข้อความจากจารึกปราสาทพระขรรค์ ประเทศกัมพูชา ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ว่าโปรดให้ส่งพระชัยพุทธมหานาถไปยังเมืองต่างๆ 23 เมือง ในจำนวนดังกล่าวนั้นมีเมืองที่เชื่อว่าอยู่ในภาคกลางและภาคตะวันตกของประเทศไทยด้วย โดยเมืองสิงห์เชื่อว่าตรงกับชัยสิงหปุระ","subject":"ปราสาทหิน, ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ปราสาทเมืองสิงห์, ปราสาทเมืองสิงห์, เมืองสิงห์, เมืองสิงห์","spatial":"กาญจนบุรี (14.036178,99.243022)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/54"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุศรีสองรัก","creator":"","description":"สร้างเมื่อ พ.ศ. 2103 ภายใต้การอุปถัมภ์ของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา กับพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ล้านช้าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสัมพันธไมตรีระหว่างกัน เนื่องด้วยขณะนั้นพระเจ้าบุเรงนองแห่งพม่ากำลังพยายามแผ่ขยายพระราชอำนาจมายังกรุงศรีอยุธยาและล้านช้าง เป็นสักขีพยานในความรักสนิทสนมระหว่างกษัตริย์ทั้งสอง จึงตั้งชื่อพระธาตุเจดีย์นี้ว่า “ศรีสองรัก”
นอกจากนี้พระธาตุศรีสองรักยังเสมือนเป็นหลักแดนระหว่างกรุงศรีอยุธยากับล้านช้างด้วย","provenance":"สร้างเมื่อ พ.ศ. 2103 ภายใต้การอุปถัมภ์ของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา กับพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ล้านช้าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสัมพันธไมตรีระหว่างกัน เนื่องด้วยขณะนั้นพระเจ้าบุเรงนองแห่งพม่ากำลังพยายามแผ่ขยายพระราชอำนาจมายังกรุงศรีอยุธยาและล้านช้าง เป็นสักขีพยานในความรักสนิทสนมระหว่างกษัตริย์ทั้งสอง จึงตั้งชื่อพระธาตุเจดีย์นี้ว่า “ศรีสองรัก”
นอกจากนี้พระธาตุศรีสองรักยังเสมือนเป็นหลักแดนระหว่างกรุงศรีอยุธยากับล้านช้างด้วย","subject":"พระธาตุ, เจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม, พระธาตุศรีสองรัก","spatial":"เลย (17.270075,101.140681)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/55"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุลำปางหลวง","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการก่อสร้างที่แน่ชัด แต่มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพระธาตุลำปางหลวงซึ่งกล่าวถึงในสมัยพุทธกาลว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จจาริกไปตามบ้านเมืองต่าง ๆ จนถึงบ้านลัมภะการีวัน หรือ บ้านลำปางหลวงในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าได้ประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะชื่อลัวะอ้ายกอน เกิดความเลื่อมใส ได้นำน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้างมะพร้าว พระพุทธองค์ได้ฉันน้ำผึ้งแล้วทิ้งกระบอกไม้ป้างไปทางทิศเหนือ แล้วทรงพยากรณ์ว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะมีชื่อว่า ลัมพกัปปะนคร ได้ทรงลูบพระเศียรได้พระเกศามา 1 เส้น มอบให้แก่ลัวะอ้ายกอนผู้นั้น จึงได้นำพระเกศาบรรจุในผอบทองคำ และใส่ลงในอุโมงค์พร้อมกับถวายแก้วแหวนเงินทองเป็นเครื่องบูชา จากนั้นได้ก่อเป็นพระเจดีย์สูงเจ็ดศอกเหนืออุโมงค์นั้น ในสมัยต่อมาก็ได้มีกษัตริย์เจ้าผู้ครองนครลำปางอีกหลายพระองค์มาก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซม จนกระทั่งเป็นพระธาตุลำปางหลวงในปัจจุบัน
จากรูปแบบศิลปกรรมของพระธาตุลำปางหลวงสามารถเทียบได้กับเจดีย์องค์อื่นๆ ที่สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 จึงเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในระยะนี้ และมีการซ่อมแซมมาโดยตลอด ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2019 โดยพบหลักฐานจารึกที่วัดพระธาตุลำปางหลวงกล่าวถึงการบูรณะพระธาตุและพระเจ้าล้านทองในปีนั้น","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการก่อสร้างที่แน่ชัด แต่มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพระธาตุลำปางหลวงซึ่งกล่าวถึงในสมัยพุทธกาลว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จจาริกไปตามบ้านเมืองต่าง ๆ จนถึงบ้านลัมภะการีวัน หรือ บ้านลำปางหลวงในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าได้ประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะชื่อลัวะอ้ายกอน เกิดความเลื่อมใส ได้นำน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้างมะพร้าว พระพุทธองค์ได้ฉันน้ำผึ้งแล้วทิ้งกระบอกไม้ป้างไปทางทิศเหนือ แล้วทรงพยากรณ์ว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะมีชื่อว่า ลัมพกัปปะนคร ได้ทรงลูบพระเศียรได้พระเกศามา 1 เส้น มอบให้แก่ลัวะอ้ายกอนผู้นั้น จึงได้นำพระเกศาบรรจุในผอบทองคำ และใส่ลงในอุโมงค์พร้อมกับถวายแก้วแหวนเงินทองเป็นเครื่องบูชา จากนั้นได้ก่อเป็นพระเจดีย์สูงเจ็ดศอกเหนืออุโมงค์นั้น ในสมัยต่อมาก็ได้มีกษัตริย์เจ้าผู้ครองนครลำปางอีกหลายพระองค์มาก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซม จนกระทั่งเป็นพระธาตุลำปางหลวงในปัจจุบัน
จากรูปแบบศิลปกรรมของพระธาตุลำปางหลวงสามารถเทียบได้กับเจดีย์องค์อื่นๆ ที่สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 จึงเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในระยะนี้ และมีการซ่อมแซมมาโดยตลอด ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2019 โดยพบหลักฐานจารึกที่วัดพระธาตุลำปางหลวงกล่าวถึงการบูรณะพระธาตุและพระเจ้าล้านทองในปีนั้น","subject":"พระธาตุลำปางหลวง, ปราสาท","spatial":null,"temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/56"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มประตูโขง วัดพระธาตุลำปางหลวง","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างที่แน่ชัด นักวิชาการสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในคราวที่มีการบูรณะพระธาตุลำปางหลวงครั้งใหญ่ ในพ.ศ.2106
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างที่แน่ชัด นักวิชาการสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในคราวที่มีการบูรณะพระธาตุลำปางหลวงครั้งใหญ่ ในพ.ศ.2106
","subject":"โขง, ซุ้มโขง, โขงประตู, ปราสาท","spatial":"ลำปาง (18.217315,99.389365)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/57"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์กู่กุด","creator":"","description":"เจดีย์กู่กุดองค์นี้เชื่อว่าเป็นองค์เดียวกันกับเจดีย์มหาพล (วัดจามเทวีมีอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทุ่งมหาพล) ซึ่งปรากฏในชินกาลมาลีปกรณ์ ว่าพระเจ้าทิตตะ (บางท่านเชื่อว่าเป็นองค์เดียวกันกับพระเจ้าอาทิตยราช) แห่งอาณาจักรหริภุญชัยสั่งให้เชลยศึกชาวละโว้สร้างขึ้น
ต่อมาเจดีย์องค์นี้คงได้รับการสร้างใหม่หรือปฏิสังขรณ์ในสมัยพระเจ้าสรรพสิทธิ์ (สววาธิสิทธิ) ดังรายละเอียดที่ปรากฏอยู่ในจารึกซึ่งค้นพบบริเวณฐานเจดีย์องค์นี้ เนื้อความสรุปได้ว่าพระองค์ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เจดีย์ที่ได้พังทลายลงเมื่อคราวแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อสร้างเสร็จโปรดให้ประดับเจดีย์ด้วยทอง","provenance":"เจดีย์กู่กุดองค์นี้เชื่อว่าเป็นองค์เดียวกันกับเจดีย์มหาพล (วัดจามเทวีมีอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทุ่งมหาพล) ซึ่งปรากฏในชินกาลมาลีปกรณ์ ว่าพระเจ้าทิตตะ (บางท่านเชื่อว่าเป็นองค์เดียวกันกับพระเจ้าอาทิตยราช) แห่งอาณาจักรหริภุญชัยสั่งให้เชลยศึกชาวละโว้สร้างขึ้น
ต่อมาเจดีย์องค์นี้คงได้รับการสร้างใหม่หรือปฏิสังขรณ์ในสมัยพระเจ้าสรรพสิทธิ์ (สววาธิสิทธิ) ดังรายละเอียดที่ปรากฏอยู่ในจารึกซึ่งค้นพบบริเวณฐานเจดีย์องค์นี้ เนื้อความสรุปได้ว่าพระองค์ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เจดีย์ที่ได้พังทลายลงเมื่อคราวแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อสร้างเสร็จโปรดให้ประดับเจดีย์ด้วยทอง","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท, วัดจามเทวี, เจดีย์กู่กุด, วัดกู่กุด ","spatial":"ลำพูน (18.58168,98.996078)","temporal":"หริภุญชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/58"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"รัตนเจดีย์","creator":"","description":"ไม่พบประวัติการสร้างรัตนเจดีย์แห่งวัดกู่กุด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมทำให้สามารถกำหนดอายุเจดีย์องค์นี้ว่าคงสร้างขึ้นในสมัยหริภุญชัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบของพระพุทธรูปและซุ้มที่คล้ายคลึงกันกับที่พบในเจดีย์กู่กุด จึงกำหนดอายุไว้ในระยะเวลาเดียวกัน คือ พุทธศตวรรษที่ 16-18
","provenance":"ไม่พบประวัติการสร้างรัตนเจดีย์แห่งวัดกู่กุด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมทำให้สามารถกำหนดอายุเจดีย์องค์นี้ว่าคงสร้างขึ้นในสมัยหริภุญชัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบของพระพุทธรูปและซุ้มที่คล้ายคลึงกันกับที่พบในเจดีย์กู่กุด จึงกำหนดอายุไว้ในระยะเวลาเดียวกัน คือ พุทธศตวรรษที่ 16-18
","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท, วัดจามเทวี, เจดีย์กู่กุด, รัตนเจดีย์","spatial":"ลำพูน (18.581674,98.996314)","temporal":"หริภุญชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/59"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุหริภุญชัย","creator":"","description":"พระธาตุหริภุญชัยปรากฏหลักฐานการสร้างในตำนานต่างๆ เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ พงศาวดารโยนก รายละเอียดอาจแตกต่างกันไป แต่เนื้อหาหลักเป็นเช่นเดียวกันว่าพระเจ้าอาทิจจ์ หรือพระเจ้าอาทิตยราชผู้ครองอาณาจักรหริภุญชัยโปรดให้สร้างขึ้น
จามเทวีวงศ์ ตำนานมูลศาสนา และชินกาลมาลีปกรณ์ให้รายละเอียดกล่าวไว้คล้ายกันในลักษณะตำนานว่า พระพุทธองค์ได้เสด็จมายังตำแหน่งที่จะสร้างพระธาตุหริภุญชัย มีพุทธทำนายว่าเมื่อพระเจ้าอาทิจจ์ขึ้นครองราชสมบัติจะปรากฏพระบรมสารีริกธาตุขึ้นในที่แห่งนี้
เมื่อพระเจ้าอาทิตยราชขึ้นครองราชสมบัติก็ได้ทราบถึงพุทธทำนายดังกล่าว จึงอาราธนาให้พระบรมสารีริกธาตุแสดงปาฏิหาริย์ขึ้น พระบรมสารีริกธาตุซึ่งบรรจุอยู่ภายในผอบโดยพระเจ้าอโศกมหาราชก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าพระพักตร์ ชินกาลมาลีปกรณ์เล่าต่อว่า พระองค์จึงโปรดให้สร้างเจดีย์ทรงปราสาทสูง 12 ศอก มีเสา 4 ต้น ประตู 4 ด้าน และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุลงในที่นั้น เมื่อ พ.ศ.1607 ครั้นต่อมาพระเจ้าสัพพาสิทธิได้ก่อเสริมให้สูงขึ้นเป็น 24 ศอก
ตำนานอื่นๆ มีรายละเอียดแตกต่างกันออกไปบ้าง เช่น พงศาวดารโยนก กล่าวถึงพระธาตุที่สร้างขึ้นนี้ว่าสูง 1 เส้น 3 วา และยังสร้างโบสถ์ วิหาร การเปรียญ และอื่นๆ
ทั้งนี้น่าเสียดายที่เจดีย์ที่พระเจ้าอาทิตยราชโปรดให้สร้างขึ้นได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่หมดในสมัยล้านนา ไม่สามารถศึกษาได้แล้วในปัจจุบันทั้งนี้ร่องรอยหลักฐานการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในสมัยพระยามังราย ดังที่ตำนานมูลศาสนาได้ระบุว่า ให้คนทั้งหลายไปเอาหินมาแล้วก่อครอบให้กลม มิให้เป็นคูหาเหมือนดังก่อน สูงได้ 70 ศอก ตกแต่งให้สวยงาม
จากนั้นได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุหริภุญชัยมาเป็นระยะ ครั้งใหญ่และได้รับการบันทึกไว้ในตำนานฝ่ายเหนือ เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ ระบุว่าพระเจ้าแสนเมืองมาได้หุ้มพระธาตุด้วยแผ่นทองคำหนักสองแสนหนึ่งหมื่น ในขณะที่ตำนานมูลศาสนาระบุว่าหุ้มทองหนักเก้าแสนสามหมื่นห้าพัน จากนั้นยังคงมีการบูรณปฏิสังขรณ์มาเป็นระยะ
ทั้งนี้ได้ค้นพบว่าแผ่นทองบริเวณองค์ระฆังมีพระพุทธรูปดุนนูนประดับอยู่ 8 องค์ โดยองค์หนึ่งมีจารึกกำกับว่า เจ้าหมาเทวีผู้เป็นแม่แก่เจ้าพระยาทั้งสองพี่น้องเป็นผู้สร้าง จากรูปอักษรที่ใช้และเหตุการณ์ประวัติทำให้เชื่อว่าผู้สร้างน่าจะได้แก่พระนางจิตราเทวี ผู้เป็นพระราชชนนีของพระเจ้ากือนากับท้าวมหาพรหม ซึ่งเป็นกษัตริย์ครองเชียงใหม่และเชียงแสนในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ข้อมูลดังกล่าวนี้อาจทำให้ช่วยกำหนดอายุการสร้างหรือซ่อมแซมพระธาตุหริภุญชัยได้ดียิ่งขึ้น
พระธาตุหริภุญชัยปรากฏหลักฐานการสร้างในตำนานต่างๆ เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ พงศาวดารโยนก รายละเอียดอาจแตกต่างกันไป แต่เนื้อหาหลักเป็นเช่นเดียวกันว่าพระเจ้าอาทิจจ์ หรือพระเจ้าอาทิตยราชผู้ครองอาณาจักรหริภุญชัยโปรดให้สร้างขึ้น
จามเทวีวงศ์ ตำนานมูลศาสนา และชินกาลมาลีปกรณ์ให้รายละเอียดกล่าวไว้คล้ายกันในลักษณะตำนานว่า พระพุทธองค์ได้เสด็จมายังตำแหน่งที่จะสร้างพระธาตุหริภุญชัย มีพุทธทำนายว่าเมื่อพระเจ้าอาทิจจ์ขึ้นครองราชสมบัติจะปรากฏพระบรมสารีริกธาตุขึ้นในที่แห่งนี้
เมื่อพระเจ้าอาทิตยราชขึ้นครองราชสมบัติก็ได้ทราบถึงพุทธทำนายดังกล่าว จึงอาราธนาให้พระบรมสารีริกธาตุแสดงปาฏิหาริย์ขึ้น พระบรมสารีริกธาตุซึ่งบรรจุอยู่ภายในผอบโดยพระเจ้าอโศกมหาราชก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าพระพักตร์ ชินกาลมาลีปกรณ์เล่าต่อว่า พระองค์จึงโปรดให้สร้างเจดีย์ทรงปราสาทสูง 12 ศอก มีเสา 4 ต้น ประตู 4 ด้าน และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุลงในที่นั้น เมื่อ พ.ศ.1607 ครั้นต่อมาพระเจ้าสัพพาสิทธิได้ก่อเสริมให้สูงขึ้นเป็น 24 ศอก
ตำนานอื่นๆ มีรายละเอียดแตกต่างกันออกไปบ้าง เช่น พงศาวดารโยนก กล่าวถึงพระธาตุที่สร้างขึ้นนี้ว่าสูง 1 เส้น 3 วา และยังสร้างโบสถ์ วิหาร การเปรียญ และอื่นๆ
ทั้งนี้น่าเสียดายที่เจดีย์ที่พระเจ้าอาทิตยราชโปรดให้สร้างขึ้นได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่หมดในสมัยล้านนา ไม่สามารถศึกษาได้แล้วในปัจจุบันทั้งนี้ร่องรอยหลักฐานการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในสมัยพระยามังราย ดังที่ตำนานมูลศาสนาได้ระบุว่า ให้คนทั้งหลายไปเอาหินมาแล้วก่อครอบให้กลม มิให้เป็นคูหาเหมือนดังก่อน สูงได้ 70 ศอก ตกแต่งให้สวยงาม
จากนั้นได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุหริภุญชัยมาเป็นระยะ ครั้งใหญ่และได้รับการบันทึกไว้ในตำนานฝ่ายเหนือ เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์ ระบุว่าพระเจ้าแสนเมืองมาได้หุ้มพระธาตุด้วยแผ่นทองคำหนักสองแสนหนึ่งหมื่น ในขณะที่ตำนานมูลศาสนาระบุว่าหุ้มทองหนักเก้าแสนสามหมื่นห้าพัน จากนั้นยังคงมีการบูรณปฏิสังขรณ์มาเป็นระยะ
ทั้งนี้ได้ค้นพบว่าแผ่นทองบริเวณองค์ระฆังมีพระพุทธรูปดุนนูนประดับอยู่ 8 องค์ โดยองค์หนึ่งมีจารึกกำกับว่า เจ้าหมาเทวีผู้เป็นแม่แก่เจ้าพระยาทั้งสองพี่น้องเป็นผู้สร้าง จากรูปอักษรที่ใช้และเหตุการณ์ประวัติทำให้เชื่อว่าผู้สร้างน่าจะได้แก่พระนางจิตราเทวี ผู้เป็นพระราชชนนีของพระเจ้ากือนากับท้าวมหาพรหม ซึ่งเป็นกษัตริย์ครองเชียงใหม่และเชียงแสนในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ข้อมูลดังกล่าวนี้อาจทำให้ช่วยกำหนดอายุการสร้างหรือซ่อมแซมพระธาตุหริภุญชัยได้ดียิ่งขึ้น
สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ.2399
สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ.2399
ปรางค์พระศรีรัตนมหาธาตุลพบุรีไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากการศึกษาทางด้านรูปแบบ โครงสร้าง และลวดลาย พบว่ามีความใกล้เคียงกับปราสาทในวัฒนธรรมเขมรกว่าปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้น จึงสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีราว 100 ปี หรือราว พ.ศ. 1800 และมีการบูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้งในราวรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์
","provenance":"ปรางค์พระศรีรัตนมหาธาตุลพบุรีไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากการศึกษาทางด้านรูปแบบ โครงสร้าง และลวดลาย พบว่ามีความใกล้เคียงกับปราสาทในวัฒนธรรมเขมรกว่าปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้น จึงสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีราว 100 ปี หรือราว พ.ศ. 1800 และมีการบูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้งในราวรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์
","subject":"ปรางค์, ปรางค์, ปรางค์, วัดพระศรีรัตนมหาธาตุลพบุรี, วัดพระศรีรัตนมหาธาตุลพบุรี, วัดพระศรีรัตนมหาธาตุลพบุรี","spatial":"ลพบุรี (14.798756,100.613852)","temporal":"ก่อนอยุธยา, สุโขทัย, อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/63"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระนารายณ์ราชนิเวศน์","creator":"","description":"คำให้การชาวกรุงเก่าได้ให้ข้อมูลไว้ว่าเมื่อสมเด็จพระนารายณ์ขึ้นครองราชย์ได้ 10 ปี จึงโปรดให้สร้างพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี ตรงกับ พ.ศ. 2209 สันนิษฐานกันว่าพระองค์โปรดให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาใกล้กับปากน้ำเจ้าพระยาเกินไป หากเกิดข้อพิพาทกับชาติตะวันตกก็อาจทำให้เสียทีได้ง่าย เพราะเมื่อ พ.ศ.2207 ได้เกิดข้อพิพาทกับฮอลันดาจนนำเรือมาปิดปากอ่าว บังคับให้กรุงศรีอยุธยาทำสนธิสัญญาเสียเปรียบทางการค้า
พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์เกือบทั้งตลอดปี พระองค์สวรรคต ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ในพระราชวังแห่งนี้ ก่อนที่พระองค์จะสวรรคตได้เกิดการยึดอำนาจโดยกลุ่มพระเพทราชา พระองค์เกรงว่าภัยจะมาถึงข้าราชบริพารจึงถวายพระราชวังให้เป็นวิสุงคามสีมาแด่สงฆ์ ให้ข้าราชบริพารอุปสมบทภายในพระราชวัง
เมื่อสมเด็จพระนารายณ์สวรรคตพระราชวังแห่งนี้จึงถูกทิ้งร้างลง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ผาติกรรมคืนโดยซื้อที่ดินถวายแด่สงฆ์เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินของพระราชวัง และได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ อีก 3 วัด ได้แก่ วัดชุมพลนิกายาราม วัดเสนาสนาราม และวัดกรวิศราราม พระองค์ได้บูรณปฏิสังขรณ์พระราชวังขึ้นใหม่และพระราชทานนามว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์","provenance":"คำให้การชาวกรุงเก่าได้ให้ข้อมูลไว้ว่าเมื่อสมเด็จพระนารายณ์ขึ้นครองราชย์ได้ 10 ปี จึงโปรดให้สร้างพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี ตรงกับ พ.ศ. 2209 สันนิษฐานกันว่าพระองค์โปรดให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาใกล้กับปากน้ำเจ้าพระยาเกินไป หากเกิดข้อพิพาทกับชาติตะวันตกก็อาจทำให้เสียทีได้ง่าย เพราะเมื่อ พ.ศ.2207 ได้เกิดข้อพิพาทกับฮอลันดาจนนำเรือมาปิดปากอ่าว บังคับให้กรุงศรีอยุธยาทำสนธิสัญญาเสียเปรียบทางการค้า
พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์เกือบทั้งตลอดปี พระองค์สวรรคต ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ในพระราชวังแห่งนี้ ก่อนที่พระองค์จะสวรรคตได้เกิดการยึดอำนาจโดยกลุ่มพระเพทราชา พระองค์เกรงว่าภัยจะมาถึงข้าราชบริพารจึงถวายพระราชวังให้เป็นวิสุงคามสีมาแด่สงฆ์ ให้ข้าราชบริพารอุปสมบทภายในพระราชวัง
เมื่อสมเด็จพระนารายณ์สวรรคตพระราชวังแห่งนี้จึงถูกทิ้งร้างลง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ผาติกรรมคืนโดยซื้อที่ดินถวายแด่สงฆ์เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินของพระราชวัง และได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ อีก 3 วัด ได้แก่ วัดชุมพลนิกายาราม วัดเสนาสนาราม และวัดกรวิศราราม พระองค์ได้บูรณปฏิสังขรณ์พระราชวังขึ้นใหม่และพระราชทานนามว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์","subject":"พระนารายณ์ราชนิเวศน์, พระนารายณ์มหาราช","spatial":"ลพบุรี (14.799766,100.61001)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/64"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท","creator":"","description":"พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทคงสร้างขึ้นพร้อมๆกันกับพระนารายณ์ราชนิเวศน์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เพราะเป็นพระที่นั่งหลัก ใช้เป็นที่ออกว่าราชการ คำให้การชาวกรุงเก่าให้ข้อมูลว่าหลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแล้ว 10 ปี จึงโปรดให้สร้างพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2209
พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทคงสร้างขึ้นพร้อมๆกันกับพระนารายณ์ราชนิเวศน์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เพราะเป็นพระที่นั่งหลัก ใช้เป็นที่ออกว่าราชการ คำให้การชาวกรุงเก่าให้ข้อมูลว่าหลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแล้ว 10 ปี จึงโปรดให้สร้างพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2209
ตึกรับรองราชทูตคงสร้างขึ้นพร้อมๆกันกับพระนารายณ์ราชนิเวศน์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งคำให้การชาวกรุงเก่าให้ข้อมูลว่าหลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแล้ว 10 ปี จึงโปรดให้สร้างพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2209
","provenance":"ตึกรับรองราชทูตคงสร้างขึ้นพร้อมๆกันกับพระนารายณ์ราชนิเวศน์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งคำให้การชาวกรุงเก่าให้ข้อมูลว่าหลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแล้ว 10 ปี จึงโปรดให้สร้างพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2209
","subject":"พระนารายณ์ราชนิเวศน์, พระนารายณ์ราชนิเวศน์, ตึกรับราชทูต, ตึกรับราชทูต","spatial":"ลพบุรี (14.799568,100.611352)","temporal":"อยุธยา, อยุธยาตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/66"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปรางค์แขก","creator":"","description":"ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่พบจากปราสาทประธาน 3 หลัง เช่น การทำเสาอิงหรือเสาหลอกที่มุมประธาน การทำซุ้มประดิษฐานรูปเคารพภายในครรภคฤหะโดยซุ้มประกอบด้วยวงโค้งสามวง เป็นรูปแบบที่พบได้ในปราสาทเขมรช่วงพุทธศตวรรษที่ 15 จึงเชื่อว่าปรางค์แขกคงสร้างขึ้นในระยะเวลานี้
จากนั้นมีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ มีการเสริมอิฐที่ปราสาททั้งสาม สร้างวิหารทางด้านหน้า และสร้างอาคารเก็บกักน้ำ ทั้งนี้สำหรับปราสาทหลังเหนือมีนักวิชาการบางท่าน เช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สฤษดิ์พงศ์ ขุนทรง ให้ความเห็นว่าน่าจะสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดในสมัยกรุงศรีอยุธยาบนแทนที่ปราสาทหลังเดิมที่พังทลายไปแล้ว","provenance":"ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่พบจากปราสาทประธาน 3 หลัง เช่น การทำเสาอิงหรือเสาหลอกที่มุมประธาน การทำซุ้มประดิษฐานรูปเคารพภายในครรภคฤหะโดยซุ้มประกอบด้วยวงโค้งสามวง เป็นรูปแบบที่พบได้ในปราสาทเขมรช่วงพุทธศตวรรษที่ 15 จึงเชื่อว่าปรางค์แขกคงสร้างขึ้นในระยะเวลานี้
จากนั้นมีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ มีการเสริมอิฐที่ปราสาททั้งสาม สร้างวิหารทางด้านหน้า และสร้างอาคารเก็บกักน้ำ ทั้งนี้สำหรับปราสาทหลังเหนือมีนักวิชาการบางท่าน เช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สฤษดิ์พงศ์ ขุนทรง ให้ความเห็นว่าน่าจะสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดในสมัยกรุงศรีอยุธยาบนแทนที่ปราสาทหลังเดิมที่พังทลายไปแล้ว","subject":"ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปรางค์แขก","spatial":"ลพบุรี (14.802295,100.611642)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/67"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปรางค์สามยอด","creator":"","description":"ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากวัสดุที่ใช้ศิลาแลงเป็นหลัก ประดับตกแต่งด้วยปูนปั้น ซึ่งเป็นวัสดุที่พบได้ในปราสาทเขมรในดินแดนไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงเชื่อว่าพระปรางค์สามยอดน่าจะสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้เช่นกัน
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มีการบูรณปฏิสังขรณ์เพิ่มเติม และสร้างวิหารทางด้านหน้าขึ้น","provenance":"ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากวัสดุที่ใช้ศิลาแลงเป็นหลัก ประดับตกแต่งด้วยปูนปั้น ซึ่งเป็นวัสดุที่พบได้ในปราสาทเขมรในดินแดนไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงเชื่อว่าพระปรางค์สามยอดน่าจะสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้เช่นกัน
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มีการบูรณปฏิสังขรณ์เพิ่มเติม และสร้างวิหารทางด้านหน้าขึ้น","subject":"ปรางค์, พระปรางค์สามยอด, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, ลพบุรี, ศิลปะเขมรในประเทศไทย, พระนารายณ์มหาราช","spatial":"ลพบุรี (14.803001,100.614006)","temporal":"เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/68"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทพิมาย","creator":"","description":"ปราสาทพิมายไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัดว่าเริ่มเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง แต่ข้อมูลจากรูปแบบทางศิลปกรรมและจารึกทำให้เชื่อได้ว่าสร้างขึ้นราวกลาง - ครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 17 เพราะศิลปกรรมเป็นแบบบาปวนผสมกับนครวัด
อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นขุดต่างทางโบราณคดีทำให้พบปราสาทก่ออิฐอยู่ใต้ปราสาทประธานและโคปุระ ปราสาทอิฐนี้ถูกรื้อลงเมื่อคราวสร้างปราสาทพิมายหลังที่เห็นในปัจจุบัน เป็นหลักฐานว่าปราสาทหินหลังปัจจุบันซ้อนทับอยู่บนศาสนสถานที่เก่าแก่กว่า แต่ไม่อาจกำหนดอายุที่แน่ชัดได้
ล่วงมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 18 เมืองพิมายเป็นเมืองสำคัญมาก พระองค์จึงโปรดให้สร้างที่พักพร้อมไฟหรือที่พักคนเดินทางระหว่างทางจากเมืองพระนครมายังเมืองพิมาย ช่วงเวลานี้ปราสาทพิมายยังคงได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี อาจมีการสร้างปรางค์พรหมทัตเพิ่มเติมในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นปรางค์ที่สร้างจากศิลาแลงซึ่งเป็นวัสดุหลักสำหรับปราสาทในสมัยของพระองค์ ภายในปรางค์พรหมทัตคันพบรูปฉลองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรูปท้าวพรหมทัตตามตำนานท้องถิ่น","provenance":"ปราสาทพิมายไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัดว่าเริ่มเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง แต่ข้อมูลจากรูปแบบทางศิลปกรรมและจารึกทำให้เชื่อได้ว่าสร้างขึ้นราวกลาง - ครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 17 เพราะศิลปกรรมเป็นแบบบาปวนผสมกับนครวัด
อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นขุดต่างทางโบราณคดีทำให้พบปราสาทก่ออิฐอยู่ใต้ปราสาทประธานและโคปุระ ปราสาทอิฐนี้ถูกรื้อลงเมื่อคราวสร้างปราสาทพิมายหลังที่เห็นในปัจจุบัน เป็นหลักฐานว่าปราสาทหินหลังปัจจุบันซ้อนทับอยู่บนศาสนสถานที่เก่าแก่กว่า แต่ไม่อาจกำหนดอายุที่แน่ชัดได้
ล่วงมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 18 เมืองพิมายเป็นเมืองสำคัญมาก พระองค์จึงโปรดให้สร้างที่พักพร้อมไฟหรือที่พักคนเดินทางระหว่างทางจากเมืองพระนครมายังเมืองพิมาย ช่วงเวลานี้ปราสาทพิมายยังคงได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี อาจมีการสร้างปรางค์พรหมทัตเพิ่มเติมในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นปรางค์ที่สร้างจากศิลาแลงซึ่งเป็นวัสดุหลักสำหรับปราสาทในสมัยของพระองค์ ภายในปรางค์พรหมทัตคันพบรูปฉลองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรูปท้าวพรหมทัตตามตำนานท้องถิ่น","subject":"ปราสาทหิน, ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ปราสาทพิมาย, ปราสาทพิมาย","spatial":"นครราชสีมา (15.221047,102.493763)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/69"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทประธานพิมาย","creator":"","description":"ปราสาทพิมายไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัดว่าเริ่มเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง แต่ข้อมูลจากรูปแบบทางศิลปกรรมและจารึกทำให้เชื่อได้ว่าสร้างขึ้นราวกลาง - ครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 17 เพราะศิลปกรรมเป็นแบบบาปวนผสมกับนครวัด
อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นขุดต่างทางโบราณคดีทำให้พบปราสาทก่ออิฐอยู่ใต้ปราสาทประธานและโคปุระ ปราสาทอิฐนี้ถูกรื้อลงเมื่อคราวสร้างปราสาทพิมายหลังที่เห็นในปัจจุบัน เป็นหลักฐานว่าปราสาทหินหลังปัจจุบันซ้อนทับอยู่บนศาสนสถานที่เก่าแก่กว่า แต่ไม่อาจกำหนดอายุที่แน่ชัดได้
ล่วงมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 18 เมืองพิมายเป็นเมืองสำคัญมาก พระองค์จึงโปรดให้สร้างที่พักพร้อมไฟหรือที่พักคนเดินทางระหว่างทางจากเมืองพระนครมายังเมืองพิมาย ช่วงเวลานี้ปราสาทพิมายยังคงได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี อาจมีการสร้างปรางค์พรหมทัตเพิ่มเติมในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นปรางค์ที่สร้างจากศิลาแลงซึ่งเป็นวัสดุหลักสำหรับปราสาทในสมัยของพระองค์ ภายในปรางค์พรหมทัตคันพบรูปฉลองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรูปท้าวพรหมทัตตามตำนานท้องถิ่น","provenance":"ปราสาทพิมายไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัดว่าเริ่มเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง แต่ข้อมูลจากรูปแบบทางศิลปกรรมและจารึกทำให้เชื่อได้ว่าสร้างขึ้นราวกลาง - ครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 17 เพราะศิลปกรรมเป็นแบบบาปวนผสมกับนครวัด
อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นขุดต่างทางโบราณคดีทำให้พบปราสาทก่ออิฐอยู่ใต้ปราสาทประธานและโคปุระ ปราสาทอิฐนี้ถูกรื้อลงเมื่อคราวสร้างปราสาทพิมายหลังที่เห็นในปัจจุบัน เป็นหลักฐานว่าปราสาทหินหลังปัจจุบันซ้อนทับอยู่บนศาสนสถานที่เก่าแก่กว่า แต่ไม่อาจกำหนดอายุที่แน่ชัดได้
ล่วงมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 18 เมืองพิมายเป็นเมืองสำคัญมาก พระองค์จึงโปรดให้สร้างที่พักพร้อมไฟหรือที่พักคนเดินทางระหว่างทางจากเมืองพระนครมายังเมืองพิมาย ช่วงเวลานี้ปราสาทพิมายยังคงได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี อาจมีการสร้างปรางค์พรหมทัตเพิ่มเติมในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นปรางค์ที่สร้างจากศิลาแลงซึ่งเป็นวัสดุหลักสำหรับปราสาทในสมัยของพระองค์ ภายในปรางค์พรหมทัตคันพบรูปฉลองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรูปท้าวพรหมทัตตามตำนานท้องถิ่น","subject":"ปราสาทหิน, ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ปราสาทพิมาย, ปราสาทพิมาย","spatial":"นครราชสีมา (15.221047,102.493763)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/70"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุพนม","creator":"","description":"แม้ว่าตำนานอุรังคธาตุจะย้อนประวัติการสร้างพระธาตุพนมให้เก่าแก่ไปจนถึงสมัยพุทธกาล แต่ตามข้อเท็จจริงทางศิลปกรรมและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สรุปได้ว่า พระธาตุพนมเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 หรืออาจมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว ต่อมาในสมัยล้านช้างราวพุทธศตวรรษที่ 22-23 ได้ปฏิสังขรณ์ศาสนสถานนี้จนกลายเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์
หลักฐานที่เก่าแก่ถึงพุทธศตวรรษที่ 14-15 หรือก่อนหน้านั้น คือ เรือนธาตุ แผนผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อด้วยอิฐไม่ฉาบปูน ประดับตกแต่งด้วยลวดลายต่างๆ เช่น กนกพรรณพฤกษา เสากลม จากการเปรียบเทียบรูปแบบทางศิลปกรรมพบว่าลักษณะเสากลมละม้ายกับเสาประดับกรอบประตูในศิลปะเขมรแบบไพรกเมง-กำพงพระ ทำให้นักวิชาการหลายท่านใช้เป็นหลักฐานกำหนดอายุเรือนธาตุว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 13 อย่างไรก็ตามบางท่านเห็นว่าการประดับผนังเรือนธาตุด้วยเสาจำนวนมาก และเสาบางต้นประดับลวดลายไว้ภายในอาจเกี่ยวข้องกับปราสาทในศิลปะจาม อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 ก็ได้ อย่างไรก็ตาม รูปแบบในภาพรวมของเรือนธาตุแสดงให้เห็นถึงลักษณะท้องถิ่นที่แตกต่างไปจากศิลปกรรมในสถานที่อื่นๆ อย่างแท้จริง
สำหรับหลักฐานสมัยล้านช้างได้แก่ยอดทรงบัวเหลี่ยมก่อนที่จะมีการขยายใหญ่สูงใหญ่ขึ้นในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ยอดดังกล่าวนี้มีรูปทรงอ้วนเตี้ยกว่าปัจจุบัน สามารถศึกษาได้จากภาพถ่ายเก่า สันนิษฐานว่าเป็นงานปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยล้านช้าง ราวพุทธศตวรรษที่ 22-23 โดยกษัตริย์หลายพระองค์ เช่น พระเจ้าไชยเชษฐา พระยาสุริยวงศาธรรมิกราช โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งที่พระครูโพนสะเม็กเป็นผู้นำการปฏิสังขรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2233-2234 เข้าใจว่าในครั้งนี้คงปิดเรือนธาตุของพระธาตุพนมจนไม่สามารถเข้าไปภายในได้
สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม พ.ศ. 2483 ได้ขยายยอดทรงบัวเหลี่ยมให้ใหญ่และสูงขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พระธาตุพนมถล่มลงมาเมื่อ พ.ศ. 2518 ทางการได้บูรณะขึ้นมาใหม่จนแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2522","provenance":"แม้ว่าตำนานอุรังคธาตุจะย้อนประวัติการสร้างพระธาตุพนมให้เก่าแก่ไปจนถึงสมัยพุทธกาล แต่ตามข้อเท็จจริงทางศิลปกรรมและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สรุปได้ว่า พระธาตุพนมเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 หรืออาจมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว ต่อมาในสมัยล้านช้างราวพุทธศตวรรษที่ 22-23 ได้ปฏิสังขรณ์ศาสนสถานนี้จนกลายเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์
หลักฐานที่เก่าแก่ถึงพุทธศตวรรษที่ 14-15 หรือก่อนหน้านั้น คือ เรือนธาตุ แผนผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อด้วยอิฐไม่ฉาบปูน ประดับตกแต่งด้วยลวดลายต่างๆ เช่น กนกพรรณพฤกษา เสากลม จากการเปรียบเทียบรูปแบบทางศิลปกรรมพบว่าลักษณะเสากลมละม้ายกับเสาประดับกรอบประตูในศิลปะเขมรแบบไพรกเมง-กำพงพระ ทำให้นักวิชาการหลายท่านใช้เป็นหลักฐานกำหนดอายุเรือนธาตุว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 13 อย่างไรก็ตามบางท่านเห็นว่าการประดับผนังเรือนธาตุด้วยเสาจำนวนมาก และเสาบางต้นประดับลวดลายไว้ภายในอาจเกี่ยวข้องกับปราสาทในศิลปะจาม อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 ก็ได้ อย่างไรก็ตาม รูปแบบในภาพรวมของเรือนธาตุแสดงให้เห็นถึงลักษณะท้องถิ่นที่แตกต่างไปจากศิลปกรรมในสถานที่อื่นๆ อย่างแท้จริง
สำหรับหลักฐานสมัยล้านช้างได้แก่ยอดทรงบัวเหลี่ยมก่อนที่จะมีการขยายใหญ่สูงใหญ่ขึ้นในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ยอดดังกล่าวนี้มีรูปทรงอ้วนเตี้ยกว่าปัจจุบัน สามารถศึกษาได้จากภาพถ่ายเก่า สันนิษฐานว่าเป็นงานปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยล้านช้าง ราวพุทธศตวรรษที่ 22-23 โดยกษัตริย์หลายพระองค์ เช่น พระเจ้าไชยเชษฐา พระยาสุริยวงศาธรรมิกราช โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งที่พระครูโพนสะเม็กเป็นผู้นำการปฏิสังขรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2233-2234 เข้าใจว่าในครั้งนี้คงปิดเรือนธาตุของพระธาตุพนมจนไม่สามารถเข้าไปภายในได้
สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม พ.ศ. 2483 ได้ขยายยอดทรงบัวเหลี่ยมให้ใหญ่และสูงขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พระธาตุพนมถล่มลงมาเมื่อ พ.ศ. 2518 ทางการได้บูรณะขึ้นมาใหม่จนแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2522","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, พระธาตุ, พระธาตุพนม","spatial":"นครพนม (16.942662,104.723826)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/71"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระปฐมเจดีย์","creator":"","description":"ประวัติความเป็นมาของพระปฐมเจดีย์นั้นระบุว่าเมื่อ พ.ศ. 2374 เจ้าฟ้ามงกุฏขณะทรงผนวชได้เสด็จออกธุดงค์นอกราชธานีไปยังที่ต่างๆ และได้เสด็จไปนมัสการพระเจดีย์องค์หนึ่งที่เมืองนครชัยศรี ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ตอนบนเป็นปรางค์ โดยทรงพระราชดำริว่าน่าจะเป็นเจดีย์องค์แรกในสยามประเทศเนื่องจากมีขนาดใหญ่มาก และอาจจะสร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้เผยแผ่พุทธศาสนาไปยังดินแดนต่างๆ จึงทรงเรียกเจดีย์นี้ว่า พระปฐมเจดีย์
เจ้าฟ้ามงกุฏได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อขอพระราชทานให้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ แต่รัชกาลที่ 3 ไม่โปรดเนื่องจากอยู่ในป่ารก การจะปฏิสังขรณ์ขึ้นนั้นเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์อันใด ภายหลังเมื่อได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์เป็นผู้ควบคุมการปฏิสังขรณ์เมื่อ พ.ศ. 2396 ต่อมาสมเด็จเจ้าพระยาได้ถึงแก่พิราลัย จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดีเป็นแม่กองแทน การก่อสร้างพระปฐมเจดีย์เสร็จสิ้นและมีการฉลองพระเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมาได้มีการประดับกระเบื้องสีทองในสมัยรัชกาลที่ 5","provenance":"ประวัติความเป็นมาของพระปฐมเจดีย์นั้นระบุว่าเมื่อ พ.ศ. 2374 เจ้าฟ้ามงกุฏขณะทรงผนวชได้เสด็จออกธุดงค์นอกราชธานีไปยังที่ต่างๆ และได้เสด็จไปนมัสการพระเจดีย์องค์หนึ่งที่เมืองนครชัยศรี ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ตอนบนเป็นปรางค์ โดยทรงพระราชดำริว่าน่าจะเป็นเจดีย์องค์แรกในสยามประเทศเนื่องจากมีขนาดใหญ่มาก และอาจจะสร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้เผยแผ่พุทธศาสนาไปยังดินแดนต่างๆ จึงทรงเรียกเจดีย์นี้ว่า พระปฐมเจดีย์
เจ้าฟ้ามงกุฏได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อขอพระราชทานให้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ แต่รัชกาลที่ 3 ไม่โปรดเนื่องจากอยู่ในป่ารก การจะปฏิสังขรณ์ขึ้นนั้นเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์อันใด ภายหลังเมื่อได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์เป็นผู้ควบคุมการปฏิสังขรณ์เมื่อ พ.ศ. 2396 ต่อมาสมเด็จเจ้าพระยาได้ถึงแก่พิราลัย จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดีเป็นแม่กองแทน การก่อสร้างพระปฐมเจดีย์เสร็จสิ้นและมีการฉลองพระเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมาได้มีการประดับกระเบื้องสีทองในสมัยรัชกาลที่ 5","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, พระปฐมเจดีย์","spatial":"นครปฐม (13.8196296,100.060197)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/72"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระประโทณเจดีย์","creator":"","description":"ประวัติการสร้างพระประโทณเจดีย์มีอยู่ในตำนานซึ่งเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาโดยไม่มีหลักฐานอื่นใดรองรับ
จากรูปแบบทางศิลปกรรมแสดงให้เห็นว่าพระประโทณเจดีย์ในส่วนที่เป็นชุดฐานก่ออิฐเป็นศาสนสถานสมัยทวารวดี มีระเบียบต่างๆ เทียบได้กับเจดีย์หลายองค์ในสมัยนี้และเจดีย์ในประเทศอินเดียช่วงร่วมสมัยกัน จึงกำหนดอายุการสร้างไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา แต่ไม่ใหม่ไปกว่าพุทธศตวรรษที่ 16
สำหรับปรางค์ที่ตั้งอยู่ด้านบนสุดนั้น จากหลักฐานสมุดภาพไตรภูมิสมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งวาดภาพพระประโทณเจดีย์ในรูปแบบของปรางค์ จึงเชื่อว่าคงมีการสร้างปรางค์มาแล้วตั้งต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ทว่าปรางค์องค์ปัจจุบันมีระบบระเบียบหลายอย่างที่ต่างไปจากรูปแบบปรางค์สมัยอยุธยา เช่น ฐานแปดเหลี่ยม ยอดมิได้เป็นชั้นซ้อนแต่ตั้งตรงขึ้นไป จึงน่าจะเป็นงานซ่อมแซมหรือสร้างขึ้นใหม่ในชั้นหลังโดยช่างท้องถิ่น","provenance":"ประวัติการสร้างพระประโทณเจดีย์มีอยู่ในตำนานซึ่งเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาโดยไม่มีหลักฐานอื่นใดรองรับ
จากรูปแบบทางศิลปกรรมแสดงให้เห็นว่าพระประโทณเจดีย์ในส่วนที่เป็นชุดฐานก่ออิฐเป็นศาสนสถานสมัยทวารวดี มีระเบียบต่างๆ เทียบได้กับเจดีย์หลายองค์ในสมัยนี้และเจดีย์ในประเทศอินเดียช่วงร่วมสมัยกัน จึงกำหนดอายุการสร้างไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา แต่ไม่ใหม่ไปกว่าพุทธศตวรรษที่ 16
สำหรับปรางค์ที่ตั้งอยู่ด้านบนสุดนั้น จากหลักฐานสมุดภาพไตรภูมิสมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งวาดภาพพระประโทณเจดีย์ในรูปแบบของปรางค์ จึงเชื่อว่าคงมีการสร้างปรางค์มาแล้วตั้งต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ทว่าปรางค์องค์ปัจจุบันมีระบบระเบียบหลายอย่างที่ต่างไปจากรูปแบบปรางค์สมัยอยุธยา เช่น ฐานแปดเหลี่ยม ยอดมิได้เป็นชั้นซ้อนแต่ตั้งตรงขึ้นไป จึงน่าจะเป็นงานซ่อมแซมหรือสร้างขึ้นใหม่ในชั้นหลังโดยช่างท้องถิ่น","subject":"พระประโทณเจดีย์, เจดีย์","spatial":"นครปฐม (13.815016,100.096988)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/73"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดพระแก้วน้อย","creator":"","description":"สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"วัดพระแก้วน้อย, พระนครคีรี, เขาวัง, รัชกาลที่ 4","spatial":"เพชรบุรี (13.108209,99.939367)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/74"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"พระที่นั่ง, พระนครคีรี, เขาวัง, พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท","spatial":"เพชรบุรี (13.108944,99.936402)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/75"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอชัชวาลเวียงชัย","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"พระนครคีรี, เขาวัง, หอชัชวาลเวียงชัย, กระโจมแก้ว, หอส่องกล้อง","spatial":"เพชรบุรี (13.108758,99.936877)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/76"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระปรางค์แดง","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พร้อมกับการสร้างพระนครคีรี
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พร้อมกับการสร้างพระนครคีรี
","subject":"ปรางค์, วัดพระแก้วน้อย, พระนครคีรี, เขาวัง, พระปรางค์แดง","spatial":"เพชรบุรี (13.108448,99.939346)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/77"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระรามราชนิเวศน์","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้มิสเตอร์ คาร์ล เดอห์ริง (Mr. Karl Dohring) สถาปนิกชาวเยอรมันเป็นผู้ออกแบบ เริ่มก่อสร้างฐานรากเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2453 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายในรัชกาล ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำเนินการก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จในพ.ศ.2459พระราชทานองค์พระที่นั่งว่า พระที่นั่งศรเพ็ชร์ปราสาท และพระราชทานนามพระราชวังว่า พระรามราชนิเวศน์
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้มิสเตอร์ คาร์ล เดอห์ริง (Mr. Karl Dohring) สถาปนิกชาวเยอรมันเป็นผู้ออกแบบ เริ่มก่อสร้างฐานรากเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2453 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายในรัชกาล ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำเนินการก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จในพ.ศ.2459พระราชทานองค์พระที่นั่งว่า พระที่นั่งศรเพ็ชร์ปราสาท และพระราชทานนามพระราชวังว่า พระรามราชนิเวศน์
","subject":"ที่ประทับ, พระที่นั่ง, พระรามราชนิเวศน์, พระราชวังบ้านปืน","spatial":"เพชรบุรี (13.093076,99.948401)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/78"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6
","subject":"พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว","spatial":null,"temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/79"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์","creator":"","description":"สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวออกแบบโดยพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อเป็นที่ประทับเวลาเสด็จมาทอดพระเนตรอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด โดยมีพระยาชลยุทธโยธินเป็นแม่กองในการก่อสร้าง
","provenance":"สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวออกแบบโดยพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อเป็นที่ประทับเวลาเสด็จมาทอดพระเนตรอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด โดยมีพระยาชลยุทธโยธินเป็นแม่กองในการก่อสร้าง
","subject":"พระที่นั่ง, พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, ถ้ำพระยานคร, อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด, รัชกาลที่ 5","spatial":"ประจวบคีรีขันธ์ (12.1974088,100.011348)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/81"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เขาคลังใน","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เทียบได้กับสถาปัตยกรรมสมัยทวารวดี เช่น วัดโขลงสุวรรณคีรี และมีงานปูนปั้นแบบทวารวดีประดับอยู่ จึงเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 14-16
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เทียบได้กับสถาปัตยกรรมสมัยทวารวดี เช่น วัดโขลงสุวรรณคีรี และมีงานปูนปั้นแบบทวารวดีประดับอยู่ จึงเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 14-16
","subject":"เจดีย์, เขาคลังใน","spatial":"เพชรบูรณ์ (15.465544,101.144684)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/82"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เขาคลังนอก","creator":"","description":"ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่แสดงถึงความสัมพันธ์กับศิลปะอินเดียแบบปาละตอนต้นและโจฬะตอนต้น และมหาสถูปบุโรพุทโธ ทำให้กำหนดอายุเขาคลังนอกไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 14-15
","provenance":"ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่แสดงถึงความสัมพันธ์กับศิลปะอินเดียแบบปาละตอนต้นและโจฬะตอนต้น และมหาสถูปบุโรพุทโธ ทำให้กำหนดอายุเขาคลังนอกไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 14-15
","subject":"เจดีย์, เขาคลังนอก","spatial":"เพชรบูรณ์ (15.486812,101.144482)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/83"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ดอนขุมเงิน","creator":"","description":"ได้ค้นพบแท่นฐานประดิษฐานโคที่มีจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน (ราว พ.ศ. 1150-1159) ในศาสนสถานแห่งนี้ โดยข้อความจารึกเป็นภาษาสันสกฤต อักษรปัลลวะ แปลโดยสุรสิทธิ์ ไทยรัตน์ ได้ความว่า
พระราชาผู้ทรงพระนามว่า จิตรเสน ผู้เป็นพระนัดดาของพระศรีสารวเภามะ เป็นพระโอรสของพระศรีวีรวรมัน โดยแท้จริงแล้วแม้ว่าทรงพระอนุชาตามศักดิ์ แต่ทรงได้เป็นพระภราดาของพระศรีภววรมัน ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ต่อจากนั้นมาจึงทรงได้รับการขนานพระนามใหม่ว่า พระเจ้าศรีมเหนทรวรมัน
พระองค์ได้แสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระศิวะผู้ทรงพระนามว่า พระพฤษธวัช ได้สร้างรูปพระโค (สร้างรูปพระพฤษภแทนองค์พระศิวะ) ที่ตกแต่งด้วยศิลาอย่างดี ขณะที่ทรงสำเร็จความสมประสงค์ที่พระองค์ทรงมีชัยชนะอยู่เหนือราชอาณาจักรทั้งปวง
พระองค์ทรงมีพระปัญญาปราดเปรื่องที่สมบูรณ์ด้วย (ความยิ่งใหญ่ในการปราบข้าศึกศัตรู) ทรงมีพระดำรัสถึงเรื่องโบราณราชประเพณีที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา ทรงใฝ่พระทัยอยู่ทุกขณะที่จะปราบปรามศัตรูให้อยู่ในอำนาจ ด้วยการระมัดระวังกองทัพมิให้ประมาท บำรุงรักษากำลังกองทัพด้วยดี และจัดระเบียบกองทัพให้เข้มแข็ง
จากข้อความดังกล่าวที่เอ่ยถึงพระเจ้ามเหนทรวรมันว่าสร้างรูปโคประดิษฐานไว้บนแท่นฐานที่พบจารึก ทำให้นักวิชาการเชื่อว่าศาสนสถานแห่งนี้ควรสร้างขึ้นในสมัยของพระองค์ด้วย","provenance":"
ได้ค้นพบแท่นฐานประดิษฐานโคที่มีจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน (ราว พ.ศ. 1150-1159) ในศาสนสถานแห่งนี้ โดยข้อความจารึกเป็นภาษาสันสกฤต อักษรปัลลวะ แปลโดยสุรสิทธิ์ ไทยรัตน์ ได้ความว่า
พระราชาผู้ทรงพระนามว่า จิตรเสน ผู้เป็นพระนัดดาของพระศรีสารวเภามะ เป็นพระโอรสของพระศรีวีรวรมัน โดยแท้จริงแล้วแม้ว่าทรงพระอนุชาตามศักดิ์ แต่ทรงได้เป็นพระภราดาของพระศรีภววรมัน ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ต่อจากนั้นมาจึงทรงได้รับการขนานพระนามใหม่ว่า พระเจ้าศรีมเหนทรวรมัน
พระองค์ได้แสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระศิวะผู้ทรงพระนามว่า พระพฤษธวัช ได้สร้างรูปพระโค (สร้างรูปพระพฤษภแทนองค์พระศิวะ) ที่ตกแต่งด้วยศิลาอย่างดี ขณะที่ทรงสำเร็จความสมประสงค์ที่พระองค์ทรงมีชัยชนะอยู่เหนือราชอาณาจักรทั้งปวง
พระองค์ทรงมีพระปัญญาปราดเปรื่องที่สมบูรณ์ด้วย (ความยิ่งใหญ่ในการปราบข้าศึกศัตรู) ทรงมีพระดำรัสถึงเรื่องโบราณราชประเพณีที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา ทรงใฝ่พระทัยอยู่ทุกขณะที่จะปราบปรามศัตรูให้อยู่ในอำนาจ ด้วยการระมัดระวังกองทัพมิให้ประมาท บำรุงรักษากำลังกองทัพด้วยดี และจัดระเบียบกองทัพให้เข้มแข็ง
จากข้อความดังกล่าวที่เอ่ยถึงพระเจ้ามเหนทรวรมันว่าสร้างรูปโคประดิษฐานไว้บนแท่นฐานที่พบจารึก ทำให้นักวิชาการเชื่อว่าศาสนสถานแห่งนี้ควรสร้างขึ้นในสมัยของพระองค์ด้วย","subject":"ปราสาทหิน, ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ดอนขุมเงิน, ดอนขุมเงิน","spatial":"ร้อยเอ็ด (15.555815,103.940716)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/84"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระบรมธาตุไชยา","creator":"","description":"
ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นเจดีย์ทรงปราสาทที่มียอดเป็นองค์ระฆังทำให้นักวิชาการหลายท่านนำไปเปรียบเทียบกับจันทิในศิลปะชวาที่นิยมสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-15 จึงทำเชื่อว่าพระบรมธาตุไชยาน่าจะสร้างขึ้นในระยะเวลาเดียวกันนี้ด้วย ซึ่งในขณะนั้นภาคใต้ของไทยอยู่ภายใต้การเมืองการปกครองของอาณาจักรศรีวิชัย
ต่อมาได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยการร่วมแรงร่วมใจของคนในท้องถิ่น นำโดยพระชยาภิวัฒน์ (หนู ติสโส) เห็นได้ชัดเจนจากงานปูนปั้นประดับและรูปแบบของส่วนยอดที่เทียบได้กับศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นเจดีย์ทรงปราสาทที่มียอดเป็นองค์ระฆังทำให้นักวิชาการหลายท่านนำไปเปรียบเทียบกับจันทิในศิลปะชวาที่นิยมสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-15 จึงทำเชื่อว่าพระบรมธาตุไชยาน่าจะสร้างขึ้นในระยะเวลาเดียวกันนี้ด้วย ซึ่งในขณะนั้นภาคใต้ของไทยอยู่ภายใต้การเมืองการปกครองของอาณาจักรศรีวิชัย
ต่อมาได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยการร่วมแรงร่วมใจของคนในท้องถิ่น นำโดยพระชยาภิวัฒน์ (หนู ติสโส) เห็นได้ชัดเจนจากงานปูนปั้นประดับและรูปแบบของส่วนยอดที่เทียบได้กับศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท, พระบรมธาตุไชยา, วัดพระบรมธาตุไชยา, จันทิ, ศิลปะชวา","spatial":"สุราษฎร์ธานี (9.384582,99.184218)","temporal":"ศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/85"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์วัดแก้ว","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่หลงเหลืออยู่ทำให้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13-16 เพราะมีแผนผังที่คล้ายคลึงกันกับจันทิในศิลปะชวาภาคกลางที่สร้างขึ้นในระยะเวลาเดียวกันนี้ นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบบางอย่าง เช่น เสาอิง รูปจำลองอาคารประดับฐาน ที่เทียบได้กับปราสาทในศิลปะจามในระยะนี้เช่นกัน
เจดีย์วัดแก้วคงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เห็นได้จากพระพุทธรูปหินทรายแดงที่ประดิษฐานอยู่ภายในมุขทิศแทนที่รูปเคารพเดิมที่อาจเป็นรูปในคติพุทธศาสนามหายาน","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่หลงเหลืออยู่ทำให้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13-16 เพราะมีแผนผังที่คล้ายคลึงกันกับจันทิในศิลปะชวาภาคกลางที่สร้างขึ้นในระยะเวลาเดียวกันนี้ นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบบางอย่าง เช่น เสาอิง รูปจำลองอาคารประดับฐาน ที่เทียบได้กับปราสาทในศิลปะจามในระยะนี้เช่นกัน
เจดีย์วัดแก้วคงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เห็นได้จากพระพุทธรูปหินทรายแดงที่ประดิษฐานอยู่ภายในมุขทิศแทนที่รูปเคารพเดิมที่อาจเป็นรูปในคติพุทธศาสนามหายาน","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท, วัดแก้ว","spatial":"สุราษฎร์ธานี (9.378029,99.190177)","temporal":"ศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/86"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุเชิงชุม","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้ทราบได้ว่าเดิมทีสถานที่แห่งนี้เคยเป็นปราสาทศิลาแลงในวัฒนธรรมเขมรมาก่อน กำหนดอายุจากจารึกที่พบบนกรอบประตูด้านตะวันออกได้ราวพุทธศตวรรษที่ 17 อย่างไรก็ตามการสร้างปราสาทด้วยศิลาแลงทำให้นึกถึงศาสนสถานเขมรในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18
ต่อมาเมื่อเข้าสู่สมัยล้านช้าง ราวพุทธศตวรรษที่ 22 ได้บูรณปฏิสังขรณ์ปราสาทแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ โดยสร้างพระธาตุแบบล้านช้างครอบทับปราสาทเขมร","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้ทราบได้ว่าเดิมทีสถานที่แห่งนี้เคยเป็นปราสาทศิลาแลงในวัฒนธรรมเขมรมาก่อน กำหนดอายุจากจารึกที่พบบนกรอบประตูด้านตะวันออกได้ราวพุทธศตวรรษที่ 17 อย่างไรก็ตามการสร้างปราสาทด้วยศิลาแลงทำให้นึกถึงศาสนสถานเขมรในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18
ต่อมาเมื่อเข้าสู่สมัยล้านช้าง ราวพุทธศตวรรษที่ 22 ได้บูรณปฏิสังขรณ์ปราสาทแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ โดยสร้างพระธาตุแบบล้านช้างครอบทับปราสาทเขมร","subject":"พระธาตุ, เจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม, พระธาตุเชิงชุม","spatial":"สกลนคร (17.16445,104.15298)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/87"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระสมุทรเจดีย์","creator":"","description":"เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์ทรงกลม, เจดีย์ทรงลังกา, เจดีย์ช้างล้อม, เจดีย์, พระสมุทรเจดีย์, เจดีย์กลางน้ำ, วัดพระสมุทรเจดีย์","spatial":"สมุทรปราการ (13.6003244,100.586811)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/88"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทภูมิโปน","creator":"","description":"ไม่พบหลักฐานเอ่ยถึงประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมของปราสาทประธาน เช่น การใช้อิฐเป็นวัสดุหลัก แผนผังอาคารที่เป็นสี่เหลี่ยม ไม่มีระบบเพิ่มมุม-ย่อมุม ลวดลายสลักของหินที่วางอยู่เหนือทับหลัง สะท้อนว่าเป็นงานที่สร้างขึ้นในช่วงก่อนเมืองพระนคร ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
สำหรับปราสาทหลังเล็กที่อยู่ทางเหนือเคยมีทับหลังและเสาประดับกรอบประตูติดตั้งอยู่ ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล กำหนดให้เป็นศิลปะแบบไพรกเมง อายุราว พ.ศ.1200-1250 เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระองค์กำหนดอายุปราสาทประธานว่าอยู่ระหว่าง พ.ศ.1200-1250 ด้วย ปัจจุบันได้เคลื่อนย้ายทับหลังไปรักษาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์","provenance":"ไม่พบหลักฐานเอ่ยถึงประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมของปราสาทประธาน เช่น การใช้อิฐเป็นวัสดุหลัก แผนผังอาคารที่เป็นสี่เหลี่ยม ไม่มีระบบเพิ่มมุม-ย่อมุม ลวดลายสลักของหินที่วางอยู่เหนือทับหลัง สะท้อนว่าเป็นงานที่สร้างขึ้นในช่วงก่อนเมืองพระนคร ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
สำหรับปราสาทหลังเล็กที่อยู่ทางเหนือเคยมีทับหลังและเสาประดับกรอบประตูติดตั้งอยู่ ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล กำหนดให้เป็นศิลปะแบบไพรกเมง อายุราว พ.ศ.1200-1250 เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระองค์กำหนดอายุปราสาทประธานว่าอยู่ระหว่าง พ.ศ.1200-1250 ด้วย ปัจจุบันได้เคลื่อนย้ายทับหลังไปรักษาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์","subject":"ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ปราสาทภูมิโปน, ปราสาทภูมิโปน, ปราสาทประธาน, ปราสาทประธาน, ปราสาทขอม, ปราสาทขอม","spatial":"สุรินทร์ (14.548072,103.876578)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/89"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดมหาธาตุสุโขทัย","creator":"","description":"วัดมหาธาตุสุโขทัยไม่มีประวัติการสร้างเป็นลายลักษณ์อักษร แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นพร้อมๆกันกับการเป็นราชธานี อย่างน้อยสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (ราว พ.ศ. 1800) ผู้เป็นปฐมกษัตริย์ แต่ไม่ทราบว่าครั้งนั้นมีสิ่งก่อสร้างใดบ้าง จากนั้นกษัตริย์รัชกาลต่อมาได้บูรณปฏิสังขรณ์และสร้างถาวรวัตถุต่างๆ มาโดยลำดับ จนมีสิ่งก่อสร้างมากมายดังที่เห็นในปัจจุบัน
ทั้งนี้ข้อความในจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช บรรยายถึงกลางเมืองสุโขทัยไว้ตอนหนึ่งว่า “...กลางเมืองสุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม มีพิหารอันใหญ่ มีพิหารอันราม...” ซึ่งอาจเป็นการบรรยายถึงวัดมหาธาตุกลางเมืองสุโขทัยด้วยก็ได้","provenance":"วัดมหาธาตุสุโขทัยไม่มีประวัติการสร้างเป็นลายลักษณ์อักษร แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นพร้อมๆกันกับการเป็นราชธานี อย่างน้อยสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (ราว พ.ศ. 1800) ผู้เป็นปฐมกษัตริย์ แต่ไม่ทราบว่าครั้งนั้นมีสิ่งก่อสร้างใดบ้าง จากนั้นกษัตริย์รัชกาลต่อมาได้บูรณปฏิสังขรณ์และสร้างถาวรวัตถุต่างๆ มาโดยลำดับ จนมีสิ่งก่อสร้างมากมายดังที่เห็นในปัจจุบัน
ทั้งนี้ข้อความในจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช บรรยายถึงกลางเมืองสุโขทัยไว้ตอนหนึ่งว่า “...กลางเมืองสุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม มีพิหารอันใหญ่ มีพิหารอันราม...” ซึ่งอาจเป็นการบรรยายถึงวัดมหาธาตุกลางเมืองสุโขทัยด้วยก็ได้","subject":"วัดมหาธาตุ, วัดมหาธาตุสุโขทัย","spatial":"สุโขทัย (17.016926,99.703703)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/90"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ประธานวัดมหาธาตุสุโขทัย","creator":"","description":"วัดมหาธาตุควรสร้างมาแล้วตั้งแต่ครั้งต้นกรุงสุโขทัย ในครั้งนั้นย่อมต้องสร้างพระมหาธาตุหรือเจดีย์ประธานไว้แล้ว อย่างไรก็ตามเจดีย์ประธานองค์ปัจจุบันเป็นเจดีย์ยอดทรงดอกบัวตูม หรือยอดทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งไม่ใช่รูปแบบของศิลปะสุโขทัยตอนต้น นักวิชาการส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าเจดีย์องค์นี้น่าจะสร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่มีมาแล้วตั้งแต่ครั้งสุโขทัยตอนต้น
เจดีย์องค์นี้ไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาเปรียบเทียบกับวัดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดที่มีจารึกระบุการสร้างแน่ชัด ทำให้สันนิษฐานว่าเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือยอดทรงดอกบัวตูม น่าจะสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา และแพร่หลายอย่างยิ่งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 จึงเชื่อว่าเจดีย์ประธานวัดมหาธาตุสุโขทัยก็คงสร้างขึ้นในระยะเวลาเดียวกันนี้ โดยอาจเป็นรัชกาลของพระยาเลอไท หรือพระยาลิไท ซึ่งพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองก็เป็นได้","provenance":"วัดมหาธาตุควรสร้างมาแล้วตั้งแต่ครั้งต้นกรุงสุโขทัย ในครั้งนั้นย่อมต้องสร้างพระมหาธาตุหรือเจดีย์ประธานไว้แล้ว อย่างไรก็ตามเจดีย์ประธานองค์ปัจจุบันเป็นเจดีย์ยอดทรงดอกบัวตูม หรือยอดทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งไม่ใช่รูปแบบของศิลปะสุโขทัยตอนต้น นักวิชาการส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าเจดีย์องค์นี้น่าจะสร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่มีมาแล้วตั้งแต่ครั้งสุโขทัยตอนต้น
เจดีย์องค์นี้ไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาเปรียบเทียบกับวัดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดที่มีจารึกระบุการสร้างแน่ชัด ทำให้สันนิษฐานว่าเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือยอดทรงดอกบัวตูม น่าจะสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา และแพร่หลายอย่างยิ่งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 จึงเชื่อว่าเจดีย์ประธานวัดมหาธาตุสุโขทัยก็คงสร้างขึ้นในระยะเวลาเดียวกันนี้ โดยอาจเป็นรัชกาลของพระยาเลอไท หรือพระยาลิไท ซึ่งพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองก็เป็นได้","subject":null,"spatial":"สุโขทัย (17.016926,99.703703)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/91"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มณฑปพระสี่อิริยาบถ","creator":"","description":"วัดแห่งนี้ไม่ปรากฏศักราชการสร้างที่แน่ชัด ทว่าข้อความที่ได้จากจารึกวัดสรศักดิ์ ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1960 มีคำว่าพระเชตุพนปรากฏในจารึกนี้ ความว่า “...ให้นายสังฆการีไปนิมนต์พระมหาเถรเจ้า ธ สบวันดีมาขึ้นกุฎีและสานุศิษย์ทั้งเจ็ดพระองค์นั้น อีกสงฆ์สบสังวาสอันมาถวายพระพรแก่พระมหาเถรเจ้า จึงพ่ออยู่หัว ธ นิมนต์เข้าชุมนุมกับพระเชตุพน...” หากคำว่าเชตุพนในจารึกนี้หมายถึงวัดเชตุพน ย่อมหมายความว่าเมื่อ พ.ศ. 1960 วัดเชตุพนแห่งนี้ได้สร้างขึ้นแล้ว
","provenance":"วัดแห่งนี้ไม่ปรากฏศักราชการสร้างที่แน่ชัด ทว่าข้อความที่ได้จากจารึกวัดสรศักดิ์ ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1960 มีคำว่าพระเชตุพนปรากฏในจารึกนี้ ความว่า “...ให้นายสังฆการีไปนิมนต์พระมหาเถรเจ้า ธ สบวันดีมาขึ้นกุฎีและสานุศิษย์ทั้งเจ็ดพระองค์นั้น อีกสงฆ์สบสังวาสอันมาถวายพระพรแก่พระมหาเถรเจ้า จึงพ่ออยู่หัว ธ นิมนต์เข้าชุมนุมกับพระเชตุพน...” หากคำว่าเชตุพนในจารึกนี้หมายถึงวัดเชตุพน ย่อมหมายความว่าเมื่อ พ.ศ. 1960 วัดเชตุพนแห่งนี้ได้สร้างขึ้นแล้ว
","subject":"พระสี่อิริยาบถ, วัดเชตุพน","spatial":"สุโขทัย (16.997901,99.706694)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/92"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มณฑปวัดศรีชุม","creator":"","description":"วัดศรีชุมไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด แต่ข้อความตอนหนึ่งในจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช บรรยายสิ่งต่างๆ ที่อยู่ด้านเหนือของสุโขทัยไว้ว่า “...เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีตลาดปสาน มีพระอจนะ มีปราสาท มีป่าหมากพร้าว มีป่าหมากลาง...” พระอจนะดังกล่าวนี้อาจหมายถึงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ภายในวัดศรีชุมก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางศิลปกรรมที่ควรมีอายุเก่าแก่ไปจนถึงยุคต้นสุโขทัยก็ไม่มีให้เห็นแล้ว เพราะจากการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ศิลปะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบของภาพสลักเรื่องชาดกประดับภายในอุโมงค์ พบว่าศิลปกรรมที่วัดนี้น่าจะมีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-ต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ดังนั้นพระอจนะอาจจะไม่ใช่พระพุทธรูปที่วัดศรีชุมก็ได้ หรือหากใช่ก็อาจหมายความว่าวัดแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่อีกครั้งภายหลังรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราช","provenance":"วัดศรีชุมไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด แต่ข้อความตอนหนึ่งในจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช บรรยายสิ่งต่างๆ ที่อยู่ด้านเหนือของสุโขทัยไว้ว่า “...เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีตลาดปสาน มีพระอจนะ มีปราสาท มีป่าหมากพร้าว มีป่าหมากลาง...” พระอจนะดังกล่าวนี้อาจหมายถึงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ภายในวัดศรีชุมก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางศิลปกรรมที่ควรมีอายุเก่าแก่ไปจนถึงยุคต้นสุโขทัยก็ไม่มีให้เห็นแล้ว เพราะจากการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ศิลปะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบของภาพสลักเรื่องชาดกประดับภายในอุโมงค์ พบว่าศิลปกรรมที่วัดนี้น่าจะมีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-ต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ดังนั้นพระอจนะอาจจะไม่ใช่พระพุทธรูปที่วัดศรีชุมก็ได้ หรือหากใช่ก็อาจหมายความว่าวัดแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่อีกครั้งภายหลังรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราช","subject":"มณฑป, วัดศรีชุม","spatial":"สุโขทัย (17.026873,99.693152)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/93"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มณฑปวัดตระพังทองหลาง","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาลวดลายปูนปั้นที่เคยประดับอยู่ภายในซุ้มประจำด้านเหนือ ตะวันตก และใต้ของมณฑป ทำให้สามารถกำหนดอายุศาสนสถานหลังนี้ไว้ได้ราวพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาลวดลายปูนปั้นที่เคยประดับอยู่ภายในซุ้มประจำด้านเหนือ ตะวันตก และใต้ของมณฑป ทำให้สามารถกำหนดอายุศาสนสถานหลังนี้ไว้ได้ราวพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"มณฑป, วัดตระพังทองหลาง","spatial":"สุโขทัย (17.01611,99.718895)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/94"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์วัดช้างล้อมสุโขทัย","creator":"","description":"ได้มีการค้นพบจารึกที่วัดแห่งนี้ เรียกว่าจารึกวัดช้างล้อม เนื้อหากล่าวถึงการสร้างวัดแห่งหนึ่งเมื่อ พ.ศ. 1927 โดยพ่อนมไสดำ ซึ่งเชื่อว่าคงหมายถึงวัดช้างล้อมแห่งนี้ พ่อนมไสดำได้ได้อุทิศบ้านและที่ดินของตนให้เป็นวัด ครั้งนั้นได้สร้างถาวรวัตถุต่างๆ มากมาย เช่น พระพุทธปฏิมา กุฏิ หอพระไตรปิฎก ต้นพระศรีมหาโพธิ์
","provenance":"ได้มีการค้นพบจารึกที่วัดแห่งนี้ เรียกว่าจารึกวัดช้างล้อม เนื้อหากล่าวถึงการสร้างวัดแห่งหนึ่งเมื่อ พ.ศ. 1927 โดยพ่อนมไสดำ ซึ่งเชื่อว่าคงหมายถึงวัดช้างล้อมแห่งนี้ พ่อนมไสดำได้ได้อุทิศบ้านและที่ดินของตนให้เป็นวัด ครั้งนั้นได้สร้างถาวรวัตถุต่างๆ มากมาย เช่น พระพุทธปฏิมา กุฏิ หอพระไตรปิฎก ต้นพระศรีมหาโพธิ์
","subject":"เจดีย์ช้างล้อม, วัดช้างล้อม","spatial":"สุโขทัย (17.020071,99.719418)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/95"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์วัดศรีพิจิตรกีรติกัลยาราม","creator":"","description":"จารึกวัดตาเถรขึงหนังซึ่งค้นพบจากสถานที่แห่งนี้ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อ พ.ศ. 1943 สมเด็จพระราชชนนีศรีธรรมราชมาดา และสมเด็จมหาธรรมราชาธิบดีราชโอรส หรือพระยาไสลือไท ได้อาราธนาพระมหาศรีกีรติจากเมืองกำแพงเพชรมาสร้างอาราม ชื่อว่า ศรีพิจิตรกีรติกัลยาราม อารามที่ปรากฏในจารึกนี้ก็คงหมายถึงวัดตาเถรขึงหนังซึ่งเป็นสถานที่ที่พบจารึกนั้นเอง ดังนั้นวัดแห่งนี้ควรสร้างขึ้นในระยะเวลานี้ โดยมีชื่อครั้งนั้นว่า วัดศรีพิจิตรกีรติกัลยาราม นอกจากนี้จารึกนี้ยังกล่าวถึงการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์โดยสมเด็จพระราชชนนีศรีธรรมราชมาดาด้วย
","provenance":"จารึกวัดตาเถรขึงหนังซึ่งค้นพบจากสถานที่แห่งนี้ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อ พ.ศ. 1943 สมเด็จพระราชชนนีศรีธรรมราชมาดา และสมเด็จมหาธรรมราชาธิบดีราชโอรส หรือพระยาไสลือไท ได้อาราธนาพระมหาศรีกีรติจากเมืองกำแพงเพชรมาสร้างอาราม ชื่อว่า ศรีพิจิตรกีรติกัลยาราม อารามที่ปรากฏในจารึกนี้ก็คงหมายถึงวัดตาเถรขึงหนังซึ่งเป็นสถานที่ที่พบจารึกนั้นเอง ดังนั้นวัดแห่งนี้ควรสร้างขึ้นในระยะเวลานี้ โดยมีชื่อครั้งนั้นว่า วัดศรีพิจิตรกีรติกัลยาราม นอกจากนี้จารึกนี้ยังกล่าวถึงการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์โดยสมเด็จพระราชชนนีศรีธรรมราชมาดาด้วย
","subject":"เจดีย์วัดศรีพิจิตรกีรติกัลยาราม , เจดีย์วัดตาเถรขึงหนัง , วัดศรีพิจิตรกีรติกัลยาราม , วัดตาเถรขึงหนัง, จารึก, จารึกวัดตาเถรขึงหนัง","spatial":"สุโขทัย (16.997044,99.712868)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/96"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์วัดช้างล้อมศรีสัชนาลัย","creator":"","description":"วัดช้างล้อมและเจดีย์ช้างล้อมอันเป็นประธานของวัดไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด เพราะไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรเอ่ยถึงประวัติความเป็นมาจากวัดแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าอาจสร้างขึ้นมาแล้วตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยอ้างอิงจากจารึกหลักที่ 1 ของพระองค์ ที่มีข้อความตอนหนึ่งว่า “...1207 ศก ปีกุน ให้ขุดเอาพระธาตุออก ทั้งหลายเห็นกระทำบูชาบำเรอแก่พระธาตุได้เดือนหกวัน จึ่งเอาลงฝังกลางเมืองศรีสัชชนาลัย ก่อพระเจดีย์เหนือหกเข้าจึ่งแล้ว ตั้งเวียงผาล้อมพระมหาธาตุ สามเข้าจึ่งแล้ว...” บางท่านเชื่อว่าข้อความในจารึกดังกล่าวนี้ควรหมายถึงการสร้างเจดีย์วัดช้างล้อมนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักวิชาการส่วนใหญ่มีความเห็นว่าเจดีย์องค์นี้น่าจะสร้างขึ้นภายหลังจากสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยพระยาลิไท หรือราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-ต้นพุทธศตวรรษที่ 20 อันเป็นระยะเวลาที่พุทธศาสนาสายที่สัมพันธ์กับลังกาได้รับความนิยม เจดีย์ช้างล้อมซึ่งเกี่ยวข้องกับลังกาก็น่าจะสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้พระพุทธรูปปูนปั้นภายในซุ้มจระนำของเจดีย์ก็มีรูปแบบในระยะเวลานี้","provenance":"วัดช้างล้อมและเจดีย์ช้างล้อมอันเป็นประธานของวัดไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด เพราะไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรเอ่ยถึงประวัติความเป็นมาจากวัดแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าอาจสร้างขึ้นมาแล้วตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยอ้างอิงจากจารึกหลักที่ 1 ของพระองค์ ที่มีข้อความตอนหนึ่งว่า “...1207 ศก ปีกุน ให้ขุดเอาพระธาตุออก ทั้งหลายเห็นกระทำบูชาบำเรอแก่พระธาตุได้เดือนหกวัน จึ่งเอาลงฝังกลางเมืองศรีสัชชนาลัย ก่อพระเจดีย์เหนือหกเข้าจึ่งแล้ว ตั้งเวียงผาล้อมพระมหาธาตุ สามเข้าจึ่งแล้ว...” บางท่านเชื่อว่าข้อความในจารึกดังกล่าวนี้ควรหมายถึงการสร้างเจดีย์วัดช้างล้อมนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักวิชาการส่วนใหญ่มีความเห็นว่าเจดีย์องค์นี้น่าจะสร้างขึ้นภายหลังจากสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยพระยาลิไท หรือราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-ต้นพุทธศตวรรษที่ 20 อันเป็นระยะเวลาที่พุทธศาสนาสายที่สัมพันธ์กับลังกาได้รับความนิยม เจดีย์ช้างล้อมซึ่งเกี่ยวข้องกับลังกาก็น่าจะสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้พระพุทธรูปปูนปั้นภายในซุ้มจระนำของเจดีย์ก็มีรูปแบบในระยะเวลานี้","subject":"เจดีย์ช้างล้อม, วัดช้างล้อมศรีสัชนาลัย","spatial":"สุโขทัย (17.431952,99.785121)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/97"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ประธานวัดเจดีย์เจ็ดแถว","creator":"","description":"วัดเจดีย์เจ็ดแถวไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นนับแต่ครั้งที่พระยาลิไทครองเมืองนี้เมื่อราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา สอดคล้องกับการกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมที่มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-20 ได้
","provenance":"วัดเจดีย์เจ็ดแถวไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นนับแต่ครั้งที่พระยาลิไทครองเมืองนี้เมื่อราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา สอดคล้องกับการกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมที่มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-20 ได้
","subject":"เจดีย์ยอดทรงดอกบัวตูม, เจดีย์ยอดทรงพุ่มข้าวบิณฑ์, วัดเจดีย์เจ็ดแถว","spatial":"สุโขทัย (17.430775,99.786263)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/98"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์รายทรงปราสาทยอดวัดเจดีย์เจ็ดแถว","creator":"","description":"วัดเจดีย์เจ็ดแถวไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นนับแต่ครั้งที่พระยาลิไทครองเมืองนี้เมื่อราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา สอดคล้องกับการกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมที่มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-20 ได้
เจดีย์รายซึ่งล้อมรอบเจดีย์ประธานและวิหารมีทั้งสิ้น 35 องค์ จัดวางอย่างเป็นระเบียบ จึงเชื่อว่าถูกออกแบบและสร้างขึ้นในครั้งเดียวกันทุกองค์","provenance":"วัดเจดีย์เจ็ดแถวไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นนับแต่ครั้งที่พระยาลิไทครองเมืองนี้เมื่อราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา สอดคล้องกับการกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมที่มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-20 ได้
เจดีย์รายซึ่งล้อมรอบเจดีย์ประธานและวิหารมีทั้งสิ้น 35 องค์ จัดวางอย่างเป็นระเบียบ จึงเชื่อว่าถูกออกแบบและสร้างขึ้นในครั้งเดียวกันทุกองค์","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท, วัดเจดีย์เจ็ดแถว, เจดีย์ราย","spatial":"สุโขทัย (17.430775,99.786263)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/99"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์รายวัดเจดีย์เจ็ดแถว","creator":"","description":"วัดเจดีย์เจ็ดแถวรวมถึงเจดีย์ทรงปราสาทยอดระฆังองค์นี้ไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นนับแต่ครั้งที่พระยาลิไทครองเมืองนี้เมื่อราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา สอดคล้องกับการกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมที่มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-20 ได้
เจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเจดีย์ประธาน จัดวางตำแหน่งร่วมกับเจดีย์อื่นๆได้อย่างเป็นระเบียบ จึงเชื่อว่าถูกออกแบบและสร้างขึ้นพร้อมกับเจดีย์องค์อื่นๆ เมื่อคราวแรกสร้างวัด","provenance":"วัดเจดีย์เจ็ดแถวรวมถึงเจดีย์ทรงปราสาทยอดระฆังองค์นี้ไม่มีประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นนับแต่ครั้งที่พระยาลิไทครองเมืองนี้เมื่อราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา สอดคล้องกับการกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมที่มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19-20 ได้
เจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเจดีย์ประธาน จัดวางตำแหน่งร่วมกับเจดีย์อื่นๆได้อย่างเป็นระเบียบ จึงเชื่อว่าถูกออกแบบและสร้างขึ้นพร้อมกับเจดีย์องค์อื่นๆ เมื่อคราวแรกสร้างวัด","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท, วัดเจดีย์เจ็ดแถว, เจดีย์ราย","spatial":"สุโขทัย (17.430775,99.786263)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/100"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์วัดนางพญา","creator":"","description":"วัดนางพญาไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่ระบุศักราชการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบของเจดีย์ประธานที่แสดงความเกี่ยวข้องกับเจดีย์ศิลปะอยุธยาอย่างใกล้ชิด จึงเชื่อกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในระยะที่เมืองศรีสัชนาลัยอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยาแล้ว หรือราวสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระองค์เป็นผู้ขับไล่กองทัพล้านนาออกจากเมืองศรีสัชนาลัยได้เป็นผลสำเร็จเมื่อราวต้นพุทธศตวรรษที่ 21 วัดนางพญาและเจดีย์ประธานองค์นี้ก็อาจสร้างขึ้นในระยะเวลานี้
","provenance":"วัดนางพญาไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่ระบุศักราชการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบของเจดีย์ประธานที่แสดงความเกี่ยวข้องกับเจดีย์ศิลปะอยุธยาอย่างใกล้ชิด จึงเชื่อกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในระยะที่เมืองศรีสัชนาลัยอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยาแล้ว หรือราวสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระองค์เป็นผู้ขับไล่กองทัพล้านนาออกจากเมืองศรีสัชนาลัยได้เป็นผลสำเร็จเมื่อราวต้นพุทธศตวรรษที่ 21 วัดนางพญาและเจดีย์ประธานองค์นี้ก็อาจสร้างขึ้นในระยะเวลานี้
","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์ทรงกลม, เจดีย์ทรงลังกา, วัดนางพญา","spatial":"สุโขทัย (17.428698,99.788477)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/101"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทวัดพระพายหลวง","creator":"","description":"ปราสาทวัดพระพายหลวงทั้ง 3 หลังไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุศักราชการสร้างและชื่อผู้สร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมซึ่งเป็นปราสาทก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ เทียบได้กับศาสนสถานในวัฒนธรรมเขมรในดินแดนไทยที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรือสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทำให้เชื่อว่าปราสาทวัดพระพายหลวงสร้างขึ้นในระยะเวลาดังกล่าวนี้เช่นกัน และคงสร้างขึ้นตามคติพุทธศาสนามหายานซึ่งแพร่หลายอยู่ในช่วงเวลานี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อล่วงสู่สมัยสุโขทัยวัดพระพายหลวงยังคงเป็นศาสนสถานที่สำคัญ จึงมีการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆเพิ่มเติม รวมทั้งมีการบูรณะเปลี่ยนแปลงปราสาทวัดพายพลวงด้วย เช่น การปรับทางเข้าสู่ห้องครรภคฤหะของปราสาทหลังกลางจากทางด้านตะวันออกเป็นตะวันตก สร้างพระพุทธรูปปูนปั้นไว้ภายในครรภคฤหะ","provenance":"ปราสาทวัดพระพายหลวงทั้ง 3 หลังไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุศักราชการสร้างและชื่อผู้สร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมซึ่งเป็นปราสาทก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ เทียบได้กับศาสนสถานในวัฒนธรรมเขมรในดินแดนไทยที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรือสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทำให้เชื่อว่าปราสาทวัดพระพายหลวงสร้างขึ้นในระยะเวลาดังกล่าวนี้เช่นกัน และคงสร้างขึ้นตามคติพุทธศาสนามหายานซึ่งแพร่หลายอยู่ในช่วงเวลานี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อล่วงสู่สมัยสุโขทัยวัดพระพายหลวงยังคงเป็นศาสนสถานที่สำคัญ จึงมีการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆเพิ่มเติม รวมทั้งมีการบูรณะเปลี่ยนแปลงปราสาทวัดพายพลวงด้วย เช่น การปรับทางเข้าสู่ห้องครรภคฤหะของปราสาทหลังกลางจากทางด้านตะวันออกเป็นตะวันตก สร้างพระพุทธรูปปูนปั้นไว้ภายในครรภคฤหะ","subject":"ปราสาทหิน, ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร","spatial":"สุโขทัย (17.029207,99.699035)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/102"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ปูนปั้นประดับวิหารวัดนางพญา","creator":"","description":"วัดนางพญาไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่ระบุศักราชการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบของเจดีย์ประธานที่แสดงความเกี่ยวข้องกับเจดีย์ศิลปะอยุธยาอย่างใกล้ชิด จึงเชื่อกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในระยะที่เมืองศรีสัชนาลัยอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยาแล้ว หรือราวสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 21 เมื่อพระองค์ขับไล่กองทัพล้านนาออกจากเมืองนี้ได้สำเร็จ วิหารซึ่งรวมทั้งงานปูนปั้นประดับก็คงสร้างขึ้นในระยะเวลานี้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ลวดลายปูนปั้นแห่งนี้จึงมีความสัมพันธ์กับลายเครือเถาในศิลปะล้านนาอย่างมาก อันมีต้นแบบอยู่ในศิลปะจีนหรือตะวันออกลางอีกทอดหนึ่ง
","provenance":"วัดนางพญาไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่ระบุศักราชการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบของเจดีย์ประธานที่แสดงความเกี่ยวข้องกับเจดีย์ศิลปะอยุธยาอย่างใกล้ชิด จึงเชื่อกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในระยะที่เมืองศรีสัชนาลัยอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยาแล้ว หรือราวสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 21 เมื่อพระองค์ขับไล่กองทัพล้านนาออกจากเมืองนี้ได้สำเร็จ วิหารซึ่งรวมทั้งงานปูนปั้นประดับก็คงสร้างขึ้นในระยะเวลานี้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ลวดลายปูนปั้นแห่งนี้จึงมีความสัมพันธ์กับลายเครือเถาในศิลปะล้านนาอย่างมาก อันมีต้นแบบอยู่ในศิลปะจีนหรือตะวันออกลางอีกทอดหนึ่ง
","subject":"วิหาร, วัดนางพญา","spatial":"สุโขทัย (17.428698,99.788477)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/103"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ท้องพระโรง วังท่าพระ","creator":"","description":"ท้องพระโรงแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในวังท่าพระ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่ประทับของเจ้านายอีกหลายพระองค์ จนเมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์เสด็จมาประทับในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการบูรณะปรับปรุงท้องพระโรงโดยยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้ ปัจจุบันใช้เป็นหอศิลป์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร
","provenance":"ท้องพระโรงแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในวังท่าพระ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่ประทับของเจ้านายอีกหลายพระองค์ จนเมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์เสด็จมาประทับในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการบูรณะปรับปรุงท้องพระโรงโดยยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้ ปัจจุบันใช้เป็นหอศิลป์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร
","subject":"ท้องพระโรง, ท้องพระโรง, วังท่าพระ, วังท่าพระ, กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์, กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์, รัชกาลที่ 3, รัชกาลที่ 3, มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยศิลปากร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.752841,100.490011)","temporal":"รัตนโกสินทร์, รัตนโกสินทร์ตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/104"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ตำหนักพรรณราย","creator":"","description":"ตำหนักพรรณรายสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ในคราวที่สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์เสด็จมาทรงครองวังท่าพระ ชื่อของตำหนักมาจากพระนามของพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย พระมารดาของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ซึ่งโปรดให้มาประทับด้วยกัน
","provenance":"ตำหนักพรรณรายสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ในคราวที่สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์เสด็จมาทรงครองวังท่าพระ ชื่อของตำหนักมาจากพระนามของพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย พระมารดาของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ซึ่งโปรดให้มาประทับด้วยกัน
","subject":"สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์, ตำหนักพรรณราย, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 5, มหาวิทยาลัยศิลปากร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.752918,100.490001)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/105"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว","creator":"","description":"พระบรมรูปทรงม้าสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 เมื่อพ.ศ.2450 และเสร็จทันในวโรกาสพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2451 โดยนำแบบอย่างมาจากพระบรมรูปของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่กรุงปารีส พระบรมรูปทรงม้านี้หล่อที่กรุงปารีสโดยช่างหล่อจากบริษัทซุส เซอร์เฟรส ฟอร์เดอร์ โดยพระองค์เสด็จไปทำข้อตกลงและเลือกชนิดโลหะด้วยพระองค์เอง รวมถึงฉายพระรูปเป็นแบบ เป็นแบบให้ มองซิเออร์ คาโรลัส ดูรังน์ เขียนรูป และเสด็จไปประทับเป็นแบบให้ช่างปั้นหุ่น พระบรมรูปนี้เมื่อหล่อเสร็จก็ส่งเข้ามายังกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2451 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จทรงเปิดพระบรมราชานุสาวนีย์ด้วยพระองค์เอง
","provenance":"พระบรมรูปทรงม้าสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 เมื่อพ.ศ.2450 และเสร็จทันในวโรกาสพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2451 โดยนำแบบอย่างมาจากพระบรมรูปของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่กรุงปารีส พระบรมรูปทรงม้านี้หล่อที่กรุงปารีสโดยช่างหล่อจากบริษัทซุส เซอร์เฟรส ฟอร์เดอร์ โดยพระองค์เสด็จไปทำข้อตกลงและเลือกชนิดโลหะด้วยพระองค์เอง รวมถึงฉายพระรูปเป็นแบบ เป็นแบบให้ มองซิเออร์ คาโรลัส ดูรังน์ เขียนรูป และเสด็จไปประทับเป็นแบบให้ช่างปั้นหุ่น พระบรมรูปนี้เมื่อหล่อเสร็จก็ส่งเข้ามายังกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2451 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จทรงเปิดพระบรมราชานุสาวนีย์ด้วยพระองค์เอง
","subject":"พระบรมรูปทรงม้า, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 5, ศิลปะยุโรป","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.769253,100.512008)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/106"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ตึกแถวถนนราชดำเนินกลาง","creator":"","description":"อาคารตลอดแนวถนนราชดำเนินกลางนี้เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2480 โดยเวนคืนที่ดินทั้งสองฝั่งข้างละ 40 เมตร สถาปนิกสำคัญคือ จิตรเสน (หมิว) อภัยวงศ์ งานก่อสร้างดำเนินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 เรื่อยไปจนถึง พ.ศ. 2491 มีอาคารจำนวน 15 หลัง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 10 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารพาณิชย์ โรงมหรสพ และโรงแรม
","provenance":"อาคารตลอดแนวถนนราชดำเนินกลางนี้เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2480 โดยเวนคืนที่ดินทั้งสองฝั่งข้างละ 40 เมตร สถาปนิกสำคัญคือ จิตรเสน (หมิว) อภัยวงศ์ งานก่อสร้างดำเนินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 เรื่อยไปจนถึง พ.ศ. 2491 มีอาคารจำนวน 15 หลัง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 10 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารพาณิชย์ โรงมหรสพ และโรงแรม
","subject":"ตึกแถว, ถนนราชดำเนิน, ตึก, อาคาร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.757387,100.500247)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/107"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ตึกแถวถนนหน้าพระลาน","creator":"","description":"ตึกแถวบริเวณถนนหน้าพระลานนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 พร้อมกับการขยายถนนหน้าพระลาน โดยได้โปรดเกล้าฯให้รื้อกำแพงวังและให้สร้างตึกแถวเพื่อใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและใช้ในการพาณิชย์
","provenance":"ตึกแถวบริเวณถนนหน้าพระลานนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 พร้อมกับการขยายถนนหน้าพระลาน โดยได้โปรดเกล้าฯให้รื้อกำแพงวังและให้สร้างตึกแถวเพื่อใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและใช้ในการพาณิชย์
","subject":"ตึกแถว, ถนนหน้าพระลาน, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 5","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.752482,100.489977)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/108"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ศาลาเฉลิมกรุง","creator":"","description":"ศาลาเฉลิมกรุงเป็นโรงภาพยนตร์ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสฉลองกรุงเทพมหานครครบ 150 ปี ในปี พ.ศ. 2475 ในโอกาสเดียวกับการสร้างพระปฐมบรมราชานุสรณ์และสะพานพระพุทธยอดฟ้า สร้างบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งบ่อน้ำบาดาล พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 9 ล้านบาทในการสร้าง มีหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากรเป็นสถาปนิก อาจารย์นารท โพธิประสาทเป็นผู้คำนวณโครงสร้าง เริ่มก่อสร้างในปีพ.ศ. 2473 แล้วเสร็จพร้อมมีพิธีเปิดฉายภาพยนตร์เป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2476
","provenance":"ศาลาเฉลิมกรุงเป็นโรงภาพยนตร์ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสฉลองกรุงเทพมหานครครบ 150 ปี ในปี พ.ศ. 2475 ในโอกาสเดียวกับการสร้างพระปฐมบรมราชานุสรณ์และสะพานพระพุทธยอดฟ้า สร้างบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งบ่อน้ำบาดาล พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 9 ล้านบาทในการสร้าง มีหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากรเป็นสถาปนิก อาจารย์นารท โพธิประสาทเป็นผู้คำนวณโครงสร้าง เริ่มก่อสร้างในปีพ.ศ. 2473 แล้วเสร็จพร้อมมีพิธีเปิดฉายภาพยนตร์เป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2476
","subject":"ศาลาเฉลิมกรุง, โรงมหรสพหลวง ศาลาเฉลิมกรุง, โรงหนังเฉลิมกรุง, พระบาทสมเด็จพระปกเก้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 7","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.746654,100.500002)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/109"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สถานีรถไฟกรุงเทพ","creator":"","description":"สถานีรถไฟหัวลำโพงเดิมเป็นอาคารไม้ 2 ชั้นต่อมาในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ในราวปีพ.ศ. 2449 เกิดแนวคิดการสร้างสถานีรถไฟในสวยสง่าด้วยแบบร่างของคาร์ล เดอริงห์ แต่สุดท้ายใช้แบบร่างของมาริโอ ตามาญโญ โดยเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2453 มีนายเกอร์เบอร์เป็นวิศวกร แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปทรงเปิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2459\r\n
","provenance":"สถานีรถไฟหัวลำโพงเดิมเป็นอาคารไม้ 2 ชั้นต่อมาในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ในราวปีพ.ศ. 2449 เกิดแนวคิดการสร้างสถานีรถไฟในสวยสง่าด้วยแบบร่างของคาร์ล เดอริงห์ แต่สุดท้ายใช้แบบร่างของมาริโอ ตามาญโญ โดยเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2453 มีนายเกอร์เบอร์เป็นวิศวกร แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปทรงเปิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2459\r\n
","subject":"สถานีรถไฟกรุงเทพ, สถานีรถไฟหัวลำโพง, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 5","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.738404,100.517137)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/110"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์","creator":"","description":"ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นี้สร้างขึ้นภายใต้มติของรัฐบาลไทยเพื่อให้เป็นสถานที่จัดงานประชุมแห่งชาติที่ได้มาตรฐานสากลในปี พ.ศ. 2532 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้เสด็จฯมาทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์บนพื้นที่ 20 เอเคอร์ติดกับโรงงานยาสูบเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 และแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมปี พ.ศ. 2534 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดศูนย์การประชุมนี้และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระนามาภิไธยเป็นชื่อของศูนย์การประชุมนี้ เนื่องในโอกาสเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ
","provenance":"ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นี้สร้างขึ้นภายใต้มติของรัฐบาลไทยเพื่อให้เป็นสถานที่จัดงานประชุมแห่งชาติที่ได้มาตรฐานสากลในปี พ.ศ. 2532 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้เสด็จฯมาทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์บนพื้นที่ 20 เอเคอร์ติดกับโรงงานยาสูบเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 และแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมปี พ.ศ. 2534 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดศูนย์การประชุมนี้และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระนามาภิไธยเป็นชื่อของศูนย์การประชุมนี้ เนื่องในโอกาสเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ
","subject":"ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.724065,100.558633)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/111"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์ซางตาครู้ส","creator":"","description":"โบสถ์ซางตาครู้สเป็นวัดของชุมชนชาวคริสต์เชื้อสายโปรตุเกส สร้างบนพื้นที่ซึ่งพระเจ้าตากสินมหาราชประทานให้แก่คุณพ่อกอรร์ในปี พ.ศ. 2312 โบสถ์หลังปัจจุบันเป็นโบสถ์หลังที่ 3 สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2456 โดยบาทหลวงกูเลียลโม กิ๊น ดาครู๊ส เพื่อแทนโบสถ์หลังเดิมที่ผุพังไป โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2456 โบสถ์หลังนี้สร้างเสร็จและทำพิธีเสกเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2459
","provenance":"โบสถ์ซางตาครู้สเป็นวัดของชุมชนชาวคริสต์เชื้อสายโปรตุเกส สร้างบนพื้นที่ซึ่งพระเจ้าตากสินมหาราชประทานให้แก่คุณพ่อกอรร์ในปี พ.ศ. 2312 โบสถ์หลังปัจจุบันเป็นโบสถ์หลังที่ 3 สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2456 โดยบาทหลวงกูเลียลโม กิ๊น ดาครู๊ส เพื่อแทนโบสถ์หลังเดิมที่ผุพังไป โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2456 โบสถ์หลังนี้สร้างเสร็จและทำพิธีเสกเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2459
","subject":"โบสถ์ซางตาครู้ส, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 6, ชุมชนกุฎีจีน, โปรตุเกส, พระเจ้าตากสินมหาราช","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.739091,100.493887)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/112"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาสนวิหารอัสสัมชัญ","creator":"","description":"อาสนวิหารอัสสัมชัญก่อสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2352 โดยบาทหลวงปาสกัล แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2364 และได้รับสถาปนาเป็นอาสนวิหารในเวลาต่อมา ก่อนจะมีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ในปี พ.ศ. 2452 เพื่อรองรับการขยายตัวของคริสศาสนิกชน โดยใช้สถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ โบสถ์หลังนี้ได้รับความเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะมีการบูรณะในเวลาต่อมา
","provenance":"อาสนวิหารอัสสัมชัญก่อสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2352 โดยบาทหลวงปาสกัล แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2364 และได้รับสถาปนาเป็นอาสนวิหารในเวลาต่อมา ก่อนจะมีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ในปี พ.ศ. 2452 เพื่อรองรับการขยายตัวของคริสศาสนิกชน โดยใช้สถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ โบสถ์หลังนี้ได้รับความเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะมีการบูรณะในเวลาต่อมา
","subject":"อาสนวิหารอัสสัมชัญ, โบสถ์อัสสัมชัญ, มิสซัง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.723173,100.514766)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/113"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดบางหลวง","creator":"","description":"มัสยิดบางหลวงนี้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยการนำของโต๊ะหยี พ่อค้าชาวมุสลิม ต่อมาก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้ง รูปแบบที่ปรากฏในปัจจุบันน่าจะสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เนื่องจากมีลักษณะแบบเดียวกับพระอุโบสถและพระวิหารแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3
","provenance":"มัสยิดบางหลวงนี้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยการนำของโต๊ะหยี พ่อค้าชาวมุสลิม ต่อมาก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้ง รูปแบบที่ปรากฏในปัจจุบันน่าจะสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เนื่องจากมีลักษณะแบบเดียวกับพระอุโบสถและพระวิหารแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3
","subject":"มัสยิด, มัสยิดบางหลวง, มัสยิดกุฎีขาว, กุฎีโต๊ะหยี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.73799,100.48944)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/114"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดต้นสน","creator":"","description":"มัสยิดต้นสนสร้างขึ้นครั้งแรกในรัชกาลของพระเจ้าทรงธรรม โดยเป็นอาคารไม้อย่างง่ายและต่อเติมเรื่อยมา ก่อนจะมีการสร้างมัสยิดหลังใหม่โดยใช้ช่างจากราชสำนักมาสร้าง เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนโดยนำต้นแบบมาจากพระราชวังบวรสถานมงคล แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2359 ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 มัสยิดเดิมอยู่ในสภาพทรุดโทรมจึงมีการรื้อลงและสร้างขึ้นใหม่เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กและใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2552 มัสยิดหลังเดิมเริ่มทรุดตัวจึงได้มีการบูรณะมัสยิดครั้งใหญ่อีกครั้ง
","provenance":"มัสยิดต้นสนสร้างขึ้นครั้งแรกในรัชกาลของพระเจ้าทรงธรรม โดยเป็นอาคารไม้อย่างง่ายและต่อเติมเรื่อยมา ก่อนจะมีการสร้างมัสยิดหลังใหม่โดยใช้ช่างจากราชสำนักมาสร้าง เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนโดยนำต้นแบบมาจากพระราชวังบวรสถานมงคล แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2359 ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 มัสยิดเดิมอยู่ในสภาพทรุดโทรมจึงมีการรื้อลงและสร้างขึ้นใหม่เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กและใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2552 มัสยิดหลังเดิมเริ่มทรุดตัวจึงได้มีการบูรณะมัสยิดครั้งใหญ่อีกครั้ง
","subject":"มัสยิด, มัสยิดต้นสน, พระเจ้าทรงธรรม, อยุธยา, ชุมมชนบางกอกใหญ่","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.739897,100.488686)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/115"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธนวราชบพิตร","creator":"","description":"พระพุทธนวราชบพิตรนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดชมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานไว้ ณ จังหวัดต่างๆ ทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักร โดยโปรดเกล้าฯ ให้นายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ข้าราชการกรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบหุ่นปั้น ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยพระพุทธรูปจนเป็นที่พอพระราชหฤทัยแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้นายช่างเททองหล่อเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2509 และโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามพระพุทธรูปว่า “พระพุทธนวราชบพิตร”
","provenance":"พระพุทธนวราชบพิตรนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดชมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานไว้ ณ จังหวัดต่างๆ ทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักร โดยโปรดเกล้าฯ ให้นายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ข้าราชการกรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบหุ่นปั้น ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยพระพุทธรูปจนเป็นที่พอพระราชหฤทัยแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้นายช่างเททองหล่อเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2509 และโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามพระพุทธรูปว่า “พระพุทธนวราชบพิตร”
","subject":"พระพุทธนวราชบพิตร, ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร, ศาลากลางจังหวัด","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.754114,100.501622)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/116"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถวัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก","creator":"","description":"วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษกสร้างขึ้นบนพื้นดินใกล้เคียงกับบึงพระราม 9 ซึ่งนางสาวจวงจันทร์ สิงหเสนี ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2538
พระอุโบสถออกแบบโดยนาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น โดยการออกแบบในครั้งแรกเป็นพระอุโบสถอย่างสมพระเกียรติภายใต้งบประมาณ 57 ล้านบาท แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสรับสั่งให้ปรับแบบพระอุโบสถและอาคารอื่นๆให้มีขนาดเล็กลง มีพระราชประสงค์ให้เป็นเพียงวัดเล็กๆและให้ใช้งบประมาณไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยทรงเน้นการใช้งานมากกว่าความใหญ่โต ซึ่งแตกต่างจากพระอุโบสถหรือวิหารในยุคสมัยนี้ที่นิยมสร้างอาคารขนาดใหญ่
","provenance":"วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษกสร้างขึ้นบนพื้นดินใกล้เคียงกับบึงพระราม 9 ซึ่งนางสาวจวงจันทร์ สิงหเสนี ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2538
พระอุโบสถออกแบบโดยนาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น โดยการออกแบบในครั้งแรกเป็นพระอุโบสถอย่างสมพระเกียรติภายใต้งบประมาณ 57 ล้านบาท แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสรับสั่งให้ปรับแบบพระอุโบสถและอาคารอื่นๆให้มีขนาดเล็กลง มีพระราชประสงค์ให้เป็นเพียงวัดเล็กๆและให้ใช้งบประมาณไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยทรงเน้นการใช้งานมากกว่าความใหญ่โต ซึ่งแตกต่างจากพระอุโบสถหรือวิหารในยุคสมัยนี้ที่นิยมสร้างอาคารขนาดใหญ่
","subject":"วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก, วัดพระราม 9, วัดพระรามเก้า","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.670083,100.594076)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/117"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร","creator":"","description":"วัดญาณสังวรารามสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2519 นายแพทย์ขจร และคุณหญิงนิธิวดี อันตระการ พร้อมด้วยบุตรธิดาบริจาคที่ดินจำนวน 100 ไร่ 1 งาน 92 ตารางวา ถวายแด่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร โดยปรารถนาให้มีนามตามสมณศักดิ์ของสมเด็จฯ วัดนี้จึงมีชื่อว่า วัดญาณสังวราราม
","provenance":"วัดญาณสังวรารามสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2519 นายแพทย์ขจร และคุณหญิงนิธิวดี อันตระการ พร้อมด้วยบุตรธิดาบริจาคที่ดินจำนวน 100 ไร่ 1 งาน 92 ตารางวา ถวายแด่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร โดยปรารถนาให้มีนามตามสมณศักดิ์ของสมเด็จฯ วัดนี้จึงมีชื่อว่า วัดญาณสังวราราม
","subject":"อุโบสถ, พุทธคยาจำลอง, พระบรมธาตุเจดีย์, วิหารเซียน, วัดญาณสังวราราม","spatial":"ชลบุรี (12.789495,100.959857)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/118"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อุโบสถวัดร่องขุ่น","creator":"","description":"วัดร่องขุ่นสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2430 โดยขุนอุดมกิจเกษมราษฎร์ ต่อมามีการก่อสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2507 และ 2538 ก่อนที่อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จะทำการบูรณะซ่อมแซมและออกแบบใหม่ โดยใช้เงินทุนส่วนตัว เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และยังคงมีการสร้างและซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
","provenance":"วัดร่องขุ่นสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2430 โดยขุนอุดมกิจเกษมราษฎร์ ต่อมามีการก่อสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2507 และ 2538 ก่อนที่อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จะทำการบูรณะซ่อมแซมและออกแบบใหม่ โดยใช้เงินทุนส่วนตัว เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และยังคงมีการสร้างและซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
","subject":"อุโบสถวัดร่องขุ่น, วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย, พระอุโบสถ","spatial":"เชียงราย (19.824081,99.763128)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/119"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"บ้านดำ","creator":"","description":"บ้านดำ หรือ บ้านดำนางแล เป็นบ้านส่วนบุคคลของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี โดยสร้างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 ภายในพื้นที่ 39 ไร่
","provenance":"บ้านดำ หรือ บ้านดำนางแล เป็นบ้านส่วนบุคคลของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี โดยสร้างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 ภายในพื้นที่ 39 ไร่
","subject":"บ้านดำ, ถวัลย์ ดัชนี, พิพิธภัณฑ์บ้านดำ","spatial":"เชียงราย (19.992197,99.860808)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/120"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล","creator":"","description":"กองทัพอากาศได้สร้างพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 และน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมิรทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ เคียงคู่กับพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมิรทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2529 โดยมีพลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศเป็นประธาน มีนางไขศรี ตันศิริ และนายสันติ ชยสมบัติ เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ และนายกัญจนจักก์ สถาปนสุต เป็นวิศวกร
กองทัพอากาศได้สร้างพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 และน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมิรทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ เคียงคู่กับพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมิรทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2529 โดยมีพลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศเป็นประธาน มีนางไขศรี ตันศิริ และนายสันติ ชยสมบัติ เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ และนายกัญจนจักก์ สถาปนสุต เป็นวิศวกร
กองทัพอากาศได้สร้างพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริเมื่อ พ.ศ. 2535 และได้น้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ เคียงคู่กับพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีรับการน้อมเกล้าฯ ถวาย พระมหาธาตุเจดีย์เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2536 โดยมีนางไขศรี ตันศิริและนายสันติ ชยสมบัติ เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ และนายกัญจนจักก์ สถาปนสุต เป็นวิศวกร
","provenance":"กองทัพอากาศได้สร้างพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริเมื่อ พ.ศ. 2535 และได้น้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ เคียงคู่กับพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีรับการน้อมเกล้าฯ ถวาย พระมหาธาตุเจดีย์เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2536 โดยมีนางไขศรี ตันศิริและนายสันติ ชยสมบัติ เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ และนายกัญจนจักก์ สถาปนสุต เป็นวิศวกร
","subject":"พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ, พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ","spatial":"เชียงใหม่ (18.553174,110.479359)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/122"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ","creator":"","description":"จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถเริ่มเขียนเมื่อพ.ศ. 2532 โดยอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต และคณะ โดยพระอุโบสถหลังนี้เป็นพระอุโบสถซึ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2529
","provenance":"จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถเริ่มเขียนเมื่อพ.ศ. 2532 โดยอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต และคณะ โดยพระอุโบสถหลังนี้เป็นพระอุโบสถซึ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2529
","subject":"จิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ, พระอุโบสถ วัดตรีทศเทพวรวิหาร, วัดตรีทศเทพ, จิตรกรรมฝาผนัง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.762032,100.503198)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/123"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระสัมพุทธพรรณี","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปดรเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2373 เมื่อครั้งทรงผนวช ความดังนี้ “.... เมื่อศักราช 1192 ปีขาล โทศก มีรับสั่งขุนอินทรพินิจเจ้ากรมช่างหล่อให้ทำหุ้มรูปพระพุทธปฏิมากร หน้าตักศอกเศษ หล่อองค์หนึ่ง มีพระนามว่า พระสัมพุทธพรรณี” เดิมประดิษฐานอยู่ภายในพระตำหนักที่วัดสมอราย(วัดราชาธิวาส) ครั้นเมื่อขึ้นครองราชสมบัติแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาประดิษฐานบนฐานชุกชีในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปดรเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2373 เมื่อครั้งทรงผนวช ความดังนี้ “.... เมื่อศักราช 1192 ปีขาล โทศก มีรับสั่งขุนอินทรพินิจเจ้ากรมช่างหล่อให้ทำหุ้มรูปพระพุทธปฏิมากร หน้าตักศอกเศษ หล่อองค์หนึ่ง มีพระนามว่า พระสัมพุทธพรรณี” เดิมประดิษฐานอยู่ภายในพระตำหนักที่วัดสมอราย(วัดราชาธิวาส) ครั้นเมื่อขึ้นครองราชสมบัติแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาประดิษฐานบนฐานชุกชีในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, พระบรมมหาราชวัง, พระสัมพุทธพรรณี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751316,100.492618)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/124"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระพุทธรัตนสถาน","creator":"","description":"พระพุทธรัตนสถานสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัยโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับเป็นพระอุโบสถสำหรับฝ่ายใน สันนิษฐานว่าเดิมตั้งอยู่บนเกาะกลางสระที่เคยเป็นที่ตั้งหอพระ และพระราชทานนามว่า พระพุทธนิเวศน์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแปลงเป็นพระอุโบสถ ก่อนจะมีการยุบพัทธสีมาลงในภายหลัง
","provenance":"พระพุทธรัตนสถานสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัยโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับเป็นพระอุโบสถสำหรับฝ่ายใน สันนิษฐานว่าเดิมตั้งอยู่บนเกาะกลางสระที่เคยเป็นที่ตั้งหอพระ และพระราชทานนามว่า พระพุทธนิเวศน์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแปลงเป็นพระอุโบสถ ก่อนจะมีการยุบพัทธสีมาลงในภายหลัง
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, พระที่นั่ง, วังหลวง, พระพุทธรัตนสถาน","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749472,100.492937)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/125"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมฝาผนังที่พระพุทธรัตนสถาน","creator":"","description":"จิตรกรรมฝาผนังภายในพุทธรัตนสถานที่เคยมีมาแต่เดิมเขียนโดยช่างจีน 10 คน โดยจ่ายค่าจ้างด้วยข้าวสาร จิตรกรรมฝาผนังทั้ง 4 ด้าน เขียนเล่าประวัติของพระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย พระพุทธรูปประธานเดิมของพระพุทธรัตนสถาน
ต่อมาพระพุทธรัตนสถานได้รับความเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2504 สำนักพระราชวังได้มอบหมายให้กรมศิลปากรเขียนภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในช่วงพ.ศ. 2488 – 2499
เมื่อปี พ.ศ. 2536 พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระราชปรารภให้กรมศิลปากรแก้ไขจิตรกรรมฝาผนังในพระพุทธรัตนสถานให้สัมพันธ์กับอาคาร โดยให้ลอกของเดิมที่เขียนเมื่อ พ.ศ. 2504 ออกแล้วอนุรักษ์ไว้ แล้วเขียนจิตรกรรมฝาผนังใหม่ เป็นเรื่องประวัติของพระพุทธรัตนสถานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดชได้ทอดพระเนตรและพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย กรมศิลปากรได้นำกลับไปแก้ไขตามพระราชประสงค์อีก 3 ครั้ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำไปเป็นแบบในการขยายลงสู่ผนังจริง เริ่มลงมือเขียนภาพจริงเมื่อพ.ศ. 2546 และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2547","provenance":"จิตรกรรมฝาผนังภายในพุทธรัตนสถานที่เคยมีมาแต่เดิมเขียนโดยช่างจีน 10 คน โดยจ่ายค่าจ้างด้วยข้าวสาร จิตรกรรมฝาผนังทั้ง 4 ด้าน เขียนเล่าประวัติของพระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย พระพุทธรูปประธานเดิมของพระพุทธรัตนสถาน
ต่อมาพระพุทธรัตนสถานได้รับความเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2504 สำนักพระราชวังได้มอบหมายให้กรมศิลปากรเขียนภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในช่วงพ.ศ. 2488 – 2499
เมื่อปี พ.ศ. 2536 พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระราชปรารภให้กรมศิลปากรแก้ไขจิตรกรรมฝาผนังในพระพุทธรัตนสถานให้สัมพันธ์กับอาคาร โดยให้ลอกของเดิมที่เขียนเมื่อ พ.ศ. 2504 ออกแล้วอนุรักษ์ไว้ แล้วเขียนจิตรกรรมฝาผนังใหม่ เป็นเรื่องประวัติของพระพุทธรัตนสถานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดชได้ทอดพระเนตรและพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย กรมศิลปากรได้นำกลับไปแก้ไขตามพระราชประสงค์อีก 3 ครั้ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำไปเป็นแบบในการขยายลงสู่ผนังจริง เริ่มลงมือเขียนภาพจริงเมื่อพ.ศ. 2546 และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2547","subject":"พระบรมมหาราชวัง, พระที่นั่ง, วังหลวง, จิตรกรรมฝาผนัง, จิตรกรรมฝาผนังที่พระพุทธรัตนสถาน","spatial":"กรุงเทพมหานคร (14.798756,100.613852)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/126"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระสยามเทวาธิราช","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการซึ่งขณะนั้นรับราชการอยู่ในกรมช่างสิบหมู่ ประชุมช่างเอกและลงมือหล่อรูปพระสยามเทวาธิราชขึ้น ด้วยทรงเชื่อว่า การที่สยามสามารถผ่านวิกฤตต่างๆมาได้เป็นเพราะมีเทวดาคอยพิทักษ์รักษาอยู่ จึงโปรดให้หล่อรูปเทวดานั้นขึ้นไว้สักการบูชา
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการซึ่งขณะนั้นรับราชการอยู่ในกรมช่างสิบหมู่ ประชุมช่างเอกและลงมือหล่อรูปพระสยามเทวาธิราชขึ้น ด้วยทรงเชื่อว่า การที่สยามสามารถผ่านวิกฤตต่างๆมาได้เป็นเพราะมีเทวดาคอยพิทักษ์รักษาอยู่ จึงโปรดให้หล่อรูปเทวดานั้นขึ้นไว้สักการบูชา
","subject":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระสยามเทวาธิราช, พระพุทธรูป, รัชกาลที่ 4, เทวดา","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749955,100.492038)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/127"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องต้นอย่างจักรพรรดิราช ถวายพระนามว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นเทเวศร์วัชรินทร์ ทรงกำกับการสร้างด้วยมูลเหตุว่า
1. ทรงสร้างเพื่อให้เป็นพระราชกุศลใหญ่และเป็นพระเกียรติยศโดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระอัยกาธิราชจักรพรรดินาถบพิตรเช่นเดียวกับการสร้างพระพุทธรูปพระศรีสรรเพชญ์และพระบรมรูปพระเชษฐบิดรครั้งกรุงศรีอยุธยา
2. เพื่อเปลี่ยนการขนานนามพระเจ้าแผ่นดินที่เคยเรียกรัชกาลที่ 1 ว่า แผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกศ หรือแผ่นดินต้น เป็นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธเลิศหล้าสุราลัยเพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีรูปแบบและคติความเชื่อเช่นเดียวกันกับพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ได้ทรงแก้ไขสร้อยนามใหม่เป็น พระพุทธเลิศหล้านภาลัย
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องต้นอย่างจักรพรรดิราช ถวายพระนามว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นเทเวศร์วัชรินทร์ ทรงกำกับการสร้างด้วยมูลเหตุว่า
1. ทรงสร้างเพื่อให้เป็นพระราชกุศลใหญ่และเป็นพระเกียรติยศโดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระอัยกาธิราชจักรพรรดินาถบพิตรเช่นเดียวกับการสร้างพระพุทธรูปพระศรีสรรเพชญ์และพระบรมรูปพระเชษฐบิดรครั้งกรุงศรีอยุธยา
2. เพื่อเปลี่ยนการขนานนามพระเจ้าแผ่นดินที่เคยเรียกรัชกาลที่ 1 ว่า แผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกศ หรือแผ่นดินต้น เป็นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธเลิศหล้าสุราลัยเพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีรูปแบบและคติความเชื่อเช่นเดียวกันกับพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ได้ทรงแก้ไขสร้อยนามใหม่เป็น พระพุทธเลิศหล้านภาลัย
","subject":"พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก, พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, โบสถ์วัดพระแก้ว","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751316,100.492618)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/128"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประจำพระชนมวารรัชกาลที่ 9","creator":"","description":"พระพุทธรูปประจำพระชนมวารเริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หมายถึง พระพุทธรูปประจำวันพระราชสมภพซึ่งมีปางต่างๆ ได้แก่ วันอาทิตย์ปางถวายเนตร วันจันทร์ปางห้ามญาติ วันอังคารปางไสยาสน์ (ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เปลี่ยนเป็นปางห้ามพระแก่นจันทน์) วันพุธปางอุ้มบาตร วันพฤหัสบดีปางสมาธิ วันศุกร์ปางรำพึง และวันเสาร์ปางนาคปรก
","provenance":"พระพุทธรูปประจำพระชนมวารเริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หมายถึง พระพุทธรูปประจำวันพระราชสมภพซึ่งมีปางต่างๆ ได้แก่ วันอาทิตย์ปางถวายเนตร วันจันทร์ปางห้ามญาติ วันอังคารปางไสยาสน์ (ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เปลี่ยนเป็นปางห้ามพระแก่นจันทน์) วันพุธปางอุ้มบาตร วันพฤหัสบดีปางสมาธิ วันศุกร์ปางรำพึง และวันเสาร์ปางนาคปรก
","subject":"พระพุทธรูปประจำพระชนมวารรัชกาลที่ 9, รัชกาลที่ 9","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749948,100.491354)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/129"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดราชโอรสาราม","creator":"","description":"วัดราชโอรสารามเดิมชื่อวัดจอมทอง สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งดำรงพระยศพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ได้เสด็จผ่านวัดนี้เมื่อคราวยกทัพไปรับศึกพม่าที่กาญจนบุรีและได้ทำพิธีเบิกโขลนทวารที่วัดแห่งนี้ เมื่อเสร็จศึกครั้งนั้น พระองค์ได้กลับมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดจอมทองขึ้นใหม่ทั้งวัด
","provenance":"วัดราชโอรสารามเดิมชื่อวัดจอมทอง สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งดำรงพระยศพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ได้เสด็จผ่านวัดนี้เมื่อคราวยกทัพไปรับศึกพม่าที่กาญจนบุรีและได้ทำพิธีเบิกโขลนทวารที่วัดแห่งนี้ เมื่อเสร็จศึกครั้งนั้น พระองค์ได้กลับมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดจอมทองขึ้นใหม่ทั้งวัด
","subject":"วัดราชโอรสาราม, พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว, วัดจอมทอง, รัชกาลที่ 3","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.702566,100.464752)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/130"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดปรมัยยิกาวาส","creator":"","description":"วัดปรมัยยิกาวาส เดิมชื่อวัดปากอ่าว สันนิษฐานว่ามีมาแล้วตั้งแต่สมัยธนบุรี เป็นวัดที่ชาวมอญในละแวกนั้นใช้เป็นสถานที่ทำบุญ ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯมาถวายผ้าพระกฐิน ณ พระอารามรามัญในเขตเมืองนนทบุรี ซึ่งวัดปากอ่าวเป็นหนึ่งในนั้น พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอารามนี้ทั้งอารามเพื่อเป็นการสนองพระเดชพระคุณของพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร ผู้ทรงอภิบาลพระองค์มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยพระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยาอัคนีศราภัย จางวางแสงปืนต้น เป็นแม่กองในการบูรณะ พร้อมได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดปรมัยยิกาวาศ แปลว่า วัดของยาย ภายหลังจึงเปลี่ยนวิธีสะกดเป็นวัดปรมัยยิกาวาส
","provenance":"วัดปรมัยยิกาวาส เดิมชื่อวัดปากอ่าว สันนิษฐานว่ามีมาแล้วตั้งแต่สมัยธนบุรี เป็นวัดที่ชาวมอญในละแวกนั้นใช้เป็นสถานที่ทำบุญ ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯมาถวายผ้าพระกฐิน ณ พระอารามรามัญในเขตเมืองนนทบุรี ซึ่งวัดปากอ่าวเป็นหนึ่งในนั้น พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอารามนี้ทั้งอารามเพื่อเป็นการสนองพระเดชพระคุณของพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร ผู้ทรงอภิบาลพระองค์มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยพระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยาอัคนีศราภัย จางวางแสงปืนต้น เป็นแม่กองในการบูรณะ พร้อมได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดปรมัยยิกาวาศ แปลว่า วัดของยาย ภายหลังจึงเปลี่ยนวิธีสะกดเป็นวัดปรมัยยิกาวาส
","subject":"วัดปรมัยยิกาวาส, วัดปรมัยยิกาวาส, วัดปากอ่าว , วัดปากอ่าว ","spatial":"นนทบุรี (13.912798,100.49011)","temporal":"มอญ, รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/131"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระตำหนักดอยตุง","creator":"","description":"พระตำหนักดอยตุงสร้างโดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และสร้างตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ขอเช่าจากกรมป่าไม้เป็นเวลา 30 ปี ซึ่งส่วนราชการและเอกชนได้น้อมเกล้าฯ ถวายการสนับสนุน โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้กรมชลประทานเป็นฝ่ายออกแบบ มีนายทรงศักดิ์ ทวีเจริญ เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างพระตำหนักตามพระราชประสงค์ เพื่อสมเด็จพระบรมราชชนนีจะได้ทรงประทับทรงงานดูแลการฟื้นฟูสภาพป่าดอยตุง แทนการเสด็จแปรพระราชฐานไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์
","provenance":"พระตำหนักดอยตุงสร้างโดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และสร้างตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ขอเช่าจากกรมป่าไม้เป็นเวลา 30 ปี ซึ่งส่วนราชการและเอกชนได้น้อมเกล้าฯ ถวายการสนับสนุน โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้กรมชลประทานเป็นฝ่ายออกแบบ มีนายทรงศักดิ์ ทวีเจริญ เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างพระตำหนักตามพระราชประสงค์ เพื่อสมเด็จพระบรมราชชนนีจะได้ทรงประทับทรงงานดูแลการฟื้นฟูสภาพป่าดอยตุง แทนการเสด็จแปรพระราชฐานไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์
","subject":"พระตำหนักดอยตุง, ดอยตุง","spatial":"เชียงราย (20.287851,99.809983)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/132"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมภาพเหมือนพระอารามหลวง","creator":"","description":"วัดโพธินิมิตสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2416 โดยสมเด็จพระวันรัตน (แดง สีลวฑฒโน) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระเทพกวี โดยอุทิศที่ดินและสวนของบิดามารดาเพื่อสร้างเป็นวัดแห่งนี้ขึ้น ในพ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชผ้าพระกฐินแก่วัดแห่งนี้เป็นครั้งแรก ขณะนั้นพระอุโบสถยังมิได้เขียนตกแต่งใดๆ จึงทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับจ้างช่าง คือ พระอาจารย์แดง วัดหงส์รัตนาราม ให้เขียนภาพจิตรกรรมจนเสร็จ
","provenance":"วัดโพธินิมิตสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2416 โดยสมเด็จพระวันรัตน (แดง สีลวฑฒโน) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระเทพกวี โดยอุทิศที่ดินและสวนของบิดามารดาเพื่อสร้างเป็นวัดแห่งนี้ขึ้น ในพ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชผ้าพระกฐินแก่วัดแห่งนี้เป็นครั้งแรก ขณะนั้นพระอุโบสถยังมิได้เขียนตกแต่งใดๆ จึงทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับจ้างช่าง คือ พระอาจารย์แดง วัดหงส์รัตนาราม ให้เขียนภาพจิตรกรรมจนเสร็จ
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, จิตรกรรมภาพเหมือนพระอารามหลวง, วัดโพธินิมิตสถิตมหาสีมาราม, วัดโพธินิมิต","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.720352,100.483749)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/134"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธปริตร","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธปริตรขึ้นตามสัดส่วนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงค้นคว้าจากพระไตรปิฎก และพบเกณฑ์สัดส่วนในสมัยพุทธกาลซึ่งเรียกว่า “พระสุคติวทัฐฏิ” หรือเรียกอย่างสามัญว่า “คืบพระสุคต” ที่ใช้ขนาดเม็ดข้าวเปลือกเป็นเกณฑ์ และทำอวัยวะให้เหมือนมนุษย์ปุถุชนทุกประการแม้จนคุยหฐานก็สร้างขึ้น
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธปริตรขึ้นตามสัดส่วนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงค้นคว้าจากพระไตรปิฎก และพบเกณฑ์สัดส่วนในสมัยพุทธกาลซึ่งเรียกว่า “พระสุคติวทัฐฏิ” หรือเรียกอย่างสามัญว่า “คืบพระสุคต” ที่ใช้ขนาดเม็ดข้าวเปลือกเป็นเกณฑ์ และทำอวัยวะให้เหมือนมนุษย์ปุถุชนทุกประการแม้จนคุยหฐานก็สร้างขึ้น
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, วังหลวง, หอศาสตราคม, พระพุทธปริตร, พระสาน, หอพระปริตร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.750473,100.492224)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/135"},{"type":"ประติมากรรม","title":"อนุสาวรีย์สหชาติ","creator":"","description":"สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2456 ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา โดยสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ พระยาพิพัฒน์ (เศเลสติโน ซาเวียร์) และพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล)
","provenance":"สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2456 ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา โดยสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ พระยาพิพัฒน์ (เศเลสติโน ซาเวียร์) และพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล)
","subject":"อนุสาวรีย์สหชาติ, อนุสาวรีย์หมู, สะพานปีกุน, สะพานหมู, คลองหลอด","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749866,100.496181)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/136"},{"type":"ประติมากรรม","title":"อุทยานราชภักดิ์","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กองทัพบกจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์พร้อมจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์ และได้พระราชทานนามว่า “อุทยานราชภักดิ์” ใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 10 เดือน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557 – สิงหาคม พ.ศ. 2558
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กองทัพบกจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์พร้อมจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์ และได้พระราชทานนามว่า “อุทยานราชภักดิ์” ใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 10 เดือน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557 – สิงหาคม พ.ศ. 2558
","subject":"อุทยานประวัติศาสตร์บูรพกษัตริย์แห่งสยาม, อุทยานราชภักดิ์ , พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม , พระบรมราชานุสรณ์สัตตบูรพกษัตราธิราช, อนุสาวรีย์เจ็ดกษัตริย์","spatial":"ประจวบคีรีขันธ์ (12.503098,99.963079)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/137"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วังบางขุนพรหม","creator":"","description":"เมื่อ พ.ศ. 2439 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระคลังข้างที่ซื้อที่ดิน ณ ตำบลบางขุนพรหมใกล้วัดสารพัดช่างริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกและพระราชทานแก่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ ต่อมาได้ซื้อเพิ่มอีก 1 แปลงและโปรดเกล้าฯ ให้พระสถิตนิมานการ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างพระตำหนัก แต่เหตุขัดข้องงานจึงคั่งค้างอยู่ ต่อมาจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้นายมาริโอ ตามาญโญ เป็นผู้ออกแบบ กำหนดรายละเอียดและส่งให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ ทรงตรวจแก้ไข ณ ต่างประเทศ เมื่อเสด็จนิวัติพระนครในปี พ.ศ. 2446 ได้เสด็จประทับ ณ ตำหนักไม้ หรือ ตำหนักหอที่พระสถิตนิมานการสร้างไว้เป็นที่ประทับชั่วคราว การก่อสร้างตำหนักใหญ่แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2449 ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวีได้เสด็จมาประทับ ณ วังบางขุนพรหม สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์จึงมีรับสั่งให้สร้างพระตำหนักสมเด็จ ออกแบบและก่อสร้างโดยนายคาร์ล เดอห์ริง
","provenance":"เมื่อ พ.ศ. 2439 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระคลังข้างที่ซื้อที่ดิน ณ ตำบลบางขุนพรหมใกล้วัดสารพัดช่างริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกและพระราชทานแก่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ ต่อมาได้ซื้อเพิ่มอีก 1 แปลงและโปรดเกล้าฯ ให้พระสถิตนิมานการ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างพระตำหนัก แต่เหตุขัดข้องงานจึงคั่งค้างอยู่ ต่อมาจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้นายมาริโอ ตามาญโญ เป็นผู้ออกแบบ กำหนดรายละเอียดและส่งให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ ทรงตรวจแก้ไข ณ ต่างประเทศ เมื่อเสด็จนิวัติพระนครในปี พ.ศ. 2446 ได้เสด็จประทับ ณ ตำหนักไม้ หรือ ตำหนักหอที่พระสถิตนิมานการสร้างไว้เป็นที่ประทับชั่วคราว การก่อสร้างตำหนักใหญ่แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2449 ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวีได้เสด็จมาประทับ ณ วังบางขุนพรหม สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์จึงมีรับสั่งให้สร้างพระตำหนักสมเด็จ ออกแบบและก่อสร้างโดยนายคาร์ล เดอห์ริง
","subject":"ธนาคารแห่งประเทศไทย, วังบางขุนพรหม, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 5","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.76852,100.499728)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/138"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วังวรดิศ","creator":"","description":"วังวรดิศเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. 2453 บนที่ดินของเจ้าจอมมารดาชุ่มด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจำนวน 50,000 บาท ทั้งสองพระองค์ยังเสด็จมาพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธีขึ้นตำหนักใหม่เมื่อ พ.ศ. 2454
พระตำหนักวังวรดิศนี้ออกแบบโดยคาร์ล เดอห์ริง(Karl Döhring) สถาปนิกชาวเยอรมันที่ได้ออกแบบพระราชวังและวังอีกหลายแห่ง อาทิ พระรามราชนิเวศน์ จังหวัดเพชรบุรี หรือตำหนักใหญ่ วังบางขุนพรหม โดยงานออกแบบของเดอห์ริงแสดงถึงการนำสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมาประยุกต์กับลักษณะบางประการของสถาปัตยกรรมไทยภายใต้แนวคิดประโยชน์นิยม (Functionalism)
การก่อสร้างวังวรดิศนี้ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากเจ้านายและเหล่าข้าราชการซึ่งเป็นลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง เช่น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาสตรศุภกิจ ถวายหลังคาและบันได สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ประทานกระเบื้องเกาะยอมุงหลังคา เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) และข้าราชการกระทรวงมหาดไทยถวายเครื่องกลอนหน้าต่างประตูและขอสับทั้งหมด","provenance":"วังวรดิศเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. 2453 บนที่ดินของเจ้าจอมมารดาชุ่มด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจำนวน 50,000 บาท ทั้งสองพระองค์ยังเสด็จมาพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธีขึ้นตำหนักใหม่เมื่อ พ.ศ. 2454
พระตำหนักวังวรดิศนี้ออกแบบโดยคาร์ล เดอห์ริง(Karl Döhring) สถาปนิกชาวเยอรมันที่ได้ออกแบบพระราชวังและวังอีกหลายแห่ง อาทิ พระรามราชนิเวศน์ จังหวัดเพชรบุรี หรือตำหนักใหญ่ วังบางขุนพรหม โดยงานออกแบบของเดอห์ริงแสดงถึงการนำสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมาประยุกต์กับลักษณะบางประการของสถาปัตยกรรมไทยภายใต้แนวคิดประโยชน์นิยม (Functionalism)
การก่อสร้างวังวรดิศนี้ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากเจ้านายและเหล่าข้าราชการซึ่งเป็นลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง เช่น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาสตรศุภกิจ ถวายหลังคาและบันได สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ประทานกระเบื้องเกาะยอมุงหลังคา เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) และข้าราชการกระทรวงมหาดไทยถวายเครื่องกลอนหน้าต่างประตูและขอสับทั้งหมด","subject":"วังวรดิศ, สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ","spatial":null,"temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/139"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์","creator":"","description":"พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์สร้างขึ้นราวพ.ศ. 2453 สำหรับประทับเมื่อเสด็จมาซ้อมรบเสือป่า โดยมีสถาปนิกคือหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เดิมเรียกว่าพระตำหนักเหล ต่อมาในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระตำหนักใหม่ว่า พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีขึ้นพระตำหนักเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460
","provenance":"พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์สร้างขึ้นราวพ.ศ. 2453 สำหรับประทับเมื่อเสด็จมาซ้อมรบเสือป่า โดยมีสถาปนิกคือหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เดิมเรียกว่าพระตำหนักเหล ต่อมาในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระตำหนักใหม่ว่า พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีขึ้นพระตำหนักเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460
","subject":"พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 6, เสือป่า, ย่าเหล, ตำหนักเหล","spatial":"นครปฐม (13.818844,100.045969)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/140"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์","creator":"","description":"เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์นี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดสร้างขึ้น เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559
","provenance":"เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์นี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดสร้างขึ้น เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559
","subject":"พระที่นั่งอนันตสมาคม, พระราชวังดุสิต, เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์ ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.771245,100.514057)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/141"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ชื่อหลัก\tพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์","creator":"","description":"พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นเป็นที่ประทับของพระเจ้าปราสาททองและพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยา ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ ณ บริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งพระที่นั่งในสมัยพระเจ้าปราสาททองและพระราชทานนามว่า พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เริ่มสร้างในปี พ.ศ. 2415 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2419
","provenance":"พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นเป็นที่ประทับของพระเจ้าปราสาททองและพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยา ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ ณ บริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งพระที่นั่งในสมัยพระเจ้าปราสาททองและพระราชทานนามว่า พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เริ่มสร้างในปี พ.ศ. 2415 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2419
","subject":"พระราชวังบางปะอิน, พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.232339,100.578673)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/142"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี","creator":"","description":"ในปี พ.ศ. 2477 นายทองอยู่ พุฒพัฒน์ ผู้แทนจังหวัดธนบุรีในขณะนั้นได้เสนอเรื่องต่อคณะคณะรัฐมนตรีให้สร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน ในปีต่อมา รัฐบาลรับเรื่องมาดำเนินการโดยกำหนดให้ตั้งอนุสาวรีย์ที่วงเวียนใหญ่ หลวงวิจิตรวาทการได้สั่งให้ออกแบบอนุสาวรีย์ทั้งสิ้น 7 แบบตั้งแสดงในงานรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2480 ให้มหาชนลงคะแนน ต่อมา การดำเนินการได้หยุดชะงักลงเพราะสงครามโลก 2 และปัญหาการเมือง ก่อนจะกลับมาดำเนินการใหม่ในปี พ.ศ. 2491 นายทองอยู่ พุฒพัฒน์ และนายเพทาย โชตินุชิต ได้ทำการรื้อฟื้นโครงการขึ้นใหม่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้อนุมัติเงินจำนวน 200,000 บาทเป็นทุนเริ่มแรก และได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นใหม่ โดยให้กรมศิลปากรซึ่งมอบหมายให้ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบ มีนายพิมาน มูลประมุข นายสิทธิเดช แสงหิรัญ และนายแสวง สงฆ์มั่งมีเป็นผู้ช่วย ซึ่งงานทั้งหมดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2497 สิ้นค่าใช้จ่ายทั้งหมด 5,197,882.45 บาท มีพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2497 โดยกราบบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์
","provenance":"ในปี พ.ศ. 2477 นายทองอยู่ พุฒพัฒน์ ผู้แทนจังหวัดธนบุรีในขณะนั้นได้เสนอเรื่องต่อคณะคณะรัฐมนตรีให้สร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน ในปีต่อมา รัฐบาลรับเรื่องมาดำเนินการโดยกำหนดให้ตั้งอนุสาวรีย์ที่วงเวียนใหญ่ หลวงวิจิตรวาทการได้สั่งให้ออกแบบอนุสาวรีย์ทั้งสิ้น 7 แบบตั้งแสดงในงานรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2480 ให้มหาชนลงคะแนน ต่อมา การดำเนินการได้หยุดชะงักลงเพราะสงครามโลก 2 และปัญหาการเมือง ก่อนจะกลับมาดำเนินการใหม่ในปี พ.ศ. 2491 นายทองอยู่ พุฒพัฒน์ และนายเพทาย โชตินุชิต ได้ทำการรื้อฟื้นโครงการขึ้นใหม่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้อนุมัติเงินจำนวน 200,000 บาทเป็นทุนเริ่มแรก และได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นใหม่ โดยให้กรมศิลปากรซึ่งมอบหมายให้ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบ มีนายพิมาน มูลประมุข นายสิทธิเดช แสงหิรัญ และนายแสวง สงฆ์มั่งมีเป็นผู้ช่วย ซึ่งงานทั้งหมดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2497 สิ้นค่าใช้จ่ายทั้งหมด 5,197,882.45 บาท มีพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2497 โดยกราบบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์
","subject":"วงเวียนพระเจ้าตากสิน, อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน, พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี, พระเจ้าตากสินมหาราช, จอมพล ป. พิบูลสงคราม, ศิลป์ พีระศรี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.72632,100.493074)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/143"},{"type":"ประติมากรรม","title":"แบบร่างประติมากรรมพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช","creator":"","description":"ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี หล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ พ.ศ. 2474
","provenance":"ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี หล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ พ.ศ. 2474
","subject":"พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป, อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 1, แบบร่างประติมากรรมพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.759074,100.493967)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/144"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว\t","creator":"","description":"สืบเนื่องจากรัฐบาลฝรั่งเศสส่งพระบรมรูปเหมือนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาทูลเกล้าฯ ถวายพระองค์เองในปี พ.ศ. 2406 อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรดพระบรมรูปดังกล่าวเนื่องจากทรงเห็นว่าปั้นพระวรกายผิดส่วนไปจากความเป็นจริง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะช่างเคยเห็นแต่เพียงพระบรมฉายาลักษณ์เท่านั้น จึงทรงมีพระราชดำริให้หลวงเทพรจนา (พลับ) ปั้นพระบรมรูปขนาดเท่าพระองค์จริงขึ้น โดยทรงเป็นแบบด้วยพระองค์เองและยึดคติการปั้นรูปเหมือนจริงตามแบบตะวันตก จึงอาจถือได้ว่าเป็นการปั้นพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ไทยที่ยังทรงดำรงพระชนม์อยู่เป็นครั้งแรกในวงการประติมากรรมไทย
","provenance":"สืบเนื่องจากรัฐบาลฝรั่งเศสส่งพระบรมรูปเหมือนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาทูลเกล้าฯ ถวายพระองค์เองในปี พ.ศ. 2406 อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรดพระบรมรูปดังกล่าวเนื่องจากทรงเห็นว่าปั้นพระวรกายผิดส่วนไปจากความเป็นจริง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะช่างเคยเห็นแต่เพียงพระบรมฉายาลักษณ์เท่านั้น จึงทรงมีพระราชดำริให้หลวงเทพรจนา (พลับ) ปั้นพระบรมรูปขนาดเท่าพระองค์จริงขึ้น โดยทรงเป็นแบบด้วยพระองค์เองและยึดคติการปั้นรูปเหมือนจริงตามแบบตะวันตก จึงอาจถือได้ว่าเป็นการปั้นพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ไทยที่ยังทรงดำรงพระชนม์อยู่เป็นครั้งแรกในวงการประติมากรรมไทย
","subject":"วัดบวรฯ บางลำพู, วัดบวรนิเวศวิหาร, ตำหนักเพชร, พระบรมรูปรัชกาลที่ 4, พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.760173,100.500492)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/145"},{"type":"จิตรกรรม","title":"น้ำเงินเขียว","creator":"","description":"อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ เป็นผู้วาดเมื่อ พ.ศ.2499
","provenance":"อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ เป็นผู้วาดเมื่อ พ.ศ.2499
","subject":"น้ำเงินเขียว, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์","spatial":null,"temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/146"},{"type":"ประติมากรรม","title":"รำมะนา","creator":"","description":"ชิต เหรียญประชา แกะสลักจากไม้มะฮอกกานี พ.ศ.2493
","provenance":"ชิต เหรียญประชา แกะสลักจากไม้มะฮอกกานี พ.ศ.2493
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป, หอศิลป์ ถ.เจ้าฟ้า, ศิลปกรรมร่วมสมัย, ชิต เหรียญประชา, ไม้แกะสลัก","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.759074,100.493967)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/147"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ขลุ่ยทิพย์","creator":"","description":"เขียน ยิ้มศิริ ปั้นและหล่อ เมื่อ พ.ศ.2492
","provenance":"เขียน ยิ้มศิริ ปั้นและหล่อ เมื่อ พ.ศ.2492
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป, หอศิลป์ ถ.เจ้าฟ้า","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.759074,100.493967)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/148"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระบรมรูป 4 รัชกาล","creator":"","description":"พ.ศ. 2414 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูป 4 รัชกาลนี้ตามพระราชดำริเดิมของสมเด็จพระบรมชนกนาถที่ตั้งพระราชหฤทัยที่จะทรงประดิษฐานไว้สักการบูชาพระเทพบิดรแห่งกรุงรัตนโกสินทร์นอกเหนือไปจากการสร้างพระพุทธรูปฉลองพระองค์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ทรงเริ่มปั้นหุ่นรัชกาลที่ 1 โดยมีพระพุทธรูปฉลองพระองค์เป็นแบบให้วัดขนาดความสูง ส่วนเค้าพระพักตร์และพระวรกายนั้นได้จากคำบอกเล่าของผู้ที่เคยเห็นรัชกาลที่ 1 ซึ่งเท่าที่หาได้ในเวลานั้นมีเพียง 4 ท่าน ได้แก่ พระองค์เจ้าหญิงปุก พระราชธิดาในรัชกาลที่ 2, สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง, เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (บุญศรี), และเจ้าพระยาธรรมา (ลมั่ง สนธิรัตน) ส่วนพระบรมรูปรัชกาลอื่นๆ นั้นยังคงมีผู้ที่เคยเห็นพระองค์จริงอยู่มาก
","provenance":"พ.ศ. 2414 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูป 4 รัชกาลนี้ตามพระราชดำริเดิมของสมเด็จพระบรมชนกนาถที่ตั้งพระราชหฤทัยที่จะทรงประดิษฐานไว้สักการบูชาพระเทพบิดรแห่งกรุงรัตนโกสินทร์นอกเหนือไปจากการสร้างพระพุทธรูปฉลองพระองค์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ทรงเริ่มปั้นหุ่นรัชกาลที่ 1 โดยมีพระพุทธรูปฉลองพระองค์เป็นแบบให้วัดขนาดความสูง ส่วนเค้าพระพักตร์และพระวรกายนั้นได้จากคำบอกเล่าของผู้ที่เคยเห็นรัชกาลที่ 1 ซึ่งเท่าที่หาได้ในเวลานั้นมีเพียง 4 ท่าน ได้แก่ พระองค์เจ้าหญิงปุก พระราชธิดาในรัชกาลที่ 2, สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง, เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (บุญศรี), และเจ้าพระยาธรรมา (ลมั่ง สนธิรัตน) ส่วนพระบรมรูปรัชกาลอื่นๆ นั้นยังคงมีผู้ที่เคยเห็นพระองค์จริงอยู่มาก
","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, ปราสาทพระเทพบิดร, พระบรมมหาราชวัง, วังหลวง, พระบรมรูป 4 รัชกาล, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 4, รัชกาลที่ 5, รัชกาลที่ 3, รัชกาลที่ 1, รัชกาลที่ 2, พระบรมรูป","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751591,100.492722)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/149"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา","creator":"","description":"พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดาหรือพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในการพัฒนาพื้นที่วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงดำริสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เนื่องโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติ 50 ปี พ.ศ.2539
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวินิฉัยสรุปได้ว่า สมควรจัดสร้างเป็นแบบลายเส้น แต่ให้ลึกและชัดขึ้นเห็นเป็นรูปพระพุทธรูปในระยะไกลจะดีกว่าการสร้างแบบนูนต่ำ ซึ่งไม่เหมาะสมเพราะจะมีปัญหาในด้านการบำรุงรักษาตลอดจนระยะเวลาและค่าก่อสร้าง เพราะเป็นเขาหินปูนและให้มีมาตรการด้านความปลอดภัยโดยกันพื้นที่ด้านหน้าใกล้องค์พระเป็นเขตห้ามเข้าเด็ดขาด
ครั้นเมื่อแล้วเสร็จได้รับพระราชทานนามพระพุทธรูปว่า “พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา” มีความหมายว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรือง สว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ","provenance":"พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดาหรือพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในการพัฒนาพื้นที่วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงดำริสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เนื่องโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติ 50 ปี พ.ศ.2539
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวินิฉัยสรุปได้ว่า สมควรจัดสร้างเป็นแบบลายเส้น แต่ให้ลึกและชัดขึ้นเห็นเป็นรูปพระพุทธรูปในระยะไกลจะดีกว่าการสร้างแบบนูนต่ำ ซึ่งไม่เหมาะสมเพราะจะมีปัญหาในด้านการบำรุงรักษาตลอดจนระยะเวลาและค่าก่อสร้าง เพราะเป็นเขาหินปูนและให้มีมาตรการด้านความปลอดภัยโดยกันพื้นที่ด้านหน้าใกล้องค์พระเป็นเขตห้ามเข้าเด็ดขาด
ครั้นเมื่อแล้วเสร็จได้รับพระราชทานนามพระพุทธรูปว่า “พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา” มีความหมายว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรือง สว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ","subject":"พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา, พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์, เขาชีจรรย์ , พระพุทธรูป","spatial":"ชลบุรี (12.763611,100.955556)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/151"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อนุสาวรีย์ราชานุสรณ์","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระอัครชายาเธอ 1 พระองค์ พระราชโอรส 2 พระองค์ และพระราชธิดา 1 พระองค์ ที่สิ้นพระชนม์ในปีเดียวกัน ได้แก่
1.สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2430
2.พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2430
3.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2430
4.สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2430","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระอัครชายาเธอ 1 พระองค์ พระราชโอรส 2 พระองค์ และพระราชธิดา 1 พระองค์ ที่สิ้นพระชนม์ในปีเดียวกัน ได้แก่
1.สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2430
2.พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2430
3.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2430
4.สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2430","subject":"พระราชวังบางปะอิน, อนุสาวรีย์ราชานุสรณ์, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 5","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.232131,100.58071)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/152"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี","creator":"","description":"เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์ในระหว่างทางเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระราชวังบางปะอิน ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสรณ์แห่งความรักแห่งนี้ขึ้น พร้อมทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2426 ซึ่งตรงกับวันที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์ครบรอบ 3 ปี
","provenance":"เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์ในระหว่างทางเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระราชวังบางปะอิน ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสรณ์แห่งความรักแห่งนี้ขึ้น พร้อมทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2426 ซึ่งตรงกับวันที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์ครบรอบ 3 ปี
","subject":"พระราชวังบางปะอิน, พระบรมราชเทวี, สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ , พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเรือล่ม, พระนางเรือล่ม","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.232131,100.58071)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/153"},{"type":"จิตรกรรม","title":"อวมงคล","creator":"","description":"ภายหลังจากการตั้งภาควิชาศิลปะไทยขึ้นภายในคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ.2519 ทำให้เกิดศิลปินที่สร้างสรรค์ศิลปะไทยแนวประเพณีในทัศนะใหม่ที่มีรูปแบบร่วมสมัยและมีความหลากหลาย รวมทั้งสร้างความเคลื่อนไหวให้กับวงการศิลปะไทย เช่น เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่มีความชัดเจนในการนำเสนอจิตรกรรมไทยประเพณีร่วมสมัยอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
","provenance":"ภายหลังจากการตั้งภาควิชาศิลปะไทยขึ้นภายในคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ.2519 ทำให้เกิดศิลปินที่สร้างสรรค์ศิลปะไทยแนวประเพณีในทัศนะใหม่ที่มีรูปแบบร่วมสมัยและมีความหลากหลาย รวมทั้งสร้างความเคลื่อนไหวให้กับวงการศิลปะไทย เช่น เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่มีความชัดเจนในการนำเสนอจิตรกรรมไทยประเพณีร่วมสมัยอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป, หอศิลป์ ถ.เจ้าฟ้า, อวมงคล","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.759074,100.493967)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/154"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว","creator":"","description":"พ.ศ.2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารหลังนี้เพื่อเป็นสำนักงานของห้างยอน แซมป์สัน แอนด์ ซัน เปิดดำเนินการธุรกิจจำหน่ายเครื่องแต่งกายแบบตะวันตก ลงนามทำสัญญาเช่ากับกรมพระคลังข้างที่ตั้งแต่ พ.ศ. 2455 จนกระทั่ง พ.ศ.2469 ได้เปลี่ยนสิทธิการเช่ามาเป็นห้างสุธาดิลก จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและเครื่องสุขภัณฑ์สมัยใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 กรมโยธาเทศบาลได้เช่าอาคารหลังนี้เป็นสำนักงาน จนกระทั่ง พ.ศ. 2545 เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจนถึงปัจจุบัน
","provenance":"พ.ศ.2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารหลังนี้เพื่อเป็นสำนักงานของห้างยอน แซมป์สัน แอนด์ ซัน เปิดดำเนินการธุรกิจจำหน่ายเครื่องแต่งกายแบบตะวันตก ลงนามทำสัญญาเช่ากับกรมพระคลังข้างที่ตั้งแต่ พ.ศ. 2455 จนกระทั่ง พ.ศ.2469 ได้เปลี่ยนสิทธิการเช่ามาเป็นห้างสุธาดิลก จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและเครื่องสุขภัณฑ์สมัยใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 กรมโยธาเทศบาลได้เช่าอาคารหลังนี้เป็นสำนักงาน จนกระทั่ง พ.ศ. 2545 เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจนถึงปัจจุบัน
","subject":"ผ่านฟ้าลีลาศ, พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 7, อาคารกรมโยธาธิการเดิม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.756101,100.506518)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/155"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประทานพร","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, ทวารวดี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/156"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูป","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"วัดมหาธาตุสุโขทัย, พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,1521418.09)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/157"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางแสดงธรรม","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางแสดงธรรม, ทวารวดี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/158"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางสมาธิ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางสมาธิ, ทวารวดี, เมืองศรีมโหสถ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/159"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปนาคปรก ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/160"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางสมาธิ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง , พระพุทธรูปปางสมาธิ, ทวารวดี","spatial":"สุพรรณบุรี (14.373126,99.891406)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/161"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ธรรมจักร","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"ธรรมจักร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/162"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพิมพ์","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพิมพ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธเจ้า","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/163"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอนางอุสา","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าหลักหิน-ใบเสมาที่ล้อมรอบควรปักในช่วงที่วัฒนธรรมปักหินที่นิยมเรียกว่าทวารวดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือแพร่หลายอยู่ หรือราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 ในขณะที่ตัวโขดหินที่เรียกว่าหอนางอุสาอาจได้รับการบูชาในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก่อนหน้านั้นแล้ว และยังคงใช้งานสืบเนื่องต่อมาแม้สิ้นสมัยทวารวดีแล้วก็ตาม
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าหลักหิน-ใบเสมาที่ล้อมรอบควรปักในช่วงที่วัฒนธรรมปักหินที่นิยมเรียกว่าทวารวดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือแพร่หลายอยู่ หรือราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 ในขณะที่ตัวโขดหินที่เรียกว่าหอนางอุสาอาจได้รับการบูชาในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก่อนหน้านั้นแล้ว และยังคงใช้งานสืบเนื่องต่อมาแม้สิ้นสมัยทวารวดีแล้วก็ตาม
","subject":"หลักหิน, ใบเสมา, หอนางอุสา, ภูพระบาท","spatial":"อุดรธานี (17.732129,102.352872)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/164"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ใบเสมา","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นใบเสมาแบบแผ่นแบนที่พบได้ทั่วไปในอีสาน ทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นใบเสมาแบบแผ่นแบนที่พบได้ทั่วไปในอีสาน ทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"หลักหิน, ใบเสมา, วัดพระพุทธบาทบัวบาน","spatial":"อุดรธานี (17.628085,102.336628)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/165"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ใบเสมา","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบใบเสมาและอักขระทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 14-15
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบใบเสมาและอักขระทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 14-15
","subject":"ใบเสมา","spatial":"ขอนแก่น (16.446119,102.83852)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/166"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สระแก้ว ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"สระแก้ว, ศรีมโหสถ","spatial":"ปราจีนบุรี (13.88938,101.412415)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/167"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดพระเมรุ ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ทั้งนี้นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าสัมพันธ์กับศิลปะอินเดียแบบปาละ จึงไม่ควรเก่าไปกว่าพุทธศตวรรษที่ 14
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ทั้งนี้นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าสัมพันธ์กับศิลปะอินเดียแบบปาละ จึงไม่ควรเก่าไปกว่าพุทธศตวรรษที่ 14
","subject":"วัดพระเมรุ, เจดียวิหาร","spatial":"นครปฐม (13.811326,100.06721)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/168"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์จุลประโทน ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"เจดีย์จุลประโทน","spatial":"นครปฐม (13.815198,100.099469)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/169"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์วัดโขลงสุวรรณคีรี ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"วัดโขลงสุวรรณคีรี, เมืองคูบัว","spatial":"ราชบุรี (13.48645,99.835813)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/170"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์","creator":"","description":"ชิ้นส่วนดั้งเดิมของเจดีย์องค์นี้เริ่มต้นจากส่วนที่คล้ายหม้อน้ำ (อิฐที่รองรับเป็นของที่ทำขึ้นใหม่) อาจเป็นส่วนที่เทียบได้กับอัณฑะหรือองค์ระฆังของเจดีย์ทรงกลม ตอนล่างของส่วนที่คล้ายหม้อน้ำนี้ประดับด้วยกลีบบัวคว่ำบัวหงาย มีจารึกคาถาเย ธมฺมา ปรากฏอยู่ที่ตอนบนของส่วนที่คล้ายหม้อน้ำ ถัดขึ้นไปเป็นส่วนยอดซึ่งเริ่มต้นจากแท่งกลมหรือก้านฉัตร ถัดขึ้นไปเป็นแผ่นหินซ้อนดหลั่นกันและลำดับขนาดจากใหญ่ไปเล็ก ส่วนนี้คือฉัตรซ้อนชั้นนั่นเอง บนยอดสุดเป็นรูปลูกแก้วกลม
","provenance":"ชิ้นส่วนดั้งเดิมของเจดีย์องค์นี้เริ่มต้นจากส่วนที่คล้ายหม้อน้ำ (อิฐที่รองรับเป็นของที่ทำขึ้นใหม่) อาจเป็นส่วนที่เทียบได้กับอัณฑะหรือองค์ระฆังของเจดีย์ทรงกลม ตอนล่างของส่วนที่คล้ายหม้อน้ำนี้ประดับด้วยกลีบบัวคว่ำบัวหงาย มีจารึกคาถาเย ธมฺมา ปรากฏอยู่ที่ตอนบนของส่วนที่คล้ายหม้อน้ำ ถัดขึ้นไปเป็นส่วนยอดซึ่งเริ่มต้นจากแท่งกลมหรือก้านฉัตร ถัดขึ้นไปเป็นแผ่นหินซ้อนดหลั่นกันและลำดับขนาดจากใหญ่ไปเล็ก ส่วนนี้คือฉัตรซ้อนชั้นนั่นเอง บนยอดสุดเป็นรูปลูกแก้วกลม
","subject":"เจดีย์","spatial":null,"temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/171"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เทียบได้กับประติมากรรมศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนคร และศิลปะอินเดียแบบปัลลวะ รวมถึงเทวรูปยุคแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในดินแดนไทย ทำให้กำหนดอายุพระวิษณุองค์นี้ได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เทียบได้กับประติมากรรมศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนคร และศิลปะอินเดียแบบปัลลวะ รวมถึงเทวรูปยุคแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในดินแดนไทย ทำให้กำหนดอายุพระวิษณุองค์นี้ได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
","subject":"พระวิษณุ, พระพรหม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/172"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระสุริยเทพ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เทียบได้กับเทวรูปยุคแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในดินแดนไทย และศิลปะทวารวดี ทำให้กำหนดอายุพระวิษณุองค์นี้ได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เทียบได้กับเทวรูปยุคแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในดินแดนไทย และศิลปะทวารวดี ทำให้กำหนดอายุพระวิษณุองค์นี้ได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
","subject":"พระสุริยเทพ, พระอาทิตยเทพ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/173"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เทียบได้กับเทวรูปยุคแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในดินแดนไทย และเทวรูปศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนคร ทำให้กำหนดอายุพระวิษณุองค์นี้ได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เทียบได้กับเทวรูปยุคแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในดินแดนไทย และเทวรูปศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนคร ทำให้กำหนดอายุพระวิษณุองค์นี้ได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
","subject":"พระวิษณุ, พระนารายณ์","spatial":"ปราจีนบุรี (14.047306,101.37467)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/174"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ประตูเสี้ยวกาง","creator":"","description":"สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3
","provenance":"สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3
","subject":"วัดบวรฯ บางลำพู, วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดบวร, ประตูเสี้ยวกาง, เซี่ยวกาง, ทวารบาล","spatial":null,"temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/175"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระปั้นหย่า","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เดิมสร้างอยู่ที่สวนขวาในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาสร้างที่วัดบวรนิเวศวิหารเมื่อ พ.ศ.2394 เพื่อเป็นที่ประทับของเจ้าฟ้ามงกุฎเมื่อทรงผนวช
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เดิมสร้างอยู่ที่สวนขวาในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาสร้างที่วัดบวรนิเวศวิหารเมื่อ พ.ศ.2394 เพื่อเป็นที่ประทับของเจ้าฟ้ามงกุฎเมื่อทรงผนวช
","subject":"วัดบวรฯ บางลำพู, วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดบวร, พระปั้นหย่า, พระตำหนักปั้นหย่า","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.760041,100.500609)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/176"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อุโบสถวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน","creator":"","description":"สร้างในสมัยรัฐบาลจอมพลแปลก พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี
พลเอก จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ และ หลวงวิจิตรวาทการ เป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง
หลวงวิจิตรวาทการ และ พระพรหมพิจิตร เป็นผู้ออกแบบ นายช่างกรมศิลปากรและกรมรถไฟเป็นนายช่างก่อสร้าง กระทำพิธีเปิดและถวายเป็นเสนาสนะแก่พระภิกษุสงฆ์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2485
สร้างในสมัยรัฐบาลจอมพลแปลก พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี
พลเอก จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ และ หลวงวิจิตรวาทการ เป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง
หลวงวิจิตรวาทการ และ พระพรหมพิจิตร เป็นผู้ออกแบบ นายช่างกรมศิลปากรและกรมรถไฟเป็นนายช่างก่อสร้าง กระทำพิธีเปิดและถวายเป็นเสนาสนะแก่พระภิกษุสงฆ์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2485
สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยนายอัลฟอนโซ ทอร์นาเรลลี ช่างชาวอิตาเลียนปั้นโดยอนุโลมตามพระพุทธรูปคันธารราฐในประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2453
","provenance":"สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยนายอัลฟอนโซ ทอร์นาเรลลี ช่างชาวอิตาเลียนปั้นโดยอนุโลมตามพระพุทธรูปคันธารราฐในประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2453
","subject":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระพุทธรูป, พระพุทธรูปคันธารราฐ, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, วังหน้า, รัชกาลที่ 5","spatial":null,"temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/178"},{"type":"จิตรกรรม","title":"หนังพระนครไหว","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, วังหน้า, หนังใหญ่, หนังพระนครไหว","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.758237,100.491362)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/179"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดเฉลิมพระเกียรติ","creator":"","description":"สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระอัยกา พระอัยกี และเจ้าจอมมารดาเรียม พระราชมารดา การก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
","provenance":"สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระอัยกา พระอัยกี และเจ้าจอมมารดาเรียม พระราชมารดา การก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
","subject":"วัดเฉลิมพระเกียรติ, วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี","spatial":"นนทบุรี (13.848337,100.484608)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/180"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ปูนปั้นเรื่องพุทธศาสนาวัดบางกะพ้อม","creator":"","description":"ปูนปั้น ระบายสี ปิดทอง ประดับกระจกสี
","provenance":"ปูนปั้น ระบายสี ปิดทอง ประดับกระจกสี
","subject":"ปูนปั้นเรื่องพุทธศาสนาวัดบางกะพ้อม, วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม, ปูนปั้นในวิหารพระพุทธบาทวัดบางกะพ้อม","spatial":"สมุทรสงคราม (13.414917,99.963426)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/181"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดเขาสมณซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้กับพระนครคีรีหรือเขาวังและเคยได้เสด็จไปเมื่อทรงผนวช ภายหลังได้พระราชทานนามว่าวัดมหาสมณาราม สันนิษฐานว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังอาจเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4-5
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดเขาสมณซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้กับพระนครคีรีหรือเขาวังและเคยได้เสด็จไปเมื่อทรงผนวช ภายหลังได้พระราชทานนามว่าวัดมหาสมณาราม สันนิษฐานว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังอาจเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4-5
วัดคงคาราม จ.ราชบุรีตั้งอยู่ในย่านชุมชนมอญที่อพยพมาในสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศ์ได้ทรงอุปถัมภ์ ไม่ปรากฏหลักฐานการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ น. ณ ปากน้ำ เชื่อว่ามีการเขียนทับภาพเดิมที่เขียนไว้ในสมัยอยุธยาโดยยังคงเหลือเค้าเดิมอยู่บางส่วน อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.สันติ เล็กสุขุม ให้ความเห็นว่า หากมีการเขียนทับจริง คงหมายถึงการลบของเดิมที่ชำรุดทิ้งแล้วเขียนใหม่ เนื่องจากระเบียบในการจัดวางภาพเป็นแบบแผนที่นิยมในรัชกาลที่ 3 แล้ว โดยมีรายละเอียดที่เพิ่มเติมและแปลกตา ซึ่งอาจเป็นการปรับตัวของงานช่างในรัชกาลที่ 4
","provenance":"วัดคงคาราม จ.ราชบุรีตั้งอยู่ในย่านชุมชนมอญที่อพยพมาในสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศ์ได้ทรงอุปถัมภ์ ไม่ปรากฏหลักฐานการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ น. ณ ปากน้ำ เชื่อว่ามีการเขียนทับภาพเดิมที่เขียนไว้ในสมัยอยุธยาโดยยังคงเหลือเค้าเดิมอยู่บางส่วน อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.สันติ เล็กสุขุม ให้ความเห็นว่า หากมีการเขียนทับจริง คงหมายถึงการลบของเดิมที่ชำรุดทิ้งแล้วเขียนใหม่ เนื่องจากระเบียบในการจัดวางภาพเป็นแบบแผนที่นิยมในรัชกาลที่ 3 แล้ว โดยมีรายละเอียดที่เพิ่มเติมและแปลกตา ซึ่งอาจเป็นการปรับตัวของงานช่างในรัชกาลที่ 4
","subject":"จิตรกรรมฝาผนังวัดคงคาราม, วัดคงคาราม จ.ราชบุรี","spatial":"ราชบุรี (13.715471,99.850906)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/183"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องฉฬาภิชาติ","creator":"","description":"สร้างขึ้นตามพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สร้างขึ้นตามพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
วัดเสนาสนารามหรือวัดเสื่อเป็นวัดเก่าสมัยอยุธยา ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งวัดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ.2406 เนื่องจากเป็นวัดที่เคยเสด็จไปเมื่อครั้งทรงผนวชและเป็นหนึ่งในวัดที่ทรงปฏิสังขรณ์เพื่อทำผาติกรรมในการปฏิสังขรณ์พระนารายราชนิเวศน์
","provenance":"วัดเสนาสนารามหรือวัดเสื่อเป็นวัดเก่าสมัยอยุธยา ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งวัดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ.2406 เนื่องจากเป็นวัดที่เคยเสด็จไปเมื่อครั้งทรงผนวชและเป็นหนึ่งในวัดที่ทรงปฏิสังขรณ์เพื่อทำผาติกรรมในการปฏิสังขรณ์พระนารายราชนิเวศน์
","subject":"จิตรกรรมเรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน, วัดเสื่อ, วัดเสนาสนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.363494,100.57364)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/185"},{"type":"ประติมากรรม","title":"บุษบกธรรมาสน์ยอดทรงมงกุฎ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างแน่ชัด จากรูปแบบศิลปะสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 – รัชกาลที่ 5
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างแน่ชัด จากรูปแบบศิลปะสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 – รัชกาลที่ 5
","subject":"บุษบกธรรมาสน์ยอดทรงมงกุฎ, วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม, วัดราชประดิษฐ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749515,100.495353)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/186"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธมหาชนก","creator":"","description":"สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดสำเพ็งซึ่งเป็นวัดในสมัยอยุธยา เพื่อทรงอุทิศถวายสมเด็จพระบรมชนกนาถ เมื่อแล้วเสร็จพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้พระราชทานนามวัดว่า วัดปทุมคงคา ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่เนื่องจากชำรุดทรุดโทรม และได้โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนราชสีหวิกรมเป็นนายช่างแก้ไขแบบพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถให้เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องต้น พร้อมกับแก้ไขฐานชุกชีให้สูงขึ้นและทำรูปเทวดาแวดล้อม 4 องค์
","provenance":"สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดสำเพ็งซึ่งเป็นวัดในสมัยอยุธยา เพื่อทรงอุทิศถวายสมเด็จพระบรมชนกนาถ เมื่อแล้วเสร็จพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้พระราชทานนามวัดว่า วัดปทุมคงคา ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่เนื่องจากชำรุดทรุดโทรม และได้โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนราชสีหวิกรมเป็นนายช่างแก้ไขแบบพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถให้เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องต้น พร้อมกับแก้ไขฐานชุกชีให้สูงขึ้นและทำรูปเทวดาแวดล้อม 4 องค์
","subject":"พระพุทธมหาชนก, พระพุทธรูปประธานวัดปทุมคงคา, พระพุทธรูปทรงเครื่องต้น, วัดสำเพ็ง, วัดปทุมคงคา, วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.736019,100.510774)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/187"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ","creator":"","description":"พสกนิกรผู้จงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติเป็นปีที่ห้าสิบออกแบบโดยม.ร.ว. มิตรารุณเกษมศรี นายช่างสถาปนิกประจำสำนักพระราชวังและศิลปินแห่งชาติ
","provenance":"พสกนิกรผู้จงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติเป็นปีที่ห้าสิบออกแบบโดยม.ร.ว. มิตรารุณเกษมศรี นายช่างสถาปนิกประจำสำนักพระราชวังและศิลปินแห่งชาติ
","subject":"เจดีย์, พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ, วัดทางสาย จ.ประจวบคีรีขันธ์, พระมหาเจดีย์เก้ายอด","spatial":"ประจวบคีรีขันธ์ (11.361546,99.58013)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/188"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องมโหสถชาดก","creator":"","description":"วัดสุวรรณาราม เขตบางกอกน้อย หรือ วัดทอง เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และพระราชทานนามว่า วัดสุวรรณาราม สันนิษฐานว่าพระอุโบสถคงสร้างขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 1 และอาจมีภาพจิตรกรรมฝีมือพระอาจารย์นาค ช่างพระที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น แต่เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 3 จิตรกรรมคงชำรุดมากจึงบูรณะใหม่โดยเขียนแทนของเดิมทั้งหมด
","provenance":"วัดสุวรรณาราม เขตบางกอกน้อย หรือ วัดทอง เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และพระราชทานนามว่า วัดสุวรรณาราม สันนิษฐานว่าพระอุโบสถคงสร้างขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 1 และอาจมีภาพจิตรกรรมฝีมือพระอาจารย์นาค ช่างพระที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น แต่เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 3 จิตรกรรมคงชำรุดมากจึงบูรณะใหม่โดยเขียนแทนของเดิมทั้งหมด
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, จิตรกรรมเรื่องมโหสถชาดก, วัดสุวรรณาราม , วัดสุวรรณาราม บางกอกน้อย, วัดทอง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.763302,100.476838)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/190"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมากร","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2389 ณ โรงหล่อหลวง ในพระบรมมหาราชวัง
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2389 ณ โรงหล่อหลวง ในพระบรมมหาราชวัง
","subject":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระพุทธรูป, วัดเฉลิมพระเกียรติ, วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี, วัดเฉลิมพระเกียรติ จ.นนทบุรี, พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมากร , รัชกาลที่ 3","spatial":"นนทบุรี (13.848337,100.484608)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/191"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถวัดทองนพคุณ","creator":"","description":"วัดทองนพคุณหรือวัดทองล่างสร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนปลาย ต่อมาพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน) ได้เป็นผู้บูรณะซ่อมแซม และถวายให้เป็นพระอารามหลวงในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีพระครูกสิณสังวร (มี) เป็นเจ้าอาวาสและเป็นช่างพระที่สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"วัดทองนพคุณหรือวัดทองล่างสร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนปลาย ต่อมาพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน) ได้เป็นผู้บูรณะซ่อมแซม และถวายให้เป็นพระอารามหลวงในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีพระครูกสิณสังวร (มี) เป็นเจ้าอาวาสและเป็นช่างพระที่สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"พระอุโบสถ, วัดทองนพคุณ, วัดทองล่าง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.732831,100.508103)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/192"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องสวรรค์ชั้นดาวดึงส์","creator":"","description":"รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดทุมวนารามหรือวัดสระปทุม เมื่อ พ.ศ.2396 ในคราวเดียวกับที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างสระปทุมวันในบริเวณท้องนาหลวงในคลองบางกะปิ สำหรับเป็นที่ประทับทรงสำราญพระราชอิริยาบถ
รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดทุมวนารามหรือวัดสระปทุม เมื่อ พ.ศ.2396 ในคราวเดียวกับที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างสระปทุมวันในบริเวณท้องนาหลวงในคลองบางกะปิ สำหรับเป็นที่ประทับทรงสำราญพระราชอิริยาบถ
สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
","subject":"วัดสระปทุม, วัดปทุมวนาราม, โพธิฆระ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.745956,100.536366)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/195"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์มหายาน","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, วัดสระปทุม, วัดปทุมวนาราม, จิตรกรรมเรื่องพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์มหายาน","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/196"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธมหาจักรพรรดิ","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","subject":"วัดนางนอง, พระพุทธรูปทรงเครื่องวัดนางนอง, พระพุทธมหาจักรพรรดิ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.703695,100.466911)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/198"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมลายกำมะลอ","creator":"ลัทธิเต๋า","description":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","subject":"วัดนางนอง, จิตรกรรมลายกำมะลอ, ลายกำมะลอ, ลายรดน้ำกำมะลอ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.703695,100.466911)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/199"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ลายรดน้ำเครื่องราชูปโภค","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","subject":"วัดนางนอง, ลายรดน้ำเครื่องราชูปโภค, ลายรดน้ำ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.703695,100.466911)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/200"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องชมพูบดี","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","subject":"วัดนางนอง, จิตรกรรมเรื่องชมพูบดี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.703695,100.466911)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/202"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโกศทองใหญ่","creator":"","description":"พระโกศทองใหญ่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นไว้สำหรับพระบรมศพของพระองค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ รองเสนาบดีกระทรวงวังและผู้บัญชาการกรมช่างสิบหมู่สร้างขึ้น เรียกว่า พระโกศทองใหญ่ รัชกาลที่ 5 หรือพระลองทองใหญ่ รัชกาลที่ 5 และในรัชกาลที่ 9 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระโกศทองใหญ่ขึ้นเป็นองค์ที่ 3 โดยได้ประดิษฐานพระศพสมเด็จพระจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เป็นพระองค์แรก
","provenance":"พระโกศทองใหญ่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นไว้สำหรับพระบรมศพของพระองค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ รองเสนาบดีกระทรวงวังและผู้บัญชาการกรมช่างสิบหมู่สร้างขึ้น เรียกว่า พระโกศทองใหญ่ รัชกาลที่ 5 หรือพระลองทองใหญ่ รัชกาลที่ 5 และในรัชกาลที่ 9 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระโกศทองใหญ่ขึ้นเป็นองค์ที่ 3 โดยได้ประดิษฐานพระศพสมเด็จพระจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เป็นพระองค์แรก
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, วังหลวง, พระโกศทองใหญ่, พระลองทองใหญ่","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751028,100.490142)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/203"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดสระเกศ","creator":"","description":"วัดสระเกศ เดิมชื่อวัดสะแก สร้างมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ปฏิสังขรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","provenance":"วัดสระเกศ เดิมชื่อวัดสะแก สร้างมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ปฏิสังขรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
","subject":"วัดสระเกศ, วัดภูเขาทอง, วัดสะแก, วัดสะเกศ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.753886,100.508395)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/204"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องวิปัสสนาญาณ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างวัดโพธิ์บางโอที่แน่ชัด กระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมหลวงเสนีบริรักษ์ (ต้นตระกูลเสนีวงศ์) ได้รับมอบหมายจากสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระราชมารดาในรัชกาลที่ 3 ให้ปฏิสังขรณ์และเป็นผู้ดูแลวัด จึงสันนิษฐานว่าจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถน่าจะเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างวัดโพธิ์บางโอที่แน่ชัด กระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมหลวงเสนีบริรักษ์ (ต้นตระกูลเสนีวงศ์) ได้รับมอบหมายจากสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระราชมารดาในรัชกาลที่ 3 ให้ปฏิสังขรณ์และเป็นผู้ดูแลวัด จึงสันนิษฐานว่าจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถน่าจะเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3
","subject":"จิตรกรรมเรื่องวิปัสสนาญาณ, วัดโพธิ์บางโอ","spatial":"นนทบุรี (13.8091,100.47212)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/206"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย","creator":"","description":"สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยขึ้นที่หน้าหมู่พระวิมานด้านทิศตะวันออก ซึ่งแต่เดิมเป็นมุขเด็จพระวิมานสำหรับเสด็จออกรับแขกเมืองมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 1
","provenance":"สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยขึ้นที่หน้าหมู่พระวิมานด้านทิศตะวันออก ซึ่งแต่เดิมเป็นมุขเด็จพระวิมานสำหรับเสด็จออกรับแขกเมืองมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 1
","subject":"ที่ประทับ, พระที่นั่ง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, วังหน้า, พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.758078,100.491668)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/208"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธชัมภูนุทมหาบุรุษลักขณาอสีตยานุบพิตร","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2375
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2375
","subject":"วัดอรุณราชวราราม , วัดอรุณ, วัดแจ้ง, พระพุทธรูปประธานวิหารวัดอรุณ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (660912.36,1519891.46)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/209"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ตำหนักจิตรลดา","creator":"-","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานเป็นที่ประทับของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีสถาปนิกผู้ออกแบบคือ นาย มาริโอ ตมานโย สถาปนิกชาวอิตาลีแห่งกรมโยธาธิการ ออกแบบระหว่าง พ.ศ.2446-2448 ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2449
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานเป็นที่ประทับของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีสถาปนิกผู้ออกแบบคือ นาย มาริโอ ตมานโย สถาปนิกชาวอิตาลีแห่งกรมโยธาธิการ ออกแบบระหว่าง พ.ศ.2446-2448 ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2449
","subject":"พระราชวังดุสิต, ตำหนักจิตรลดา","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.768004,100.510695)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/210"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใกล้กับพระบรมมหาราชวังเพื่อเป็นวัดของฝ่ายธรรมยุติกนิกาย
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใกล้กับพระบรมมหาราชวังเพื่อเป็นวัดของฝ่ายธรรมยุติกนิกาย
","subject":"วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม, วัดราชประดิษฐ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749548,100.49552)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/211"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องศรีธนญชัย","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดปทุมวนารามขึ้นเมื่อ พ.ศ.2396 ในคราวเดียวกับที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างสระปทุมวันในบริเวณท้องนาหลวงในคลองบางกะปิ สำหรับเป็นที่ประทับทรงสำราญพระราชอิริยาบถ เดิมชื่อวัดประทุมวันวนาราม หรือวัดสระปทุม เมื่อแล้วเสร็จได้ทรงนิมนต์พระสงฆ์เชื้อสายลาวจากวัดบวรนิเวศมาปกครองวัด และได้อัญเชิญพระแสนและพระใสซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ในสมัยรัชกาลที่ 3 มาประดิษฐานที่วัดปทุมวนาราม ภายหลังได้ทรงอุทิศพระราชกุศลในการสร้างวัดนี้พระราชทานแก่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ.2404
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดปทุมวนารามขึ้นเมื่อ พ.ศ.2396 ในคราวเดียวกับที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างสระปทุมวันในบริเวณท้องนาหลวงในคลองบางกะปิ สำหรับเป็นที่ประทับทรงสำราญพระราชอิริยาบถ เดิมชื่อวัดประทุมวันวนาราม หรือวัดสระปทุม เมื่อแล้วเสร็จได้ทรงนิมนต์พระสงฆ์เชื้อสายลาวจากวัดบวรนิเวศมาปกครองวัด และได้อัญเชิญพระแสนและพระใสซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ในสมัยรัชกาลที่ 3 มาประดิษฐานที่วัดปทุมวนาราม ภายหลังได้ทรงอุทิศพระราชกุศลในการสร้างวัดนี้พระราชทานแก่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ.2404
","subject":"วัดสระปทุม, วัดปทุมวนาราม, จิตรกรรมเรื่องศรีธนญชัย, จิตรกรรมเรื่องเชียงเมี่ยง, วัดปทุม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.745912,100.536659)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/212"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธสิหังคปฏิมากร","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น โดยจำลองจากพระพุทธสิหิงค์ที่ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น โดยจำลองจากพระพุทธสิหิงค์ที่ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
","subject":"วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม, วัดราชประดิษฐ, พระพุทธสิหังคปฏิมากร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749547,100.495511)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/213"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระสัมพุทธพรรณีจำลองและภาพศากยสมาคม","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดราชาธิวาส และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสัมพุทธพรรณีจำลองเพื่อเป็นพระประธานในพระอุโบสถ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเป็นผู้ออกแบบพระอุโบสถ นาย ซี. อาเลกรี (C. Alegri) วิศวกรกรมโยธาธิการเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ส่วนภาพจิตรกรรมฝาผนังนั้น สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงออกแบบและร่างภาพไว้นายคาร์โล ริโกลี (Carlo Rigoli) จิตรกรชาวอิตาเลียนเป็นผู้ขยายแบบและระบายสี
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดราชาธิวาส และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสัมพุทธพรรณีจำลองเพื่อเป็นพระประธานในพระอุโบสถ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเป็นผู้ออกแบบพระอุโบสถ นาย ซี. อาเลกรี (C. Alegri) วิศวกรกรมโยธาธิการเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ส่วนภาพจิตรกรรมฝาผนังนั้น สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงออกแบบและร่างภาพไว้นายคาร์โล ริโกลี (Carlo Rigoli) จิตรกรชาวอิตาเลียนเป็นผู้ขยายแบบและระบายสี
","subject":"วัดราชาธิวาส, พระสัมพุทธพรรณีจำลองและภาพศากยสมาคม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.775417,100.50333)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/214"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องชาดก 550 ชาติ","creator":"","description":"เจ้าพระยาอภัยภูธรสร้างวัดที่คลองมอญฝั่งใต้แล้วถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3 พระราชทานนามว่า วัดเครือวัลย์
","provenance":"เจ้าพระยาอภัยภูธรสร้างวัดที่คลองมอญฝั่งใต้แล้วถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3 พระราชทานนามว่า วัดเครือวัลย์
","subject":"วัดเครือวัลย์, จิตรกรรมเรื่องชาดก550ชาติ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.746123,100.48552)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/215"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธปัญญาอัคคะ\t","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2428
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2428
","subject":"วัดบวรฯ บางลำพู, วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดบวร, พระพุทธปัญญาอัคคะ, พระพุทธรูปฉลองพระองค์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.760163,100.499757)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/216"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธไตรรัตนนายก","creator":"","description":"เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) เป็นผู้สร้างวัดกัลยาณมิตร โดยอุทิศบ้านและที่ดินบริเวณใกล้เคียง ซึ่งแต่เดิมเป็นหมู่บ้านที่มีภิกษุจีนพำนักอยู่ และเรียกกันต่อมาว่า \"หมู่บ้านกุฎีจีน\" สร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2368 และน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า \"วัดกัลยาณมิตร\" และทรงสร้างพระวิหารหลวงและพระประธานพระราชทาน
","provenance":"เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) เป็นผู้สร้างวัดกัลยาณมิตร โดยอุทิศบ้านและที่ดินบริเวณใกล้เคียง ซึ่งแต่เดิมเป็นหมู่บ้านที่มีภิกษุจีนพำนักอยู่ และเรียกกันต่อมาว่า \"หมู่บ้านกุฎีจีน\" สร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2368 และน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า \"วัดกัลยาณมิตร\" และทรงสร้างพระวิหารหลวงและพระประธานพระราชทาน
","subject":"พระพุทธไตรรัตนนายก, พระโต, หลวงพ่อโต, ซำปอกง, วัดกัลยาณมิตร, วัดกัลยาณ์, วัดพระโต","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.739855,100.491274)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/217"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธเจ้า 4 พระองค์","creator":"","description":"สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้สถาปนาวัดพิชยญาติการามแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3
","provenance":"สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้สถาปนาวัดพิชยญาติการามแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3
","subject":"วัดพิชยญาติ, วัดพิชยญาติการาม, พระพุทธเจ้า 4 พระองค์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.732461,100.496839)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/218"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระศรีอาริยเมตไตรย","creator":"","description":"สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้สถาปนาวัดพิชยญาติการามแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3
","provenance":"สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้สถาปนาวัดพิชยญาติการามแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3
","subject":"วัดพิชยญาติการาม, พระศรีอาริยเมตไตรย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.732535,100.496501)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/219"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ประติมากรรมเรื่องสามก๊ก","creator":"","description":"สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้สถาปนาวัดพิชยญาติการามแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3
","provenance":"สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้สถาปนาวัดพิชยญาติการามแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3
","subject":"วัดพิชยญาติการาม, ประติมากรรมเรื่องสามก๊ก","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.732518,100.496505)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/220"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระพุทธปรางค์","creator":"","description":"สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้สถาปนาวัดพิชยญาติการามแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3
","provenance":"สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้สถาปนาวัดพิชยญาติการามแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3
","subject":"วัดพิชยญาติการาม, ปรางค์ประธานวัดพิชยญาติการาม, พระพุทธปรางค์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.732461,100.496676)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/221"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สำเภาและเจดีย์ทรงเครื่อง","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
","subject":"วัดคอกกระบือ, วัดคอกควาย, วัดยานนาวา, สำเภาและเจดีย์ทรงเครื่อง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.71731,100.513536)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/222"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธมนุสสนาค","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2473
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2473
","subject":"วัดบวรฯ บางลำพู, วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดบวร, พระพุทธมนุสสนาค, พระพุทธรูปฉลองพระองค์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.760163,100.499757)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/223"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระศรีศากยทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์","creator":"","description":"ออกแบบโดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ประติมากรชาวอิตาเลียน และนายสาโรช จารักษ์ จากกรมศิลปากร เป็นผู้ควบคุมการปั้นและขยายแบบ สร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ.2525
","provenance":"ออกแบบโดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ประติมากรชาวอิตาเลียน และนายสาโรช จารักษ์ จากกรมศิลปากร เป็นผู้ควบคุมการปั้นและขยายแบบ สร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ.2525
","subject":"พุทธมณฑล, พระศรีศากยทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์","spatial":"นครปฐม (13.776895,100.320921)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/224"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูป ","creator":"","description":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่มีความใกล้ชิดกับพระพุทธรูปศิลปะอินเดียแบบอมราวดีอย่างสูง แต่ขณะเดียวกันก็มีความแตกต่างออกไปบ้าง จึงทำให้กำหนดอายุในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน โดยพระพุทธรูปอมราวดีมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 6-9 ดังนั้นพระพุทธรูปองค์นี้จึงอาจมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10 ซึ่งยังคงเป็นเวลาที่แรงบันดาลใจจากศิลปะอมราวดียังคงอยู่
","provenance":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่มีความใกล้ชิดกับพระพุทธรูปศิลปะอินเดียแบบอมราวดีอย่างสูง แต่ขณะเดียวกันก็มีความแตกต่างออกไปบ้าง จึงทำให้กำหนดอายุในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน โดยพระพุทธรูปอมราวดีมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 6-9 ดังนั้นพระพุทธรูปองค์นี้จึงอาจมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10 ซึ่งยังคงเป็นเวลาที่แรงบันดาลใจจากศิลปะอมราวดียังคงอยู่
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ก่อนศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/225"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่มีความใกล้ชิดกับพระพุทธรูปศิลปะอินเดียแบบปาละปาละและพระพุทธรูปศิลปะชวาภาคกลางในอินโดนีเซีย ที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 จึงอาจกำหนดอายุพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ในราวช่วงเวลาเดียวกัน
","provenance":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่มีความใกล้ชิดกับพระพุทธรูปศิลปะอินเดียแบบปาละปาละและพระพุทธรูปศิลปะชวาภาคกลางในอินโดนีเซีย ที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 จึงอาจกำหนดอายุพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ในราวช่วงเวลาเดียวกัน
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางมารวิชัย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/226"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพิมพ์ ","creator":"","description":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่มีความใกล้ชิดกับพระพิมพ์ศิลปะอินเดียแบบปาละปาละและพระพิมพ์ในศิลปะชวาภาคกลางในอินโดนีเซีย ที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 จึงอาจกำหนดอายุพระพิมพ์กลุ่มนี้ไว้ในช่วงเวลาเดียวกัน
","provenance":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่มีความใกล้ชิดกับพระพิมพ์ศิลปะอินเดียแบบปาละปาละและพระพิมพ์ในศิลปะชวาภาคกลางในอินโดนีเซีย ที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 จึงอาจกำหนดอายุพระพิมพ์กลุ่มนี้ไว้ในช่วงเวลาเดียวกัน
","subject":"พระพิมพ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/227"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ","creator":"","description":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมของพระโพธิสัตว์องค์นี้ ที่มีความใกล้ชิดกับพระพิมพ์ศิลปะอินเดียแบบปาละปาละและพระพิมพ์ในศิลปะชวาภาคกลางในอินโดนีเซีย ที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 จึงอาจกำหนดอายุพระโพธิสัตว์องค์นี้ไว้ในช่วงเวลาเดียวกัน
","provenance":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมของพระโพธิสัตว์องค์นี้ ที่มีความใกล้ชิดกับพระพิมพ์ศิลปะอินเดียแบบปาละปาละและพระพิมพ์ในศิลปะชวาภาคกลางในอินโดนีเซีย ที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 จึงอาจกำหนดอายุพระโพธิสัตว์องค์นี้ไว้ในช่วงเวลาเดียวกัน
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/228"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ","creator":"","description":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมของพระโพธิสัตว์องค์นี้ ที่มีความใกล้ชิดกับพระพิมพ์ศิลปะอินเดียแบบปาละปาละและพระพิมพ์ในศิลปะชวาภาคกลางในอินโดนีเซีย ที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 จึงอาจกำหนดอายุพระโพธิสัตว์องค์นี้ไว้ในช่วงเวลาเดียวกัน
","provenance":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงประวัติและรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมของพระโพธิสัตว์องค์นี้ ที่มีความใกล้ชิดกับพระพิมพ์ศิลปะอินเดียแบบปาละปาละและพระพิมพ์ในศิลปะชวาภาคกลางในอินโดนีเซีย ที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 จึงอาจกำหนดอายุพระโพธิสัตว์องค์นี้ไว้ในช่วงเวลาเดียวกัน
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/229"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปนาคปรก ","creator":"","description":"ปรากฏจารึกที่ฐานว่า ผู้รักษาเมืองครหิได้หล่อขึ้นภายใต้พระบรมราชโองการของพระเจ้าศรีมัตไตรโลกยราชภูษนวรรมเทวะ เมื่อ พ.ศ.1726
","provenance":"ปรากฏจารึกที่ฐานว่า ผู้รักษาเมืองครหิได้หล่อขึ้นภายใต้พระบรมราชโองการของพระเจ้าศรีมัตไตรโลกยราชภูษนวรรมเทวะ เมื่อ พ.ศ.1726
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปนาคปรก","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/230"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้างพระวิษณุองค์นี้ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับประติมากรรมพระวิษณุในประเทศอินเดียช่วงก่อนพุทธศตวรรษที่ 10 เช่น ศิลปะของราชวงศ์กุษาณะซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ครองอินเดียภาคเหนือ ศิลปะอินเดียภาคใต้แถบรัฐอานธระประเทศซึ่งขณะนั้นปกครองโดยราชวงศ์ศาตวาหนะและอิกษวากุตามลำดับ จึงเชื่อว่าพระวิษณุองค์นี้น่าจะสร้างขึ้นในห้วงพุทธศตวรรษที่ 9-10
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้างพระวิษณุองค์นี้ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับประติมากรรมพระวิษณุในประเทศอินเดียช่วงก่อนพุทธศตวรรษที่ 10 เช่น ศิลปะของราชวงศ์กุษาณะซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ครองอินเดียภาคเหนือ ศิลปะอินเดียภาคใต้แถบรัฐอานธระประเทศซึ่งขณะนั้นปกครองโดยราชวงศ์ศาตวาหนะและอิกษวากุตามลำดับ จึงเชื่อว่าพระวิษณุองค์นี้น่าจะสร้างขึ้นในห้วงพุทธศตวรรษที่ 9-10
","subject":"พระวิษณุ, พระนารายณ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/231"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุ ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้างพระวิษณุองค์นี้ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับประติมากรรมพระวิษณุในประเทศอินเดียช่วงราชวงศ์ปัลลวะ ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 จึงเชื่อว่าพระวิษณุองค์นี้น่าจะสร้างขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าว หรือสร้างภายหลังไม่นาน
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้างพระวิษณุองค์นี้ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับประติมากรรมพระวิษณุในประเทศอินเดียช่วงราชวงศ์ปัลลวะ ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 จึงเชื่อว่าพระวิษณุองค์นี้น่าจะสร้างขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าว หรือสร้างภายหลังไม่นาน
","subject":"พระวิษณุ, พระนารายณ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/232"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุ ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้างพระวิษณุองค์นี้ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับประติมากรรมพระวิษณุในประเทศอินเดียช่วงราชวงศ์ปัลลวะ ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 จึงเชื่อว่าพระวิษณุองค์นี้น่าจะสร้างขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าว หรือสร้างภายหลังไม่นาน
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้างพระวิษณุองค์นี้ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับประติมากรรมพระวิษณุในประเทศอินเดียช่วงราชวงศ์ปัลลวะ ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 จึงเชื่อว่าพระวิษณุองค์นี้น่าจะสร้างขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าว หรือสร้างภายหลังไม่นาน
","subject":"พระวิษณุ, พระนารายณ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/233"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูป ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่กล่าวถึงพระพุทธรูปองค์นี้ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่แสดงความเกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปล้านนาระยะแรกๆ หรือเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ทำให้กำหนดอายุอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่กล่าวถึงพระพุทธรูปองค์นี้ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่แสดงความเกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปล้านนาระยะแรกๆ หรือเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ทำให้กำหนดอายุอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"วัดพระพายหลวง, พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง, ศิลปะล้านนา","spatial":"สุโขทัย (17.018304,99.707273)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/234"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏการสร้างที่เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นพระพุทธรูปสุโขทัยแบบหมวดใหญ่ ซึ่งแพร่หลายอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 จึงกำหนดอายุการสร้างไว้ในช่วงระยะเวลาเดียวกันนี้
","provenance":"ไม่ปรากฏการสร้างที่เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นพระพุทธรูปสุโขทัยแบบหมวดใหญ่ ซึ่งแพร่หลายอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 จึงกำหนดอายุการสร้างไว้ในช่วงระยะเวลาเดียวกันนี้
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง","spatial":"สุโขทัย (17.018304,99.707273)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/235"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่แน่ชัด แต่ปัจจุบันเชื่อกันว่าเจดีย์วัดช้างล้อมศรีสุชนาลัยน่าจะสร้างขึ้นในรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ 1 หรือพระยาลิไท พระพุทธรูปองค์นี้ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในซุ้มจระนำที่อยู่บริเวณลานประทักษิณก็น่าจะสร้างขึ้นราวเดียวกันนี้
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่แน่ชัด แต่ปัจจุบันเชื่อกันว่าเจดีย์วัดช้างล้อมศรีสุชนาลัยน่าจะสร้างขึ้นในรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ 1 หรือพระยาลิไท พระพุทธรูปองค์นี้ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในซุ้มจระนำที่อยู่บริเวณลานประทักษิณก็น่าจะสร้างขึ้นราวเดียวกันนี้
","subject":"วัดช้างล้อมศรีสัชนาลัย, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง","spatial":"สุโขทัย (17.018304,99.707273)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/236"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธบาท","creator":"","description":"ไม่พบประวัติการสร้างที่เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษร
","provenance":"ไม่พบประวัติการสร้างที่เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษร
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง, พระพุทธบาท","spatial":"สุโขทัย (17.018304,99.707273)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/237"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย","creator":"","description":"ไม่พบประวัติการสร้างที่เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นส่วนผสมระหว่างพระพุทธรูปสุโขทัยหมวดใหญ่และพระพุทธรูปล้านนาแบบเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ทำให้กำหนดอายุไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 20ไม่พบประวัติการสร้างที่เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นส่วนผสมระหว่างพระพุทธรูปสุโขทัยหมวดใหญ่และพระพุทธรูปล้านนาแบบเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ทำให้กำหนดอายุไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"ไม่พบประวัติการสร้างที่เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นส่วนผสมระหว่างพระพุทธรูปสุโขทัยหมวดใหญ่และพระพุทธรูปล้านนาแบบเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ทำให้กำหนดอายุไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 20ไม่พบประวัติการสร้างที่เป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นส่วนผสมระหว่างพระพุทธรูปสุโขทัยหมวดใหญ่และพระพุทธรูปล้านนาแบบเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ทำให้กำหนดอายุไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง","spatial":"สุโขทัย (17.018304,99.707273)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/238"},{"type":"ประติมากรรม","title":"สังคโลก","creator":"","description":"การผลิตสังคโลกพบมากที่เมืองสุโขทัยและศรีสัชนาลัย มีการสร้างต่อเนื่องยาวนานนับร้อยปีตลอดยุคสุโขทัยจนแม้กระทั่งช่วงที่อยุธยาได้เข้ามาครอบครองสุโขทัยแล้ว สันนิษฐานว่าการผลิตสังคโลกสิ้นสุดลงราวรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สำหรับสังคโลกที่เป็นเครื่องประกอบสถาปัตยกรรมนั้น มีรูปแบบที่เทียบได้กับงานศิลปกรรมที่สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 จึงเชื่อว่าควรกำหนดอายุการสร้างไว้ราวช่วงเวลาเดียวกันนี้","provenance":"การผลิตสังคโลกพบมากที่เมืองสุโขทัยและศรีสัชนาลัย มีการสร้างต่อเนื่องยาวนานนับร้อยปีตลอดยุคสุโขทัยจนแม้กระทั่งช่วงที่อยุธยาได้เข้ามาครอบครองสุโขทัยแล้ว สันนิษฐานว่าการผลิตสังคโลกสิ้นสุดลงราวรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สำหรับสังคโลกที่เป็นเครื่องประกอบสถาปัตยกรรมนั้น มีรูปแบบที่เทียบได้กับงานศิลปกรรมที่สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 จึงเชื่อว่าควรกำหนดอายุการสร้างไว้ราวช่วงเวลาเดียวกันนี้","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง, สังคโลก","spatial":"สุโขทัย (17.018304,99.707273)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/239"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย","creator":"","description":"พระพุทธรูปองค์นี้พบจารึกที่ฐานระบุชื่อผู้สร้างว่า “แม่อัว” ผู้เป็นเมียสนมของมหาธรรมราชา มีความปรารถนาให้บุญนี้ส่งผลให้ได้เกิดในยุคพระศรีอาริย์ ไม่ปรากฏศักราชการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมและการเอ่ยถึงพระมหาธรรมราชา จึงเป็นหลักฐานที่ระบุได้ว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"พระพุทธรูปองค์นี้พบจารึกที่ฐานระบุชื่อผู้สร้างว่า “แม่อัว” ผู้เป็นเมียสนมของมหาธรรมราชา มีความปรารถนาให้บุญนี้ส่งผลให้ได้เกิดในยุคพระศรีอาริย์ ไม่ปรากฏศักราชการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมและการเอ่ยถึงพระมหาธรรมราชา จึงเป็นหลักฐานที่ระบุได้ว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พระพุทธรูปมีจารึก, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก","spatial":"สุโขทัย (17.31991,99.826491)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/240"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย","creator":"","description":"พระพุทธรูปองค์นี้พบจารึกที่ฐานระบุชื่อผู้สร้างและศักราชที่สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “ทิตไสมีลูกหญิงชื่อนางทองแก้ว ผู้สร้าง พ.ศ. 1965”
","provenance":"พระพุทธรูปองค์นี้พบจารึกที่ฐานระบุชื่อผู้สร้างและศักราชที่สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “ทิตไสมีลูกหญิงชื่อนางทองแก้ว ผู้สร้าง พ.ศ. 1965”
","subject":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พระพุทธรูปมีจารึก, วัดโพธิ์, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.746522,100.493299)","temporal":"สุโขทัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/242"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูป ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 อันเป็นระยะปลายของศิลปะหริภุญชัยที่มีอิทธิพลจากศิลปะก่อนอยุธยาหรืออู่ทองจากภาคกลางเข้ามาปะปน
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 อันเป็นระยะปลายของศิลปะหริภุญชัยที่มีอิทธิพลจากศิลปะก่อนอยุธยาหรืออู่ทองจากภาคกลางเข้ามาปะปน
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย","spatial":"ลำพูน (18.577131,99.006698)","temporal":"หริภุญชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/243"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เศียรพระพุทธรูป","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17-18 อันเป็นระยะที่ศิลปะหริภุญชัยเจริญรุ่งเรืองและมีความเป็นเอกลักษณ์สูง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17-18 อันเป็นระยะที่ศิลปะหริภุญชัยเจริญรุ่งเรืองและมีความเป็นเอกลักษณ์สูง
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย, เศียรพระพุทธรูป","spatial":"ลำพูน (18.577131,99.006698)","temporal":"หริภุญชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/244"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูป ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17-18 อันเป็นระยะที่ศิลปะหริภุญชัยเจริญรุ่งเรืองและมีความเป็นเอกลักษณ์สูง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17-18 อันเป็นระยะที่ศิลปะหริภุญชัยเจริญรุ่งเรืองและมีความเป็นเอกลักษณ์สูง
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย, แผ่นเงินดุนนูน","spatial":"ลำพูน (18.577131,99.006698)","temporal":"หริภุญชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/245"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช","creator":"","description":"หลักฐานลายลักษณ์อักษรที่เกี่ยวกับประวัติการสร้างมีอยู่ในลักษณะตำนาน ได้เล่าอดีตย้อนกลับไปจนถึงราวยุคต้นประวัติศาสตร์ หรือราวพุทธศตวรรษที่ 10 ครั้งนั้นเจ้าชายทันตกุมารและเจ้าหญิงเหมมาลาอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากอินเดียไปสู่ศรีลังกา ทว่าเรือแตกจนทำให้ทั้ง 2 พระองค์มาขึ้นฝั่งยังหาดทรายแก้ว นำพระบรมสารีริกธาตุฝังไว้ที่หาดทรายแก้วเพื่อป้องกันภยันตราย เมื่อทั้ง 2 พระองค์หาหนทางอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วไปยังศรีลังกาเป็นผลสำเร็จแล้วจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนหนึ่งกลับมาประดิษฐานยังตำแหน่งเดิม ต่อมาพระเจ้าศรีธรรมโศกราชได้สร้างพระสถูปครอบสถานที่ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ ซึ่งก็คือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชนั่นเอง
แม้ว่าเหตุการณ์เรือแตกของเจ้าชัยทันตกุมารและเจ้าหญิงเหมมาลาจะเป็นเรื่องเล่าที่ได้แรงบันดาลใจโดยตรงจากตำนานพระเขี้ยวแก้วของลังกา จนกล่าวได้ว่าไม่น่าใช่เหตุการณ์จริง แต่การสร้างพระบรมธาตุเจดีย์โดยพระเจ้าศรีธรรมโศกราชน่าจะเป็นเรื่องจริง โดยจากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าเกิดขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ต่อมาได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยลำดับ โดยเฉพาะในสมัยอยุธยาที่มีการซ่อมแซมส่วนปลียอดและหุ้มทองคำ ตราบจนปัจจุบันยังคงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยตลอด","provenance":"หลักฐานลายลักษณ์อักษรที่เกี่ยวกับประวัติการสร้างมีอยู่ในลักษณะตำนาน ได้เล่าอดีตย้อนกลับไปจนถึงราวยุคต้นประวัติศาสตร์ หรือราวพุทธศตวรรษที่ 10 ครั้งนั้นเจ้าชายทันตกุมารและเจ้าหญิงเหมมาลาอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากอินเดียไปสู่ศรีลังกา ทว่าเรือแตกจนทำให้ทั้ง 2 พระองค์มาขึ้นฝั่งยังหาดทรายแก้ว นำพระบรมสารีริกธาตุฝังไว้ที่หาดทรายแก้วเพื่อป้องกันภยันตราย เมื่อทั้ง 2 พระองค์หาหนทางอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วไปยังศรีลังกาเป็นผลสำเร็จแล้วจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนหนึ่งกลับมาประดิษฐานยังตำแหน่งเดิม ต่อมาพระเจ้าศรีธรรมโศกราชได้สร้างพระสถูปครอบสถานที่ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ ซึ่งก็คือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชนั่นเอง
แม้ว่าเหตุการณ์เรือแตกของเจ้าชัยทันตกุมารและเจ้าหญิงเหมมาลาจะเป็นเรื่องเล่าที่ได้แรงบันดาลใจโดยตรงจากตำนานพระเขี้ยวแก้วของลังกา จนกล่าวได้ว่าไม่น่าใช่เหตุการณ์จริง แต่การสร้างพระบรมธาตุเจดีย์โดยพระเจ้าศรีธรรมโศกราชน่าจะเป็นเรื่องจริง โดยจากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าเกิดขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ต่อมาได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยลำดับ โดยเฉพาะในสมัยอยุธยาที่มีการซ่อมแซมส่วนปลียอดและหุ้มทองคำ ตราบจนปัจจุบันยังคงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยตลอด","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์ทรงระฆัง, วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร, วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร, พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช, พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช","spatial":"นครศรีธรรมราช (8.410996,99.966145)","temporal":"ก่อนอยุธยา, อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/246"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ตู้พระธรรม ","creator":"","description":"ไม่พบประวัติการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 23
","provenance":"ไม่พบประวัติการสร้างที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 23
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, ลายรดน้ำ, ตู้พระธรรมลายรดน้ำ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"อยุธยาตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/247"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ตู้พระธรรม","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัดเพราะไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรใดระบุ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุอยู่ในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา หรือต้นกรุงรัตนโกสินทร์เป็นอย่างช้า
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัดเพราะไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรใดระบุ แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุอยู่ในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา หรือต้นกรุงรัตนโกสินทร์เป็นอย่างช้า
","subject":"ลายรดน้ำ, ตู้พระธรรมลายรดน้ำ, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.350887,100.561788)","temporal":"อยุธยาตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/248"},{"type":"ประติมากรรม","title":"บานประตูไม้","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรที่แน่ชัด ตามประวัติการได้มาระบุว่าเคยประดิษฐานอยู่ที่คูหาของเจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งแม้ว่าจะยังมีข้อถกเถียงว่าสร้างขึ้นในรัชกาลใด แต่อย่างน้อยก็เชื่อได้ว่าเจดีย์นี้อยู่ในสมัยอยุธยาตอนกลาง สอดคล้องกับรูปแบบทางศิลปกรรมของบานประตูไม้นี้ที่สามารถกำหนดอายุไว้ราวสมัยอยุธยาตอนกลาง หรือพุทธศตวรรษที่ 21
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรที่แน่ชัด ตามประวัติการได้มาระบุว่าเคยประดิษฐานอยู่ที่คูหาของเจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งแม้ว่าจะยังมีข้อถกเถียงว่าสร้างขึ้นในรัชกาลใด แต่อย่างน้อยก็เชื่อได้ว่าเจดีย์นี้อยู่ในสมัยอยุธยาตอนกลาง สอดคล้องกับรูปแบบทางศิลปกรรมของบานประตูไม้นี้ที่สามารถกำหนดอายุไว้ราวสมัยอยุธยาตอนกลาง หรือพุทธศตวรรษที่ 21
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา, บานประตู","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.350887,100.561788)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/249"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย","creator":"","description":"ไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรรุบะระวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่ยังใกล้ชิดกับพระพุทธรูปศิลปะเขมรในประเทศไทยแบบบายนหรือหลังบายน จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีไม่นานนัก หรือราวพุทธศตวรรษที่ 19
","provenance":"ไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรรุบะระวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่ยังใกล้ชิดกับพระพุทธรูปศิลปะเขมรในประเทศไทยแบบบายนหรือหลังบายน จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีไม่นานนัก หรือราวพุทธศตวรรษที่ 19
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางมารวิชัย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ก่อนอยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/250"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"ไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรรุบะระวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่ยังแสดงความเกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปศิลปะเขมรในประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันก็มีหลายอย่างที่แตกต่างออกไป จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีไม่นานนัก หรืออาจสร้างระยะแรกสุดของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 19-ต้นพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"ไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรรุบะระวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่ยังแสดงความเกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปศิลปะเขมรในประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันก็มีหลายอย่างที่แตกต่างออกไป จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีไม่นานนัก หรืออาจสร้างระยะแรกสุดของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 19-ต้นพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางมารวิชัย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ก่อนอยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/251"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"ไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรรุบะระวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่ยังแสดงความเกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปศิลปะเขมรในประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันก็มีหลายอย่างที่แตกต่างออกไป จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีไม่นานนัก หรืออาจสร้างระยะแรกสุดของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 19-ต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ตรงกับที่นักวิชาการบางท่านกำหนดเรียกไว้ว่าศิลปะอู่ทองรุ่นที่ 2
","provenance":"ไม่มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรรุบะระวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่ยังแสดงความเกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปศิลปะเขมรในประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันก็มีหลายอย่างที่แตกต่างออกไป จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีไม่นานนัก หรืออาจสร้างระยะแรกสุดของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 19-ต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ตรงกับที่นักวิชาการบางท่านกำหนดเรียกไว้ว่าศิลปะอู่ทองรุ่นที่ 2
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางมารวิชัย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ก่อนอยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/252"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย","creator":"","description":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรเอ่ยถึงการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้โดยตรง แต่จากการค้นพบภายในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะที่พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1967 รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ย่อมเป็นหลักฐานว่าพระพุทธรูปองค์นี้ย่อมสร้างขึ้นอย่างช้าในศักราชนี้ (พระราชพงศาวดารบางฉบับระบุว่าวัดนี้สร้างขึ้น พ.ศ. 1961)
พระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะเช่นองค์นี้ซึ่งเรียกกันว่า พระพุทธรูปอู่ทองรุ่นที่ 3 พบได้มากในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ทำให้เชื่อกันว่าน่าจะนิยมแพร่หลายในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรเอ่ยถึงการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้โดยตรง แต่จากการค้นพบภายในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะที่พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1967 รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ย่อมเป็นหลักฐานว่าพระพุทธรูปองค์นี้ย่อมสร้างขึ้นอย่างช้าในศักราชนี้ (พระราชพงศาวดารบางฉบับระบุว่าวัดนี้สร้างขึ้น พ.ศ. 1961)
พระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะเช่นองค์นี้ซึ่งเรียกกันว่า พระพุทธรูปอู่ทองรุ่นที่ 3 พบได้มากในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ทำให้เชื่อกันว่าน่าจะนิยมแพร่หลายในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"วัดราชบูรณะ, พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา","spatial":"พระนครศรีอยุธยา (14.350887,100.561788)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/255"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"รูปแบบทางศิลปกรรมของพระพุทธรูปองค์นี้เป็นแบบที่เรียกกันว่า พระพุทธรูปอู่ทองรุ่นที่ 3 อายุราวกลางพุทธศตวรรษที่ 20 ที่ฐานมีจารึกภาษาไทย อ่านแบบปัจจุบันได้ว่า “ตนนี้ก่อพระเจ้าแม่เอินไว้ในบุรพารามนี้” มีนักวิชาการได้วิเคราะห์ว่าเจ้าแม่ที่เอ่ยถึงนี้น่าจะได้แก่พระเทวีศรีจุฬาลักษณ์ ผู้สร้างวัดบุรพาราม
","provenance":"รูปแบบทางศิลปกรรมของพระพุทธรูปองค์นี้เป็นแบบที่เรียกกันว่า พระพุทธรูปอู่ทองรุ่นที่ 3 อายุราวกลางพุทธศตวรรษที่ 20 ที่ฐานมีจารึกภาษาไทย อ่านแบบปัจจุบันได้ว่า “ตนนี้ก่อพระเจ้าแม่เอินไว้ในบุรพารามนี้” มีนักวิชาการได้วิเคราะห์ว่าเจ้าแม่ที่เอ่ยถึงนี้น่าจะได้แก่พระเทวีศรีจุฬาลักษณ์ ผู้สร้างวัดบุรพาราม
","subject":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก, วัดบูรพาราม","spatial":"สุโขทัย (17.31991,99.826491)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/256"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย","creator":"","description":"ไม่มีหลักฐานลายลักอักษรระบุรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อได้ว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 21 หรือสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง
","provenance":"ไม่มีหลักฐานลายลักอักษรระบุรายละเอียดการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อได้ว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 21 หรือสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางมารวิชัย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"อยุธยาตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/257"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปทรงเครื่อง","creator":"","description":"ปรากฏศักราชการสร้างที่ฐาน ระบุ พ.ศ. 2084
","provenance":"ปรากฏศักราชการสร้างที่ฐาน ระบุ พ.ศ. 2084
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปทรงเครื่อง, พระพุทธรูปปางประทานอภัย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/258"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปทรงเครื่อง","creator":"","description":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุศักราชการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้โดยตรง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องน้อยแบบอยุธยาตอนกลาง และการค้นพบในพระอุระของพระองคลบพิตรที่สร้างขึ้นในช่วงอยุธยาตอนกลางเช่นกัน จึงทำให้กำหนดอายุการสร้างไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 21-22
","provenance":"ไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุศักราชการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้โดยตรง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องน้อยแบบอยุธยาตอนกลาง และการค้นพบในพระอุระของพระองคลบพิตรที่สร้างขึ้นในช่วงอยุธยาตอนกลางเช่นกัน จึงทำให้กำหนดอายุการสร้างไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 21-22
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา, พระพุทธรูปทรงเครื่อง, พระพุทธรูปปางประทานอภัย, พระมงคลบพิตร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (14.350887,100.561788)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/259"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปทรงเครื่อง ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ซึ่งนิยมมากในสมัยอยุธยาตอนปลาย จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 23
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ซึ่งนิยมมากในสมัยอยุธยาตอนปลาย จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 23
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปทรงเครื่อง, พระพุทธรูปทรงเครื่อง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"อยุธยา, อยุธยาตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/260"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นพระพุทธรูปหมวดขนมต้มซึ่งพบว่าแพร่หลายในกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่ราวสมัยอยุธยาตอนกลางกระทั่งอยุธยาตอนปลาย จึงกำหนดอายุโดยกว้างไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 21-23
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรระบุถึงประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นพระพุทธรูปหมวดขนมต้มซึ่งพบว่าแพร่หลายในกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่ราวสมัยอยุธยาตอนกลางกระทั่งอยุธยาตอนปลาย จึงกำหนดอายุโดยกว้างไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 21-23
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พระพุทธรูปหมวดขนมต้ม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"อยุธยา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/261"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์","creator":"","description":"เชื่อว่าน่าจะเป็นประติมากรรมพระโพธิสัตว์ 550 พระชาติที่หล่อขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทั้งนี้ศักราชในพระราชพงศาวดารแต่ละฉบับระบุแตกต่างกันออกไป
","provenance":"เชื่อว่าน่าจะเป็นประติมากรรมพระโพธิสัตว์ 550 พระชาติที่หล่อขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทั้งนี้ศักราชในพระราชพงศาวดารแต่ละฉบับระบุแตกต่างกันออกไป
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระโพธิสัตว์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"อยุธยาตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/262"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระอิศวร","creator":"","description":"ข้อความจารึกที่ฐานระบุว่าหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2053 โดยเจ้าพระยาศรีธรรมโศก เพื่อให้ครองสัตว์ 4 ตีน และ 2 ตีนในเมืองกำแพงเพชร ทั้งเพื่อช่วยยกพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ (ไสยศาสตร์) และพระเทพกรรม
","provenance":"ข้อความจารึกที่ฐานระบุว่าหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2053 โดยเจ้าพระยาศรีธรรมโศก เพื่อให้ครองสัตว์ 4 ตีน และ 2 ตีนในเมืองกำแพงเพชร ทั้งเพื่อช่วยยกพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ (ไสยศาสตร์) และพระเทพกรรม
","subject":"พระอิศวร, พระศิวะ, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร","spatial":"กำแพงเพชร (16.488363,99.52232)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/263"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เครื่องถ้วยเบญจรงค์","creator":"","description":"สั่งผลิตจากประเทศจีนในสมัยอยุธยาตอนปลายถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
","provenance":"สั่งผลิตจากประเทศจีนในสมัยอยุธยาตอนปลายถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, วังหน้า, เครื่องถ้วยเบญจรงค์, เครื่องถ้วยห้าสี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.757703,100.491822)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/264"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ธรรมจักร","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"ธรรมจักร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์","spatial":null,"temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/266"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ธรรมจักร","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"ธรรมจักร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร","spatial":null,"temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/267"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เศียรพระพุทธรูป","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"เศียรพระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี","spatial":"ราชบุรี (13.541037,99.817664)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/271"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูป","creator":"","description":"จารึกอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต ที่อยู่บริเวณฐานบัว ทำให้ทราบว่าชิ้นส่วนนี้เป็นพระพุทธรูป แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “พระเทวี (มเหสี) ของเจ้าแห่งทวารวดี ทรงบัญชาให้พระธิดาสร้างพระรูปของพระตถาคตนี้ไว้” กำหนดอายุจากรูปอักษรได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12
","provenance":"จารึกอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต ที่อยู่บริเวณฐานบัว ทำให้ทราบว่าชิ้นส่วนนี้เป็นพระพุทธรูป แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “พระเทวี (มเหสี) ของเจ้าแห่งทวารวดี ทรงบัญชาให้พระธิดาสร้างพระรูปของพระตถาคตนี้ไว้” กำหนดอายุจากรูปอักษรได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย, ทวารวดี","spatial":"นครราชสีมา (15.224812,102.494452)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/272"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ฐานธรรมจักร","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่รูปแบบทางศิลปกรรมทำให้เชื่อได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่รูปแบบทางศิลปกรรมทำให้เชื่อได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, ธรรมจักร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์","spatial":"นครปฐม (13.818427,100.060937)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/273"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาท","creator":"","description":"จากจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต ที่อยู่ระหว่างข้อพระบาท ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยไว้ 2 สำนวน คือ ศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์ แปลไว้ว่า “การบุญของฤษี ศรี สมาธิคุปตะ” ในขณะที่ชะเอม แก้วคล้าย แปลว่า “พระศรีสมาธิคุปตะเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยการทำบุญ” ทำให้เชื่อกันว่าฤาษีตนนี้คงเป็นผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น รูปแบบอักษรกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12 ซึ่งไม่ขัดแย้งกับรูปแบบทางศิลปกรรม จึงเชื่อว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นในช่วงเวลานี้
","provenance":"จากจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต ที่อยู่ระหว่างข้อพระบาท ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยไว้ 2 สำนวน คือ ศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์ แปลไว้ว่า “การบุญของฤษี ศรี สมาธิคุปตะ” ในขณะที่ชะเอม แก้วคล้าย แปลว่า “พระศรีสมาธิคุปตะเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยการทำบุญ” ทำให้เชื่อกันว่าฤาษีตนนี้คงเป็นผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น รูปแบบอักษรกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 12 ซึ่งไม่ขัดแย้งกับรูปแบบทางศิลปกรรม จึงเชื่อว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นในช่วงเวลานี้
","subject":"พระพุทธรูป, ถ้ำฤาษี , ถ้ำฤาษีเขางู","spatial":"ราชบุรี (13.574945,99.777241)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/274"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระสงฆ์อุ้มบาตร","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบจีวรที่เป็นริ้วธรรมชาติ หนา ไม่บางแนบเนื้อ ใกล้เคียงกับจีวรของพระพุทธรูปศิลปะอมราวดี ทำให้นักวิชาการเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับ จึงกำหนดประติมากรรมชิ้นนี้ไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 10 อันเป็นช่วงเวลาที่แรงบันดาลใจจากศิลปะอมราวดีของอินเดียยังมีอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม คำอธิบายว่าประติมากรรมพระสงฆ์อุ้มบาตรนี้มีจีวรที่เกี่ยวข้องกับศิลปะอมราวดี จึงกำหนดอายุไว้ว่าเก่าแก่ถึงพุทธศตวรรษที่ 9-10 ซึ่งเก่ากว่าหลักฐานพุทธศาสนาอื่นในเมืองอู่ทอง อันรวมถึงเจดีย์ที่ประติมากรรมนี้เคยประดับอยู่ น่าจะต้องพิจารณาอย่างมีเงื่อนไข เพราะประติมากรรมนี้เป็นรูปพระสงฆ์สาวก การเปรียบเทียบกับพระพุทธรูปโดยตรงอาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ บางทีประติมากรรมนี้อาจไม่ได้มีอายุเก่าจนถึงพุทธศตวรรษที่ 9-10 ก็เป็นได้","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบจีวรที่เป็นริ้วธรรมชาติ หนา ไม่บางแนบเนื้อ ใกล้เคียงกับจีวรของพระพุทธรูปศิลปะอมราวดี ทำให้นักวิชาการเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับ จึงกำหนดประติมากรรมชิ้นนี้ไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 10 อันเป็นช่วงเวลาที่แรงบันดาลใจจากศิลปะอมราวดีของอินเดียยังมีอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม คำอธิบายว่าประติมากรรมพระสงฆ์อุ้มบาตรนี้มีจีวรที่เกี่ยวข้องกับศิลปะอมราวดี จึงกำหนดอายุไว้ว่าเก่าแก่ถึงพุทธศตวรรษที่ 9-10 ซึ่งเก่ากว่าหลักฐานพุทธศาสนาอื่นในเมืองอู่ทอง อันรวมถึงเจดีย์ที่ประติมากรรมนี้เคยประดับอยู่ น่าจะต้องพิจารณาอย่างมีเงื่อนไข เพราะประติมากรรมนี้เป็นรูปพระสงฆ์สาวก การเปรียบเทียบกับพระพุทธรูปโดยตรงอาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ บางทีประติมากรรมนี้อาจไม่ได้มีอายุเก่าจนถึงพุทธศตวรรษที่ 9-10 ก็เป็นได้","subject":"พระพุทธรูป, ประติมากรรมดินเผา, พระสงฆ์, เมืองอู่ทอง ","spatial":"สุพรรณบุรี (14.373126,99.891406)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/275"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปนาคปรก","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปนาคปรก","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/276"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูป ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางแสดงธรรม, ทวารวดี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/277"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพสลักเล่าเรื่องยมกปาฏิหาริย์","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาท, ภาพสลักเล่าเรื่องยมกปาฏิหาริย์, ภาพสลัก, ยมกปาฏิหาริย์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/278"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางสมาธิ ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางสมาธิ","spatial":null,"temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/279"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปไสยาสน์ ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, วัดธรรมจักรเสมาราม, เมืองเสมา, พระพุทธรูปไสยาสน์ ","spatial":"นครราชสีมา (14.916724,101.79386)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/280"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดี","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าอยู่ในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าอยู่ในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์, พระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดี","spatial":"นครปฐม (13.818427,100.060937)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/281"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดี","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าอยู่ในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าอยู่ในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/282"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ตุ๊กตารูปคนจูงลิง","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง , ตุ๊กตารูปคนจูงลิง, ตุ๊กตาเสียกบาล, ตุ๊กตาดินเผา","spatial":null,"temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/283"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ปูนปั้นรูปนักดนตรี","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้กำหนดอายุได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"เมืองคูบัว, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, ปูนปั้นรูปนักดนตรี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/284"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพิมพ์","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพิมพ์, ยมกปาฏิหาริย์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/285"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพสลักพระพุทธรูป","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพิมพ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี, พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาท","spatial":"ราชบุรี (13.541037,99.817664)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/287"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพิมพ์","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมทำให้เชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมทำให้เชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพิมพ์, ยมกปาฏิหาริย์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ","spatial":"ขอนแก่น (16.446119,102.83852)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/289"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพสลักพระพุทธรูป","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้เชื่อได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้เชื่อได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"ถ้ำฤาษีเขางู, พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาท, ภาพสลัก, ถ้ำพระโพธิสัตว์ ","spatial":"สระบุรี (14.576248,101.145822)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/290"},{"type":"ประติมากรรม","title":"แผ่นหินสลักภาพมงคล","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
-
","provenance":"-
","subject":"พระพุทธบาท, สระมรกต, โบราณสถานสระมรกต ","spatial":"ปราจีนบุรี (13.863026,101.425002)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/292"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ใบเสมา","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"ใบเสมา, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น , กุลาวกชาดก, พระอินทร์, ชาดก","spatial":"ขอนแก่น (16.446119,102.83852)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/293"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ใบเสมา","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"ใบเสมา, พระพุทธเจ้า, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น , พุทธประวัติ, พิมพาพิลาป","spatial":null,"temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/294"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ใบเสมา","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"ใบเสมา, พระพุทธรูปนาคปรก, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น , พุทธประวัติ","spatial":"ขอนแก่น (16.446119,102.83852)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/295"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาท ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี โดยประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเมรุ จังหวัดนครปฐม ร่วมกับพระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาทลอยตัวอีก 4 องค์
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี โดยประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเมรุ จังหวัดนครปฐม ร่วมกับพระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาทลอยตัวอีก 4 องค์
","subject":"พระปฐมเจดีย์, พระพุทธรูป, วัดพระเมรุ, พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาท","spatial":"นครปฐม (13.819103,100.060311)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/296"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ใบเสมา","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี
","subject":"พระพุทธรูป, ใบเสมา, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางแสดงธรรม, พุทธประวัติ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/297"},{"type":"ประติมากรรม","title":"แผ่นเงินดุนนูน","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี โดยบรรจุอยู่ร่วมกันภายในภาชนะดินเผาที่ฝังอยู่ภายใต้อาคารที่เรียกว่า อุ่มญาคู เมืองกันทรวิชัย อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี โดยบรรจุอยู่ร่วมกันภายในภาชนะดินเผาที่ฝังอยู่ภายใต้อาคารที่เรียกว่า อุ่มญาคู เมืองกันทรวิชัย อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
","subject":"พระพุทธรูป, ธรรมจักร, พระพิมพ์, แผ่นเงินดุนนูน, สถูป","spatial":"ขอนแก่น (16.446119,102.83852)","temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/298"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์เขาจันทน์งาม","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ภาพเขียนสี, ภาพเขียนสี, ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์, ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์, เขาจันทน์งาม, เขาจันทน์งาม, วัดเขาจันทน์งาม, วัดเขาจันทน์งาม, วัดเลิศสวัสดิ์, วัดเลิศสวัสดิ์, เขาจันทร์งาม, เขาจันทร์งาม","spatial":"นครราชสีมา (14.814949,101.594438)","temporal":"ก่อนประวัติศาสตร์, ก่อนประวัติศาสตร์หินใหม่","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/299"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ภาพสลักหินก่อนประวัติศาสตร์","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ภาพสลัก, ภาพสลักหินก่อนประวัติศาสตร์, ถ้ำผาลายภูผายนต์, ถ้ำผาลายภูผายล","spatial":"สกลนคร (16.939175,104.076446)","temporal":"ก่อนประวัติศาสตร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/300"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ผาแต้ม","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ภาพเขียนสี, ภาพเขียนสี, ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์, ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์, ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ผาแต้ม, ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ผาแต้ม, อุทยานแห่งชาติผาแต้ม, อุทยานแห่งชาติผาแต้ม, ผาขาม, ผาขาม, ผาแต้ม, ผาแต้ม, ผาหมอน, ผาหมอน, ผาหมอนน้อย, ผาหมอนน้อย","spatial":"อุบลราชธานี (15.399609,105.513172)","temporal":"ก่อนประวัติศาสตร์, ก่อนประวัติศาสตร์หินใหม่","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/301"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาชนะดินเผาบ้านเชียง","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ประติมากรรมดินเผา, ประติมากรรมดินเผา, ดินเผา, ดินเผา, ภาชนะดินเผา, ภาชนะดินเผา, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง, บ้านเชียง, บ้านเชียง","spatial":"อุดรธานี (17.406915,103.237056)","temporal":"ก่อนประวัติศาสตร์, ก่อนประวัติศาสตร์หินใหม่","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/302"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์วัดช่องแสมสาร","creator":"","description":"รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างบนเนินเขาของแหลมแสมสาร
","provenance":"รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างบนเนินเขาของแหลมแสมสาร
","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์วัดช่องแสมสาร, วัดช่องแสมสาร, วิหารหลวงพ่อดำ","spatial":"ชลบุรี (12.596408,100.962624)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/303"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประจำแผ่นดิน ","creator":"","description":"สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปประจำแผ่นดิน , ถ้ำเขาหลวง , ถ้ำวิมานจักรี","spatial":"เพชรบุรี (13.136044,99.932992)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/304"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปทรงพระราชอุทิศของรัชกาลที่ 4 และพระราชโอรส","creator":"","description":"รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์จากพระพุทธรูปที่มีอยู่เดิม
","provenance":"รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์จากพระพุทธรูปที่มีอยู่เดิม
","subject":"พระพุทธรูป, ถ้ำเขาหลวง , ถ้ำวิมานจักรี","spatial":"เพชรบุรี (13.136044,99.0932992)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/305"},{"type":"จิตรกรรม","title":" จิตรกรรมเรื่องสังคายนาพระไตรปิฎก","creator":"","description":"วัดมหาพฤฒารามสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดท่าเกวียน หรือวัดตะเคียน ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ เนื่องจากเคยได้เสด็จมาที่วัดนี้เมื่อทรงผนวช ในคราวนั้นพระอธิการแก้วเจ้าอาวาสได้ทูลถวายพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์จึงมีรับสั่งว่าถ้าได้ครองแผ่นดินจริงจะมาสร้างวัดให้อยู่ใหม่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์จึงโปรดเกล้าฯให้สถาปนาวัดขึ้นใหม่ โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นแม่กองในการก่อสร้าง พระราชทานนามว่า \"วัดมหาพฤฒาราม\"
","provenance":"วัดมหาพฤฒารามสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดท่าเกวียน หรือวัดตะเคียน ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ เนื่องจากเคยได้เสด็จมาที่วัดนี้เมื่อทรงผนวช ในคราวนั้นพระอธิการแก้วเจ้าอาวาสได้ทูลถวายพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์จึงมีรับสั่งว่าถ้าได้ครองแผ่นดินจริงจะมาสร้างวัดให้อยู่ใหม่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์จึงโปรดเกล้าฯให้สถาปนาวัดขึ้นใหม่ โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นแม่กองในการก่อสร้าง พระราชทานนามว่า \"วัดมหาพฤฒาราม\"
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, จิตรกรรมเรื่องสังคายนาพระไตรปิฎก, วัดมหาพฤฒาราม, วัดท่าเกวียน , วัดตะเคียน","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.732559,100.516446)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/306"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระนิรันตราย","creator":"","description":"เมื่อ พ.ศ.2411 รัชกาลที่ 4 มีพระราชดำริให้สร้างพระพุทธรูปพิมพ์เดียวกับพระพุทธรูปทองและเงินที่สวมพระนิรันตรายซึ่งประดิษฐานในหอพระสุราลัยพิมาน พระบรมมหาราชวัง โดยหล่อด้วยทองเหลืองแล้วกะไหล่ทองคำ มีเรือนแก้วอยู่ด้านหลัง จำนวน 18 องค์ เท่ากับจำนวนปีที่ซึ่งได้เสด็จครองราชสมบัติ ถวายพระนามพระพุทธรูปเหล่านั้นว่าพระนิรันตรายเช่นเดียวกัน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานไปยังวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 4 เช่น วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นต้น และได้ทรงสร้างพระราชทานพระอารามหลวงซึ่งเป็นวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายวัดละ 1 องค์ต่อมา
","provenance":"เมื่อ พ.ศ.2411 รัชกาลที่ 4 มีพระราชดำริให้สร้างพระพุทธรูปพิมพ์เดียวกับพระพุทธรูปทองและเงินที่สวมพระนิรันตรายซึ่งประดิษฐานในหอพระสุราลัยพิมาน พระบรมมหาราชวัง โดยหล่อด้วยทองเหลืองแล้วกะไหล่ทองคำ มีเรือนแก้วอยู่ด้านหลัง จำนวน 18 องค์ เท่ากับจำนวนปีที่ซึ่งได้เสด็จครองราชสมบัติ ถวายพระนามพระพุทธรูปเหล่านั้นว่าพระนิรันตรายเช่นเดียวกัน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานไปยังวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 4 เช่น วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นต้น และได้ทรงสร้างพระราชทานพระอารามหลวงซึ่งเป็นวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายวัดละ 1 องค์ต่อมา
","subject":"พระพุทธรูป, วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม, วัดราชประดิษฐ, พระนิรันตราย, รัชกาลที่ 4","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749551,100.495525)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/307"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมฝาผนังเรื่องปริศนาธรรม","creator":"","description":"วัดบรมนิวาสเดิมชื่อวัดบรมสุข เจ้าฟ้ามงกุฎ หรือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวช ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้เมื่อ พ.ศ.2377 โดยสร้างสิ่งสำคัญต่างๆ ในวัด ได้แก่ พระอุโบสถ พระเจดีย์ วิหาร และปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภายในพระอุโบสถเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง แบ่งเป็น 2 เรื่องโดยรอบพระอุโบสถ ได้แก่ ภาพปริศนาธรรม ซึ่งอยู่เหนือช่องประตูและหน้าต่าง และเรื่องวัฒนธรรมประเพณีในพุทธศาสนา ซึ่งอยู่ระหว่างช่องประตูและหน้าต่าง
","provenance":"วัดบรมนิวาสเดิมชื่อวัดบรมสุข เจ้าฟ้ามงกุฎ หรือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวช ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้เมื่อ พ.ศ.2377 โดยสร้างสิ่งสำคัญต่างๆ ในวัด ได้แก่ พระอุโบสถ พระเจดีย์ วิหาร และปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภายในพระอุโบสถเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง แบ่งเป็น 2 เรื่องโดยรอบพระอุโบสถ ได้แก่ ภาพปริศนาธรรม ซึ่งอยู่เหนือช่องประตูและหน้าต่าง และเรื่องวัฒนธรรมประเพณีในพุทธศาสนา ซึ่งอยู่ระหว่างช่องประตูและหน้าต่าง
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, จิตรกรรมฝาผนังเรื่องปริศนาธรรม, วัดบรมนิวาส , วัดบรมสุข","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751702,100.519908)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/308"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระเจดีย์หลวง","creator":"","description":"รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้พระยาสามภพพ่ายเป็นข้าหลวงเชิญพระราชกระแสรับสั่งให้เจ้าพระยาสงขลาสร้างเจดีย์ขึ้นบนยอดเขาตังกวน
","provenance":"รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้พระยาสามภพพ่ายเป็นข้าหลวงเชิญพระราชกระแสรับสั่งให้เจ้าพระยาสงขลาสร้างเจดีย์ขึ้นบนยอดเขาตังกวน
","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, เขาตังกวน, พระเจดีย์หลวง, เจดีย์เขาตังกวน","spatial":"สงขลา (7.210289,100.589363)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/309"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องธุดงควัตร","creator":"","description":"วัดมหาพฤฒารามสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดท่าเกวียน หรือวัดตะเคียน ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ เนื่องจากเคยได้เสด็จมาที่วัดนี้เมื่อทรงผนวช ในคราวนั้นพระอธิการแก้วเจ้าอาวาสได้ทูลถวายพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์จึงมีรับสั่งว่าถ้าได้ครองแผ่นดินจริงจะมาสร้างวัดให้อยู่ใหม่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์จึงโปรดเกล้าฯให้สถาปนาวัดขึ้นใหม่ โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นแม่กองในการก่อสร้าง พระราชทานนามว่า \"วัดมหาพฤฒาราม\"
","provenance":"วัดมหาพฤฒารามสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดท่าเกวียน หรือวัดตะเคียน ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ เนื่องจากเคยได้เสด็จมาที่วัดนี้เมื่อทรงผนวช ในคราวนั้นพระอธิการแก้วเจ้าอาวาสได้ทูลถวายพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์จึงมีรับสั่งว่าถ้าได้ครองแผ่นดินจริงจะมาสร้างวัดให้อยู่ใหม่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์จึงโปรดเกล้าฯให้สถาปนาวัดขึ้นใหม่ โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นแม่กองในการก่อสร้าง พระราชทานนามว่า \"วัดมหาพฤฒาราม\"
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, วัดมหาพฤฒาราม, วัดท่าเกวียน , วัดตะเคียน, จิตรกรรมเรื่องธุดงควัตร, เรื่องธุดงควัตร 13","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.732559,100.516446)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/310"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องเวสสันดรชาดก","creator":"","description":"ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถวัดราชาธิวาสขึ้นใหม่ โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ออกแบบ และนาย ซี. อาเลกรี (C. Alegri) วิศวกรกรมโยธาธิการเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ในส่วนจิตรกรรมฝาผนังนั้นสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงออกแบบและร่างภาพไว้ และให้นายคาร์โล ริโกลี (Carlo Rigoli) จิตรกรชาวอิตาเลียนเป็นผู้ขยายแบบและระบายสี โดยภาพเรื่องมหาเวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์นั้น ทรงร่างภาพเองจำนวน 12 กัณฑ์ และให้นายคาร์โล ริโกลี ร่างภาพกัณฑ์ที่ 13 ตามคำแนะนำของพระองค์
","provenance":"ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถวัดราชาธิวาสขึ้นใหม่ โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ออกแบบ และนาย ซี. อาเลกรี (C. Alegri) วิศวกรกรมโยธาธิการเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ในส่วนจิตรกรรมฝาผนังนั้นสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงออกแบบและร่างภาพไว้ และให้นายคาร์โล ริโกลี (Carlo Rigoli) จิตรกรชาวอิตาเลียนเป็นผู้ขยายแบบและระบายสี โดยภาพเรื่องมหาเวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์นั้น ทรงร่างภาพเองจำนวน 12 กัณฑ์ และให้นายคาร์โล ริโกลี ร่างภาพกัณฑ์ที่ 13 ตามคำแนะนำของพระองค์
","subject":"วัดราชาธิวาส, จิตรกรรมฝาผนัง, วัดสมอราย, จิตรกรรมเรื่องเวสสันดรชาดก","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.775429,100.503323)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/311"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระบรมธาตุมหาเจดีย์","creator":"","description":"เริ่มสร้างพระบรมธาตุมหาเจดีย์พร้อมกับการสร้างวัดเมื่อ พ.ศ.2371 ตามดำริของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จก็ถึงแก่พิราลัย ต่อมาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้สร้างพระเจดีย์ต่อจนเสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"เริ่มสร้างพระบรมธาตุมหาเจดีย์พร้อมกับการสร้างวัดเมื่อ พ.ศ.2371 ตามดำริของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จก็ถึงแก่พิราลัย ต่อมาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้สร้างพระเจดีย์ต่อจนเสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, พระบรมธาตุมหาเจดีย์, วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.737357,100.495372)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/312"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร","creator":"","description":"ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตัวอย่างของอาคารแบบตะวันตกที่สร้างขึ้นในจังหวัดปราจีนบุรีโดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) มีรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับศิลปะแบบ French Baroque ผสมผสานกับลวดลายปูนปั้นที่เลียนแบบศิลปะแบบ Rococo สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2452 โดยมีรูปแบบคล้ายคลึงกับตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่สร้างขึ้นก่อนในเมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา อาคารนี้เป็นที่ระลึกถึงความจงรักภักดีของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เจ้าเมืองพระตะบองในขณะนั้น ที่อพยพผู้คนจากเมืองพระตะบองเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารและตั้งถิ่นฐานในจังหวัดปราจีนบุรีในคราวที่สยามจำต้องสูญเสียดินแดนพระตะบองเพื่อแลกกับจันทบุรีและตราดภายหลังจากวิกฤตการณ์ ร.ศ.112
","provenance":"ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตัวอย่างของอาคารแบบตะวันตกที่สร้างขึ้นในจังหวัดปราจีนบุรีโดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) มีรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับศิลปะแบบ French Baroque ผสมผสานกับลวดลายปูนปั้นที่เลียนแบบศิลปะแบบ Rococo สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2452 โดยมีรูปแบบคล้ายคลึงกับตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่สร้างขึ้นก่อนในเมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา อาคารนี้เป็นที่ระลึกถึงความจงรักภักดีของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เจ้าเมืองพระตะบองในขณะนั้น ที่อพยพผู้คนจากเมืองพระตะบองเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารและตั้งถิ่นฐานในจังหวัดปราจีนบุรีในคราวที่สยามจำต้องสูญเสียดินแดนพระตะบองเพื่อแลกกับจันทบุรีและตราดภายหลังจากวิกฤตการณ์ ร.ศ.112
","subject":"ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร, โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี, ตึก","spatial":"ปราจีนบุรี (14.054168,101.394827)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/313"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หลักเมืองกรุงเทพฯ","creator":"","description":"เสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ต้นแรกสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 1 โดยมีพิธียกเสาหลักเมืองเมื่อวันอาทิตย์ เดือนหก ขึ้นสิบค่ำ ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 และได้บรรจุดวงชะตาพระนครไว้ภายใน เสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 4 เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.2395 เนื่องจากเสาเดิมชำรุด โดยมีพิธีผูกดวงชะตาเมืองขึ้นใหม่แล้วจารึกในแผ่นทองคำบรรจุไว้ภายในเสา และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างรูปเทวดาประดิษฐานที่ยอดเสา
","provenance":"เสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ต้นแรกสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 1 โดยมีพิธียกเสาหลักเมืองเมื่อวันอาทิตย์ เดือนหก ขึ้นสิบค่ำ ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 และได้บรรจุดวงชะตาพระนครไว้ภายใน เสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 4 เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.2395 เนื่องจากเสาเดิมชำรุด โดยมีพิธีผูกดวงชะตาเมืองขึ้นใหม่แล้วจารึกในแผ่นทองคำบรรจุไว้ภายในเสา และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างรูปเทวดาประดิษฐานที่ยอดเสา
","subject":"ศาลหลักเมือง, หลักเมืองกรุงเทพ, เสาหลักเมือง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.752555,100.494021)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/314"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เทพารักษ์สำหรับพระนคร","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แต่เดิมศาลเทพารักษ์เหล่านี้เป็นอาคารเครื่องไม้ โดยศาลพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระกาฬไชยศรี อยู่ในบริเวณพื้นที่ระหว่างหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามกับคลองคูเมืองเดิม ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรมการรักษาดินแดนในปัจจุบัน ใกล้กันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเจตคุปต์หรือเจตคุกซึ่งอยู่ที่หน้าคุกของกรมพระนครบาล และศาลเจ้าหอกลองอยู่ที่หน้าหอกลองประจำเมือง
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ปรับปรุงศาลเหล่านี้ให้เป็นอาคารยอดปรางค์ตามแบบอย่างศาลพระกาฬที่พระนครศรีอยุธยา ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เชิญเทพารักษ์ทั้งหมดมาประดิษฐานรวมกันไว้ในบริเวณศาลหลักเมือง
ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานเทพารักษ์ทั้ง 5 องค์โดยจัดให้พระเสื้อเมืองและพระทรงเมืองอยู่บนแท่นฐานชั้นบน และชั้นล่างประดิษฐานเจ้าหอกลอง พระกาฬไชยศรี และเจ้าเจตคุปต์ตามลำดับ","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แต่เดิมศาลเทพารักษ์เหล่านี้เป็นอาคารเครื่องไม้ โดยศาลพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระกาฬไชยศรี อยู่ในบริเวณพื้นที่ระหว่างหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามกับคลองคูเมืองเดิม ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรมการรักษาดินแดนในปัจจุบัน ใกล้กันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเจตคุปต์หรือเจตคุกซึ่งอยู่ที่หน้าคุกของกรมพระนครบาล และศาลเจ้าหอกลองอยู่ที่หน้าหอกลองประจำเมือง
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ปรับปรุงศาลเหล่านี้ให้เป็นอาคารยอดปรางค์ตามแบบอย่างศาลพระกาฬที่พระนครศรีอยุธยา ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เชิญเทพารักษ์ทั้งหมดมาประดิษฐานรวมกันไว้ในบริเวณศาลหลักเมือง
ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานเทพารักษ์ทั้ง 5 องค์โดยจัดให้พระเสื้อเมืองและพระทรงเมืองอยู่บนแท่นฐานชั้นบน และชั้นล่างประดิษฐานเจ้าหอกลอง พระกาฬไชยศรี และเจ้าเจตคุปต์ตามลำดับ","subject":"ศาลหลักเมือง, ศาลเทพารักษ์, เทพารักษ์สำหรับพระนคร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.752552,100.494237)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/315"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องอสุภกรรมฐาน","creator":"","description":"พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ระบุว่าเป็นวัดที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ เพื่ออุทิศพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระมเหสีที่สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ.2395 โดยพระอุโบสถสร้างสำเร็จประมาณ พ.ศ. 2400 แม้ไม่มีหลักฐานระบุระยะเวลาในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถอย่างแน่ชัด แต่เชื่อว่าน่าจะใกล้เคียงกับปีที่พระอุโบสถสร้างเสร็จซึ่งอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 4
","provenance":"พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ระบุว่าเป็นวัดที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ เพื่ออุทิศพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระมเหสีที่สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ.2395 โดยพระอุโบสถสร้างสำเร็จประมาณ พ.ศ. 2400 แม้ไม่มีหลักฐานระบุระยะเวลาในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถอย่างแน่ชัด แต่เชื่อว่าน่าจะใกล้เคียงกับปีที่พระอุโบสถสร้างเสร็จซึ่งอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 4
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, วัดโสมนัส, วัดโสมนัสวิหาร, รัชกาลที่ 4, จริยวัตรสงฆ์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.760268,100.510206)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/316"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องพระราชประวัติรัชกาลที่ 5","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้รื้อพระที่นั่งทรงผนวชมาจากพระพุทธรัตนสถานในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเคยเป็นที่ประทับเมื่อทรงผนวชมาสร้างเป็นหมู่กุฏิเจ้าอาวาสที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามและโปรดเกล้าฯให้เขียนภาพพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค์ มีผู้สันนิษฐานว่าหม่อมเจ้าจันทร์ ดารากร เป็นช่างหลวงผู้เขียนภาพเหล่านี้
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้รื้อพระที่นั่งทรงผนวชมาจากพระพุทธรัตนสถานในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเคยเป็นที่ประทับเมื่อทรงผนวชมาสร้างเป็นหมู่กุฏิเจ้าอาวาสที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามและโปรดเกล้าฯให้เขียนภาพพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค์ มีผู้สันนิษฐานว่าหม่อมเจ้าจันทร์ ดารากร เป็นช่างหลวงผู้เขียนภาพเหล่านี้
","subject":"วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม, จิตรกรรมฝาผนัง, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, รัชกาลที่ 5","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.766,100.514002)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/317"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระพุทธวชิรญาณ ","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ตามพระราชดำริในรัชกาลที่ 4 โดยมีหลักฐานในประกาศพระราชพิธีสมภาคาภิเศก รัชกาลที่ 4 เท่ารัชกาลที่ 4 หรือพระราชพิธีทรงครองสิริราชสมบัติของรัชกาลที่ 5 เสมอด้วยรัชกาลที่ 4 มีความว่า “...อนึ่งในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังเสด็จดำรงอยู่ ได้มีพระบรมราชโองการทรงกะไว้ว่า วิหารเก๋งในวัดบวรนิเวศน์ควรจะเปนที่ไว้พระรูปท่านผู้เปนปธานาธิบดี ในพระอารามวัดบวรนิเวศน์...”
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ตามพระราชดำริในรัชกาลที่ 4 โดยมีหลักฐานในประกาศพระราชพิธีสมภาคาภิเศก รัชกาลที่ 4 เท่ารัชกาลที่ 4 หรือพระราชพิธีทรงครองสิริราชสมบัติของรัชกาลที่ 5 เสมอด้วยรัชกาลที่ 4 มีความว่า “...อนึ่งในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังเสด็จดำรงอยู่ ได้มีพระบรมราชโองการทรงกะไว้ว่า วิหารเก๋งในวัดบวรนิเวศน์ควรจะเปนที่ไว้พระรูปท่านผู้เปนปธานาธิบดี ในพระอารามวัดบวรนิเวศน์...”
","subject":"วัดบวรฯ บางลำพู, วัดบวรนิเวศวิหาร, พระพุทธรูป, วัดบวร, รัชกาลที่ 4, พระพุทธวชิรญาณ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.760163,100.499757)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/318"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติและเทพชุมนุม","creator":"","description":"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์เป็นพระที่นั่งองค์หนึ่งในพระราชวังบวรสถานมงคลหรือวังหน้า สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2338 โดยสมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เดิมใช้สำหรับประกอบพระราชพิธีต่างๆ ต่อมาเมื่อมีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมาจากเมืองเหนือจึงได้เปลี่ยนแปลงพระที่นั่งให้เป็นหอพระ พระราชทานนามว่า พระที่นั่งสุทธาสวรรย์
","provenance":"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์เป็นพระที่นั่งองค์หนึ่งในพระราชวังบวรสถานมงคลหรือวังหน้า สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2338 โดยสมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เดิมใช้สำหรับประกอบพระราชพิธีต่างๆ ต่อมาเมื่อมีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมาจากเมืองเหนือจึงได้เปลี่ยนแปลงพระที่นั่งให้เป็นหอพระ พระราชทานนามว่า พระที่นั่งสุทธาสวรรย์
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระที่นั่งพุทไธสวรรย์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.757913,100.492054)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/319"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องพระพุทธสิหิงค์ ","creator":"","description":"รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับมาประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ วัดบวรสถานสุทธาวาส และโปรดเกล้าฯ ให้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องตำนานพระพุทธสิหิงค์และพระอดีตพุทธเจ้า แต่เมื่อสิ้นรัชกาลก็มิได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐานในพระอุโบสถ โดยยังคงประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ในพระราชวังบวรสถานมงคลตราบจนปัจจุบัน จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือช่างในช่วงรัชกาลที่ 3-4 โดยพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ต้นราชสกุลอิศรศักดิ์ พระราชโอรสของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่กองควบคุมการเขียนภาพ โดยมีภาพเขียนของครูช่างที่สำคัญ เช่น พระอาจารย์แดงวัดหงส์รัตนาราม เขียนภาพชนช้างที่ห้องด้านมุขตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น
","provenance":"รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับมาประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ วัดบวรสถานสุทธาวาส และโปรดเกล้าฯ ให้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องตำนานพระพุทธสิหิงค์และพระอดีตพุทธเจ้า แต่เมื่อสิ้นรัชกาลก็มิได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐานในพระอุโบสถ โดยยังคงประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ในพระราชวังบวรสถานมงคลตราบจนปัจจุบัน จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือช่างในช่วงรัชกาลที่ 3-4 โดยพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ต้นราชสกุลอิศรศักดิ์ พระราชโอรสของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่กองควบคุมการเขียนภาพ โดยมีภาพเขียนของครูช่างที่สำคัญ เช่น พระอาจารย์แดงวัดหงส์รัตนาราม เขียนภาพชนช้างที่ห้องด้านมุขตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, พระพุทธสิหิงค์, วัดบวรสถานสุทธาวาส, วัดพระแก้ววังหน้า","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.759543,100.491553)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/321"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดบวรสถานสุทธาวาส","creator":"","description":"เดิมที่ตั้งของวัดเป็นอุทยานในที่ประทับของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ 1 แต่ได้ทรงอุทิศพื้นที่สร้างเป็นวัด ต่อในสมัยรัชกาลที่ 2 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ได้รื้อวัดทำเป็นสวนกระต่าย ต่อมาสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างวัดบวรสถานสุทธาวาสเป็นพุทธบูชาแต่ยังไม่แล้วเสร็จก็ทิวงคต พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้ดำเนินการสร้างต่อมาแต่ก็เสด็จสวรรคตเช่นกัน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการต่อจนเรียบร้อยและมีพระราชดำริให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส เนื่องจากแต่เดิมพระพุทธสิหิงค์เคยประดิษฐานในพระบวรราชวังหรือวังหน้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 แต่เมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททิวงคต ก็ได้ย้ายพระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในการนี้จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เขียนภาพเรื่องตำนานพระพุทธสิหิงค์ไว้ภายในพระอุโบสถด้วย
","provenance":"เดิมที่ตั้งของวัดเป็นอุทยานในที่ประทับของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ 1 แต่ได้ทรงอุทิศพื้นที่สร้างเป็นวัด ต่อในสมัยรัชกาลที่ 2 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ได้รื้อวัดทำเป็นสวนกระต่าย ต่อมาสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างวัดบวรสถานสุทธาวาสเป็นพุทธบูชาแต่ยังไม่แล้วเสร็จก็ทิวงคต พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้ดำเนินการสร้างต่อมาแต่ก็เสด็จสวรรคตเช่นกัน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการต่อจนเรียบร้อยและมีพระราชดำริให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส เนื่องจากแต่เดิมพระพุทธสิหิงค์เคยประดิษฐานในพระบวรราชวังหรือวังหน้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 แต่เมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททิวงคต ก็ได้ย้ายพระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในการนี้จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เขียนภาพเรื่องตำนานพระพุทธสิหิงค์ไว้ภายในพระอุโบสถด้วย
","subject":"วัดบวรสถานสุทธาวาส, วัดพระแก้ววังหน้า, วิทยาลัยนาฏศิลป์ กรุงเทพฯ, สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.759543,100.491553)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/322"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ","creator":"","description":"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท วังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ.2338 เดิมมีนามว่าพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เพื่อใช้ประกอบพระราชพิธีต่างๆ ต่อมาเมื่อเสด็จไปราชการทัพศึกพม่าครั้งที่ 3 พระยาเชียงใหม่ได้ถวายพระพุทธสิหิงค์ จึงได้อัญเชิญลงมาแล้วทรงอุทิศพระที่นั่งองค์นี้ให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์
จนกระทั่งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ วังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 3 จึงได้ทรงปฏิสังขรณ์และเปลี่ยนนามพระที่นั่งเป็นพระที่นั่งพุทไธสวรรย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์ไว้ว่า การปฏิสังขรณ์ในครั้งนั้นเป็นที่น่าชม เนื่องจากรักษาศิลปกรรมของเดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ซ่อมแซมเฉพาะที่ชำรุดเท่านั้น จึงทำให้ศิลปกรรมอันทรงคุณค่าแต่โบราณยังคงสืบมาจนทุกวันนี้ และได้ทรงวินิจฉัยว่าการเปลี่ยนนาม \"พระที่นั่งสุทธาสวรรย์\" เป็น \"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์\" อาจจะด้วยเหตุผล 3 ประการ ได้แก่
1.เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ ขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งมีชื่อที่ใกล้เคียงกับพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ดังนั้น สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพจึงทรงเปลี่ยนนามพระที่นั่งเพื่อให้แตกต่างไป
2. ทรงเปลี่ยนชื่อพระที่นั่งเป็น \"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์\" เพื่อให้ชื่อคล้องจองกันกับพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยที่ทรงสร้างขึ้นใหม่
3. อาจเป็นพระราชดำริให้พระที่นั่งสุทธาสวรรย์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดังที่เคยเป็น จึงเปลี่ยนนามพระที่นั่งใหม่เป็น \"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์\"","provenance":"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท วังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ.2338 เดิมมีนามว่าพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เพื่อใช้ประกอบพระราชพิธีต่างๆ ต่อมาเมื่อเสด็จไปราชการทัพศึกพม่าครั้งที่ 3 พระยาเชียงใหม่ได้ถวายพระพุทธสิหิงค์ จึงได้อัญเชิญลงมาแล้วทรงอุทิศพระที่นั่งองค์นี้ให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์
จนกระทั่งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ วังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 3 จึงได้ทรงปฏิสังขรณ์และเปลี่ยนนามพระที่นั่งเป็นพระที่นั่งพุทไธสวรรย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์ไว้ว่า การปฏิสังขรณ์ในครั้งนั้นเป็นที่น่าชม เนื่องจากรักษาศิลปกรรมของเดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ซ่อมแซมเฉพาะที่ชำรุดเท่านั้น จึงทำให้ศิลปกรรมอันทรงคุณค่าแต่โบราณยังคงสืบมาจนทุกวันนี้ และได้ทรงวินิจฉัยว่าการเปลี่ยนนาม \"พระที่นั่งสุทธาสวรรย์\" เป็น \"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์\" อาจจะด้วยเหตุผล 3 ประการ ได้แก่
1.เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ ขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งมีชื่อที่ใกล้เคียงกับพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ดังนั้น สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพจึงทรงเปลี่ยนนามพระที่นั่งเพื่อให้แตกต่างไป
2. ทรงเปลี่ยนชื่อพระที่นั่งเป็น \"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์\" เพื่อให้ชื่อคล้องจองกันกับพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยที่ทรงสร้างขึ้นใหม่
3. อาจเป็นพระราชดำริให้พระที่นั่งสุทธาสวรรย์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดังที่เคยเป็น จึงเปลี่ยนนามพระที่นั่งใหม่เป็น \"พระที่นั่งพุทไธสวรรย์\"","subject":"พระที่นั่ง, วังหน้า, พระที่นั่งพุทไธสวรรย์, พระราชวังบวรสถานมงคล","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.757913,100.492054)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/324"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เสาชิงช้า","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2327
สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2327
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2325 รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสุดารักษ์ เดิมเป็นหมู่พระตำหนักตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง คู่กันกับพระตำหนักเขียวซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระเทพสุดาวดี ในlสมัยรัชกาลที่ 4 หลังจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จบวรราชาภิเษกแล้ว จึงโปรดให้ย้ายพระตำหนักแดงมาปลูกรักษาไว้ในพระราชวังบวรสถานมงคล ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่พระวิมาน
","provenance":"สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2325 รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสุดารักษ์ เดิมเป็นหมู่พระตำหนักตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง คู่กันกับพระตำหนักเขียวซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระเทพสุดาวดี ในlสมัยรัชกาลที่ 4 หลังจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จบวรราชาภิเษกแล้ว จึงโปรดให้ย้ายพระตำหนักแดงมาปลูกรักษาไว้ในพระราชวังบวรสถานมงคล ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่พระวิมาน
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, วังหน้า, พระราชวังบวรสถานมงคล, พระตำหนักแดง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.757707,100.491819)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/326"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอไตร วัดระฆังโฆสิตาราม","creator":"","description":"หอไตรวัดระฆังโฆสิตารามเป็นที่ประทับเดิมของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชตั้งแต่ยังทรงรับราชการในตำแหน่งพระราชวรินทร์ในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งได้ทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะอุทิศตำหนักถวายเป็นศาสนสมบัติ จึงโปรดให้รื้อตำหนักเดิมมาปลูกไว้ที่หลังพระอุโบสถ วัดบางหว้าใหญ่ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2331 หลังจากเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการสังคายนาพระไตรปิฎก จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้รื้อตำหนักจากหลังพระอุโบสถมาสร้างเป็นหอพระไตรปิฎกในสระที่ขุดขึ้นใหม่ โดยปลูกเป็นเรือนไม้แฝด 3 หลัง ประกอบด้วย หอกลาง หอนั่งซึ่งอยู่ทางซ้าย และหอนอนซึ่งอยู่ทางขวา และโปรดเกล้าฯ ให้ปลูกต้นจันทน์จำนวน 8 ต้น จึงเรียกตำหนักนี้ว่า ตำหนักจันทน์
","provenance":"หอไตรวัดระฆังโฆสิตารามเป็นที่ประทับเดิมของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชตั้งแต่ยังทรงรับราชการในตำแหน่งพระราชวรินทร์ในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งได้ทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะอุทิศตำหนักถวายเป็นศาสนสมบัติ จึงโปรดให้รื้อตำหนักเดิมมาปลูกไว้ที่หลังพระอุโบสถ วัดบางหว้าใหญ่ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2331 หลังจากเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการสังคายนาพระไตรปิฎก จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้รื้อตำหนักจากหลังพระอุโบสถมาสร้างเป็นหอพระไตรปิฎกในสระที่ขุดขึ้นใหม่ โดยปลูกเป็นเรือนไม้แฝด 3 หลัง ประกอบด้วย หอกลาง หอนั่งซึ่งอยู่ทางซ้าย และหอนอนซึ่งอยู่ทางขวา และโปรดเกล้าฯ ให้ปลูกต้นจันทน์จำนวน 8 ต้น จึงเรียกตำหนักนี้ว่า ตำหนักจันทน์
","subject":"วัดระฆัง, วัดระฆังโฆสิตาราม, หอไตรวัดระฆัง, หอไตร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.752396,100.485216)","temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/327"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมฝาผนัง หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม","creator":"","description":"หอไตรวัดระฆังโฆสิตารามเป็นที่ประทับเดิมของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชตั้งแต่ยังทรงรับราชการในตำแหน่งพระราชวรินทร์ในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งได้ทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะอุทิศตำหนักถวายเป็นศาสนสมบัติ จึงโปรดให้รื้อตำหนักเดิมมาปลูกไว้ที่หลังพระอุโบสถ วัดบางหว้าใหญ่ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2331 หลังจากเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการสังคายนาพระไตรปิฎก จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้รื้อตำหนักจากหลังพระอุโบสถมาสร้างเป็นหอพระไตรปิฎกในสระที่ขุดขึ้นใหม่ โดยปลูกเป็นเรือนไม้แฝด 3 หลัง ประกอบด้วย หอกลาง หอนั่งซึ่งอยู่ทางซ้าย และหอนอนซึ่งอยู่ทางขวา งานจิตรกรรมฝาผนังคงเขียนขึ้นภายหลังจากที่ปลูกเรือนเสร็จ
","provenance":"หอไตรวัดระฆังโฆสิตารามเป็นที่ประทับเดิมของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชตั้งแต่ยังทรงรับราชการในตำแหน่งพระราชวรินทร์ในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งได้ทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะอุทิศตำหนักถวายเป็นศาสนสมบัติ จึงโปรดให้รื้อตำหนักเดิมมาปลูกไว้ที่หลังพระอุโบสถ วัดบางหว้าใหญ่ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2331 หลังจากเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการสังคายนาพระไตรปิฎก จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้รื้อตำหนักจากหลังพระอุโบสถมาสร้างเป็นหอพระไตรปิฎกในสระที่ขุดขึ้นใหม่ โดยปลูกเป็นเรือนไม้แฝด 3 หลัง ประกอบด้วย หอกลาง หอนั่งซึ่งอยู่ทางซ้าย และหอนอนซึ่งอยู่ทางขวา งานจิตรกรรมฝาผนังคงเขียนขึ้นภายหลังจากที่ปลูกเรือนเสร็จ
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, วัดระฆัง, วัดระฆังโฆสิตาราม, หอไตรวัดระฆัง, รามเกียรติ์, หอไตร","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.752396,100.485216)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/328"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม","creator":"","description":"สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.2377 โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทักษเทเวศร เป็นผู้สร้างพระอุโบสถและระเบียงล้อมรอบวิหาร
","provenance":"สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.2377 โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทักษเทเวศร เป็นผู้สร้างพระอุโบสถและระเบียงล้อมรอบวิหาร
","subject":"วัดสุทัศนเทพวราราม, พระอุโบสถ, วัดสุทัศน์, พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม, รัชกาลที่ 3","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.750277,100.500999)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/329"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปท่ามกลางพระอสีติมหาสาวก","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปท่ามกลางพระอสีติมหาสาวก 80 องค์ ประดิษฐานที่ด้านหน้าพระพุทธตรีโลกเชษฐ์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ แทนที่พระศรีศาสดาที่ทรงอัญเชิญย้ายไปประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหาร
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปท่ามกลางพระอสีติมหาสาวก 80 องค์ ประดิษฐานที่ด้านหน้าพระพุทธตรีโลกเชษฐ์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ แทนที่พระศรีศาสดาที่ทรงอัญเชิญย้ายไปประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหาร
","subject":"วัดสุทัศนเทพวราราม, พระพุทธรูป, วัดสุทัศน์, พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม, พระสาวก","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.750277,100.500999)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/330"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สัตตมหาสถาน ","creator":"","description":"รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างสัตตมหาสถานแทนพระธาตุเจดีย์โดยปรากฏหลักฐานในหมายรับสั่งเรื่องหมายกำหนดการเกณฑ์แห่พระพุทธรูปไปประดิษฐานยังวัดสุทัศนเทพวรารามเมื่อ พ.ศ.2389 โดยในหนังสือประวัติวัดได้กล่าวถึงการสร้างในครั้งนั้นว่า โปรดเกล้าฯให้สร้างสัตตมหาสถานเจดีย์ 7 สถาน ก่อเป็นแท่นด้วยอิฐประดับด้วยศิลาแกะสลัก สัตตมหาสถานนี้ปลูกต้นไม้โพธิ์ ไม้จิก ไม้เกต และรูปเรือนแก้วเป็นรูปเก๋งจีนทำด้วยศิลาล้วน กับทรงสร้างพระพุทธรูปประทับในสัตตมหาสถานหล่อด้วยทองแดงขัดเกลี้ยง ปางมารวิชัย1 ปางถวายเนตรประสานพระหัตถ์ที่พระเพลา1 ปรงจงกรมแก้วพระศิลา1 ปางทรงพิจารณาธรรมนั่งสมาธิ1 ปางทรงประทับใต้ต้นไม้ไทร1 ปางนาคปรก1 ปางทรงรับผลสมอ1 บาตรข้าวสัตตุ นั่งสมาธิใต้ต้นไทร
","provenance":"รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างสัตตมหาสถานแทนพระธาตุเจดีย์โดยปรากฏหลักฐานในหมายรับสั่งเรื่องหมายกำหนดการเกณฑ์แห่พระพุทธรูปไปประดิษฐานยังวัดสุทัศนเทพวรารามเมื่อ พ.ศ.2389 โดยในหนังสือประวัติวัดได้กล่าวถึงการสร้างในครั้งนั้นว่า โปรดเกล้าฯให้สร้างสัตตมหาสถานเจดีย์ 7 สถาน ก่อเป็นแท่นด้วยอิฐประดับด้วยศิลาแกะสลัก สัตตมหาสถานนี้ปลูกต้นไม้โพธิ์ ไม้จิก ไม้เกต และรูปเรือนแก้วเป็นรูปเก๋งจีนทำด้วยศิลาล้วน กับทรงสร้างพระพุทธรูปประทับในสัตตมหาสถานหล่อด้วยทองแดงขัดเกลี้ยง ปางมารวิชัย1 ปางถวายเนตรประสานพระหัตถ์ที่พระเพลา1 ปรงจงกรมแก้วพระศิลา1 ปางทรงพิจารณาธรรมนั่งสมาธิ1 ปางทรงประทับใต้ต้นไม้ไทร1 ปางนาคปรก1 ปางทรงรับผลสมอ1 บาตรข้าวสัตตุ นั่งสมาธิใต้ต้นไทร
","subject":"วัดสุทัศนเทพวราราม, วัดสุทัศน์, สัตตมหาสถาน","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.750921,100.501607)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/331"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปแสดงพุทธกิจวัตรประจำวัน","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3
","subject":"วัดสุทัศนเทพวราราม, พระพุทธรูป, วัดสุทัศน์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751234,100.501228)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/332"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2327 เดิมเรียกว่า \"พลับพลาสูง\" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อและสร้างใหม่เป็นพระมหาปราสาท พระราชทานนามว่า \"พระที่นั่งสุทไธสวรรย์\" ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใน พ.ศ.2396 และพระราชทานนามใหม่ว่า \"พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท\" และโปรดเกล้าฯ ให้นับเป็นพระที่นั่งในหมู่พระอภิเนาว์นิเวศน์ที่ทรงสร้างเป็นพระราชฐานที่ประทับแห่งใหม่ในพระบรมมหาราชวังแทนหมู่พระมหามณเฑียรพระเฉลียงไม้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2492 ในรัชกาลปัจจุบันเพื่อเป็นสีหบัญชรสำหรับเสด็จออกให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2327 เดิมเรียกว่า \"พลับพลาสูง\" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อและสร้างใหม่เป็นพระมหาปราสาท พระราชทานนามว่า \"พระที่นั่งสุทไธสวรรย์\" ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใน พ.ศ.2396 และพระราชทานนามใหม่ว่า \"พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท\" และโปรดเกล้าฯ ให้นับเป็นพระที่นั่งในหมู่พระอภิเนาว์นิเวศน์ที่ทรงสร้างเป็นพระราชฐานที่ประทับแห่งใหม่ในพระบรมมหาราชวังแทนหมู่พระมหามณเฑียรพระเฉลียงไม้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2492 ในรัชกาลปัจจุบันเพื่อเป็นสีหบัญชรสำหรับเสด็จออกให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
","subject":"พระบรมมหาราชวัง, วังหลวง, พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749333,100.493821)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/333"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ป้อมพระสุเมรุ ","creator":"","description":"ป้อมพระสุเมรสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อ พ.ศ. 2326 เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันพระนครซึ่งได้สร้างขึ้นทั้งหมดจำนวน 14 ป้อม แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงป้อมพระสุเมรุและป้อมมหากาฬ รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดให้สร้างวังเจ้านายไว้ที่บริเวณริมป้อมที่สำคัญ สำหรับป้อมพระสุเมรุมีวังริมป้อมเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา เพื่อให้มีหน้าที่รักษาพระนครทางด้านปากคลองบางลำพูบน ซึ่งเป็นมุมพระนครด้านเหนือ และวังริมป้อมจักรเพชรเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ เพื่อรักษามุมพระนครด้านใต้
","provenance":"ป้อมพระสุเมรสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อ พ.ศ. 2326 เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันพระนครซึ่งได้สร้างขึ้นทั้งหมดจำนวน 14 ป้อม แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงป้อมพระสุเมรุและป้อมมหากาฬ รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดให้สร้างวังเจ้านายไว้ที่บริเวณริมป้อมที่สำคัญ สำหรับป้อมพระสุเมรุมีวังริมป้อมเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา เพื่อให้มีหน้าที่รักษาพระนครทางด้านปากคลองบางลำพูบน ซึ่งเป็นมุมพระนครด้านเหนือ และวังริมป้อมจักรเพชรเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ เพื่อรักษามุมพระนครด้านใต้
","subject":"ป้อมพระสุเมร, ถนนพระอาทิตย์, ป้อมมหากาฬ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.763988,100.495756)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/334"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ปราสาทนครวัดจำลอง","creator":"","description":"เมื่อ พ.ศ.2410 รัชกาลที่ 4 ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระสามภพพ่ายเดินทางไปถ่ายแบบเพื่อจำลองปราสาทนครวัดในกัมพูชามาไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ รวมทั้งเหตุผลตามพระราชประสงค์ที่ทรงต้องการให้จำลองปราสาทนครวัดไว้ว่า
“...แลเมื่อ ณ เดือน 3 แรม 13 ค่ำ ปีขาล อัฐศก โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระสามภพพ่ายเดินทางไปถ่ายแบบปราสาทที่พระนครวัด จะจำลองทำขึ้นไว้ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อจะให้คนทั้งหลายเห็นว่าเป็นของอัศจรรย์ ทำด้วยศิลาทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งไรปน พระสามภพพ่ายกลับมาถึงกรุงเทพมหานคร ณ เดือน 7 ขึ้น 9 ค่ำ กราบทูลว่าได้ถ่ายแบบเขียนรูปปราสาทแลพระระเบียงเข้ามา...”
ในครั้งนั้นพระสามภพพ่ายผู้ไปถ่ายแบบปราสาทนครวัดได้บรรยายองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมจากการเดินทางไปสำรวจไว้อย่างละเอียดดังปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 แต่การสร้างปราสาทนครวัดจำลองมาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อคราวฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี เมื่อ พ.ศ.2425 จำลองแบบโดยหม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย ผู้กำกับกรมช่างศิลาและช่างสิบหมู่","provenance":"เมื่อ พ.ศ.2410 รัชกาลที่ 4 ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระสามภพพ่ายเดินทางไปถ่ายแบบเพื่อจำลองปราสาทนครวัดในกัมพูชามาไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ รวมทั้งเหตุผลตามพระราชประสงค์ที่ทรงต้องการให้จำลองปราสาทนครวัดไว้ว่า
“...แลเมื่อ ณ เดือน 3 แรม 13 ค่ำ ปีขาล อัฐศก โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระสามภพพ่ายเดินทางไปถ่ายแบบปราสาทที่พระนครวัด จะจำลองทำขึ้นไว้ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อจะให้คนทั้งหลายเห็นว่าเป็นของอัศจรรย์ ทำด้วยศิลาทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งไรปน พระสามภพพ่ายกลับมาถึงกรุงเทพมหานคร ณ เดือน 7 ขึ้น 9 ค่ำ กราบทูลว่าได้ถ่ายแบบเขียนรูปปราสาทแลพระระเบียงเข้ามา...”
ในครั้งนั้นพระสามภพพ่ายผู้ไปถ่ายแบบปราสาทนครวัดได้บรรยายองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมจากการเดินทางไปสำรวจไว้อย่างละเอียดดังปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 แต่การสร้างปราสาทนครวัดจำลองมาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อคราวฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี เมื่อ พ.ศ.2425 จำลองแบบโดยหม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย ผู้กำกับกรมช่างศิลาและช่างสิบหมู่","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, ปราสาทนครวัดจำลอง","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751735,100.492377)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/335"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ยักษ์วัดพระแก้ว","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 จำนวน 4 คู่ และสร้างเพิ่มเติมในสมัยรัชกาลที่ 5 อีก 2 คู่ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงสันนิษฐานว่า “…ยักษ์วัดพระแก้วนั้น คงทำขึ้นในรัชกาลที่ 3 เป็นประเดิมเพราะจำได้ว่า คู่ทศกัณฐ์-สหัสเดชะนั้นเป็นฝีมือหลวงเทพรจนา(กัน) คือมือที่ปั้นยักษ์วัดอรุณฯ สันนิษฐานว่า เพราะเวลานั้น มีช่างฝีมือดี ๆ จึงได้ทำขึ้นไว้ เพราะทำแกนด้วยไม้ ครั้นไม้ผุก็ล้มซวนทลายไปบ้าง ถึงเมื่อซ่อมคราว 100 ปี จึงกลับเกณฑ์กันขึ้นใหม่ นับว่าเป็นการสมควรอยู่ เพราะเวลานั้นช่างปั้นอันมีฝีมือพอดูได้ยังมีอยู่บ้าง…”
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 จำนวน 4 คู่ และสร้างเพิ่มเติมในสมัยรัชกาลที่ 5 อีก 2 คู่ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงสันนิษฐานว่า “…ยักษ์วัดพระแก้วนั้น คงทำขึ้นในรัชกาลที่ 3 เป็นประเดิมเพราะจำได้ว่า คู่ทศกัณฐ์-สหัสเดชะนั้นเป็นฝีมือหลวงเทพรจนา(กัน) คือมือที่ปั้นยักษ์วัดอรุณฯ สันนิษฐานว่า เพราะเวลานั้น มีช่างฝีมือดี ๆ จึงได้ทำขึ้นไว้ เพราะทำแกนด้วยไม้ ครั้นไม้ผุก็ล้มซวนทลายไปบ้าง ถึงเมื่อซ่อมคราว 100 ปี จึงกลับเกณฑ์กันขึ้นใหม่ นับว่าเป็นการสมควรอยู่ เพราะเวลานั้นช่างปั้นอันมีฝีมือพอดูได้ยังมีอยู่บ้าง…”
","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, ยักษ์ทวารบาล, ยักษ์วัดพระแก้ว, ยักษ์วัดโพธิ์","spatial":null,"temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/336"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์","creator":"","description":"กล่าวกันว่าจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์เขียนขึ้นตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเมื่อแรกสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อย่างไรก็ตาม ได้รับการเขียนซ่อมแซมเพิ่มเติมต่อมาในอีกหลายรัชกาล
","provenance":"กล่าวกันว่าจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์เขียนขึ้นตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเมื่อแรกสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อย่างไรก็ตาม ได้รับการเขียนซ่อมแซมเพิ่มเติมต่อมาในอีกหลายรัชกาล
","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, จิตรกรรมฝาผนัง, พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, รามเกียรติ์, จิตรกรรม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751874,100.493085)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/337"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2325
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2325
","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, วัดพระศรีสรรเพชญ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.751359,100.492564)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/338"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระบรมราชสัญลักษณ์ประจำรัชกาล ","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างบุษบกประดิษฐานพระบรมราชสัญลักษณ์รัชกาลที่ 1-5 ขึ้นเป็นเครื่องแสดงถึงพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 5 รัชกาล จึงได้ทรงสร้างพระบรมราชสัญลักษณ์ของพระองค์ไว้เป็นพุทธบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนพระบรมราชสัญลักษณ์รัชกาลที่ 6 - 9 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพิ่มขึ้นใหม่ในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อคราวฉลองสมโภชครบ 200 ปีรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2525
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างบุษบกประดิษฐานพระบรมราชสัญลักษณ์รัชกาลที่ 1-5 ขึ้นเป็นเครื่องแสดงถึงพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 5 รัชกาล จึงได้ทรงสร้างพระบรมราชสัญลักษณ์ของพระองค์ไว้เป็นพุทธบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนพระบรมราชสัญลักษณ์รัชกาลที่ 6 - 9 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพิ่มขึ้นใหม่ในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อคราวฉลองสมโภชครบ 200 ปีรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2525
","subject":"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระแก้ว, บุษบกตราแผ่นดิน, พระบรมราชสัญลักษณ์ประจำรัชกาล","spatial":null,"temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/339"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธไสยาส, พระพุทธไสยาสน์","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นปรากฏความในสำเนาจารึกแผ่นศิลาว่าด้วยการปฏิสังขรณ์ วัดพระเชตุพน จ.ศ.1393 พ.ศ.2374 ว่า “...แลที่ซึ่งขยายออกไปใหม่เหนือสวนขึ้นไปนั้น ทรงพระกรุณาให้ถาปนาพระพุทธไสยาศน์ขึ้นใหม่พระองค์หนึ่ง กำหนดโดยยาวแต่พระบาทถึงพระรัศมีได้เส้นหนึ่งกับสามวา แล้วก่อพระวิหารใหญ่สัณฐานเหมือนพระอุโบศถสรวมองค์พระพุทธเจ้า หลังคามุงกระเบื้องเครือบศรีขาบ...” และในสำเนาพระราชดำริ ทรงสร้างพระพุทธไสยาสวัดพระเชตุพน จ.ศ.1193 พ.ศ.2374 ว่า “...ทรงพระราชดำหริว่า พระพุทธปฏิมากรใหญ่ยังมิได้มีในพระมหานครนี้ จึ่งมีพระราชโองการมานพระบันทูลสุรสีหนาท ดำหรัสสั่งพญาศรีพิพัทธ์รัตนราชโกษาแลพญาเพ็ชพิไชย ให้เปนแม่การถาปนาพระมหาวิหารแลพระพุทธไสยาศน์ใหญ่ขึ้นไว้ในพระอารามนี้จะให้เปนที่สักการบูชาแก่เทพยดามานุษย์สรรพสัตวทั้งปวงทั่วสกลโลกธาตุ เปนมหากุศลโกษฐาษเจริญพระเกียรติยศ ปรากฏไปตราบเท่ากัลปวสาน ให้ลงรักปิดทองบันจุพระบรมสารีริกธาตุในพระอุตมังคศิโรตม์ แลพื้นฝ่าพระบาททั้งสองข้างนั้นให้ประดับมุกเปนพระลายลักษณกงจักรแลรูปอัษฐุตรสตะมหามงคลร้อยแปดประการ...”
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นปรากฏความในสำเนาจารึกแผ่นศิลาว่าด้วยการปฏิสังขรณ์ วัดพระเชตุพน จ.ศ.1393 พ.ศ.2374 ว่า “...แลที่ซึ่งขยายออกไปใหม่เหนือสวนขึ้นไปนั้น ทรงพระกรุณาให้ถาปนาพระพุทธไสยาศน์ขึ้นใหม่พระองค์หนึ่ง กำหนดโดยยาวแต่พระบาทถึงพระรัศมีได้เส้นหนึ่งกับสามวา แล้วก่อพระวิหารใหญ่สัณฐานเหมือนพระอุโบศถสรวมองค์พระพุทธเจ้า หลังคามุงกระเบื้องเครือบศรีขาบ...” และในสำเนาพระราชดำริ ทรงสร้างพระพุทธไสยาสวัดพระเชตุพน จ.ศ.1193 พ.ศ.2374 ว่า “...ทรงพระราชดำหริว่า พระพุทธปฏิมากรใหญ่ยังมิได้มีในพระมหานครนี้ จึ่งมีพระราชโองการมานพระบันทูลสุรสีหนาท ดำหรัสสั่งพญาศรีพิพัทธ์รัตนราชโกษาแลพญาเพ็ชพิไชย ให้เปนแม่การถาปนาพระมหาวิหารแลพระพุทธไสยาศน์ใหญ่ขึ้นไว้ในพระอารามนี้จะให้เปนที่สักการบูชาแก่เทพยดามานุษย์สรรพสัตวทั้งปวงทั่วสกลโลกธาตุ เปนมหากุศลโกษฐาษเจริญพระเกียรติยศ ปรากฏไปตราบเท่ากัลปวสาน ให้ลงรักปิดทองบันจุพระบรมสารีริกธาตุในพระอุตมังคศิโรตม์ แลพื้นฝ่าพระบาททั้งสองข้างนั้นให้ประดับมุกเปนพระลายลักษณกงจักรแลรูปอัษฐุตรสตะมหามงคลร้อยแปดประการ...”
","subject":"วัดโพธิ์, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, พระนอน, พระนอนวัดโพธิ์, พระพุทธไสยาสน์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.746478,100.491739)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/340"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถ วัดพระเชตุพนวิมลมังลาราม","creator":"","description":"พระอุโบสถสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 และขยายใหญ่ขึ้นดังที่เห็นในปัจจุบันเมื่อสมัยรัชกาลที่ 3
","provenance":"พระอุโบสถสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 และขยายใหญ่ขึ้นดังที่เห็นในปัจจุบันเมื่อสมัยรัชกาลที่ 3
","subject":"พระอุโบสถ, วัดโพธิ์, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, ท่าเตียน","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.746525,100.493305)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/341"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ","creator":"","description":"พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1
พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน และพระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3
พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินเข้ม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4","provenance":"พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1
พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน และพระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3
พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินเข้ม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4","subject":"วัดโพธิ์, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, ท่าเตียน, พระเจดีย์สี่รัชกาล","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.746213,100.492348)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/342"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระมหาพิชัยราชรถ","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อการพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ในพ.ศ.2338 โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นราชรถใหญ่ตามโบราณราชประเพณีที่เคยมีในกรุงศรีอยุธยา ต่อมาใน พ.ศ.2342 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี สิ้นพระชนม์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระโกศทรงบนพระมหาพิชัยราชรถด้วย
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อการพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ในพ.ศ.2338 โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นราชรถใหญ่ตามโบราณราชประเพณีที่เคยมีในกรุงศรีอยุธยา ต่อมาใน พ.ศ.2342 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี สิ้นพระชนม์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระโกศทรงบนพระมหาพิชัยราชรถด้วย
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, วังหน้า, พระมหาพิชัยราชรถ, ราชรถ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.758482,100.491914)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/343"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระราชวังสราญรมย์ ","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อพ.ศ.2409
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อพ.ศ.2409
","subject":"รัชกาลที่ 5, วังสราญรมย์, พระราชวังสราญรมย์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.750375,100.494686)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/344"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9","creator":"","description":"พ.ศ. 2537 กองทัพเรือและกรมศิลปากรได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเพื่อสร้างเรือพระที่นั่งลำใหม่เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติปีที่ 50 ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 โดยกองทัพเรือจัดสร้างในส่วนที่เป็นโครงสร้างเรือ พาย และคัดฉาก กรมศิลปากรดำเนินการในงานที่เกี่ยวกับศิลปกรรมของเรือทั้งหมดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้าง และพระราชทานชื่อเรือว่า \"เรือพระที่นั่ง นารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9\"
การสร้างโขนเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ 9 มีต้นแบบจากโขนเรือพระที่นั่งที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่มีชื่อว่า เรือมงคลสุบรรณ ซึ่งมีโขนเรือเป็นรูปครุฑพ่าห์ มีช่องกลมสำหรับติดตั้งปืนใหญ่ที่ใต้ครุฑ ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ได้มีพระราชดำริให้เสริมรูปพระนารายณ์ยืนประทับบนหลังครุฑเพื่อความสง่างามของลำเรือ และเพื่อให้ต้องตามคติในศาสนาพราหมณ์ ประติมากรรมพระนารายณ์ที่สร้างขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 4 นั้น สร้างด้วยไม้จำหลักปิดทองประดับกระจก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางกระดูกงูเรือ ณ กรมอู่ทหารเรือ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2537 และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในพิธีปล่อยเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 ลงน้ำเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2539
","provenance":"พ.ศ. 2537 กองทัพเรือและกรมศิลปากรได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเพื่อสร้างเรือพระที่นั่งลำใหม่เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติปีที่ 50 ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 โดยกองทัพเรือจัดสร้างในส่วนที่เป็นโครงสร้างเรือ พาย และคัดฉาก กรมศิลปากรดำเนินการในงานที่เกี่ยวกับศิลปกรรมของเรือทั้งหมดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้าง และพระราชทานชื่อเรือว่า \"เรือพระที่นั่ง นารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9\"
การสร้างโขนเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ 9 มีต้นแบบจากโขนเรือพระที่นั่งที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่มีชื่อว่า เรือมงคลสุบรรณ ซึ่งมีโขนเรือเป็นรูปครุฑพ่าห์ มีช่องกลมสำหรับติดตั้งปืนใหญ่ที่ใต้ครุฑ ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ได้มีพระราชดำริให้เสริมรูปพระนารายณ์ยืนประทับบนหลังครุฑเพื่อความสง่างามของลำเรือ และเพื่อให้ต้องตามคติในศาสนาพราหมณ์ ประติมากรรมพระนารายณ์ที่สร้างขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 4 นั้น สร้างด้วยไม้จำหลักปิดทองประดับกระจก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางกระดูกงูเรือ ณ กรมอู่ทหารเรือ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2537 และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในพิธีปล่อยเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 ลงน้ำเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2539
","subject":"รัชกาลที่ 9, เรือพระที่นั่ง, เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.761978,100.484572)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/345"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ","creator":"","description":"เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ลำปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วเสร็จสมัยรัชกาลที่ 6 โดยมีพลตรีพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นนายช่าง ประกอบพิธีลงน้ำเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454
","provenance":"เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ลำปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วเสร็จสมัยรัชกาลที่ 6 โดยมีพลตรีพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นนายช่าง ประกอบพิธีลงน้ำเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454
","subject":"รัชกาลที่ 9, เรือพระที่นั่ง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี, เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.761978,100.484572)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/346"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช","creator":"","description":"เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชลำแรกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่มาแล้วเสร็จและเริ่มใช้ในกระบวนพยุหยาตราชลมารคในสมัยรัชกาลที่ 4 ปรากฏชื่อว่า เรือพระที่นั่งบัลลังก์อนันตนาคราช เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชลำปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 6 และเริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2457
","provenance":"เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชลำแรกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่มาแล้วเสร็จและเริ่มใช้ในกระบวนพยุหยาตราชลมารคในสมัยรัชกาลที่ 4 ปรากฏชื่อว่า เรือพระที่นั่งบัลลังก์อนันตนาคราช เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชลำปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 6 และเริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2457
","subject":"เรือพระที่นั่ง, เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี, รัชกาลที่ 6","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.761978,100.484572)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/347"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระปฐมบรมราชานุสรณ์","creator":"","description":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อุปนายกราชบัณฑิตยสภาขณะนั้นเป็นผู้ทรงออกแบบและอำนวยการก่อสร้าง และ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี แห่งมหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นผู้ปั้นและหล่อด้วยทองสำริด
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อุปนายกราชบัณฑิตยสภาขณะนั้นเป็นผู้ทรงออกแบบและอำนวยการก่อสร้าง และ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี แห่งมหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นผู้ปั้นและหล่อด้วยทองสำริด
","subject":"พระปฐมบรมราชานุสรณ์, สะพานพุทธ, ปากคลองตลาด, พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1, สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์, สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.740576,100.498056)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/348"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามขึ้น โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ซึ่งกำกับราชการกรมช่างสิบหมู่ ทรงเป็นผู้อำนวยการสร้างเป็นพระองค์แรก แต่สิ้นพระชนม์ก่อนที่จะสร้างเสร็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ จึงเป็นผู้อำนวยการสร้างต่อมา แต่ก็สิ้นพระชนม์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล) ครั้งดำรงตำแหน่งพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรเป็นผู้อำนวยการสร้างพระองค์ต่อมา จนแล้วเสร็จ
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามขึ้น โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ซึ่งกำกับราชการกรมช่างสิบหมู่ ทรงเป็นผู้อำนวยการสร้างเป็นพระองค์แรก แต่สิ้นพระชนม์ก่อนที่จะสร้างเสร็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ จึงเป็นผู้อำนวยการสร้างต่อมา แต่ก็สิ้นพระชนม์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล) ครั้งดำรงตำแหน่งพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรเป็นผู้อำนวยการสร้างพระองค์ต่อมา จนแล้วเสร็จ
","subject":"พระอุโบสถ, วัดราชบพิธ, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, พระอุโบสถวัดราชบพิธ, พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.748971,100.497339)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/349"},{"type":"ประติมากรรม","title":"บานประตูประดับมุกลายเครื่องราชอิสริยาภรณ์","creator":"","description":"ฝีมือประดับมุกที่บานประตูพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามนั้น สันนิษฐานว่าเป็นฝีพระหัตถ์ของพระบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ พระราชโอรสองค์ที่ 30 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระองค์ที่ 4 ในเจ้าจอมมารดาจันทร์
","provenance":"ฝีมือประดับมุกที่บานประตูพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามนั้น สันนิษฐานว่าเป็นฝีพระหัตถ์ของพระบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ พระราชโอรสองค์ที่ 30 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระองค์ที่ 4 ในเจ้าจอมมารดาจันทร์
","subject":"บานประตู, วัดราชบพิธ, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, พระอุโบสถวัดราชบพิธ, พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.748971,100.497339)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/350"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามขึ้น โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ซึ่งกำกับราชการกรมช่างสิบหมู่ ทรงเป็นผู้อำนวยการสร้างเป็นพระองค์แรก แต่สิ้นพระชนม์ก่อนที่จะสร้างเสร็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ จึงเป็นผู้อำนวยการสร้างต่อมา แต่ก็สิ้นพระชนม์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล) ครั้งดำรงตำแหน่งพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรเป็นผู้อำนวยการสร้างพระองค์ต่อมา จนแล้วเสร็จ
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามขึ้น โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ซึ่งกำกับราชการกรมช่างสิบหมู่ ทรงเป็นผู้อำนวยการสร้างเป็นพระองค์แรก แต่สิ้นพระชนม์ก่อนที่จะสร้างเสร็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ จึงเป็นผู้อำนวยการสร้างต่อมา แต่ก็สิ้นพระชนม์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล) ครั้งดำรงตำแหน่งพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรเป็นผู้อำนวยการสร้างพระองค์ต่อมา จนแล้วเสร็จ
","subject":"พระอุโบสถ, วัดราชบพิธ, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, พระอุโบสถวัดราชบพิธ, พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม","spatial":null,"temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/351"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สุสานหลวงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์เป็นแม่กองก่อสร้างขึ้นในที่รอบๆ ชานกำแพงด้านทิศตะวันตกของวัด และเมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2440 จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้านิลวรรณ เป็นแม่กองก่อสร้างสืบต่อมา
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์เป็นแม่กองก่อสร้างขึ้นในที่รอบๆ ชานกำแพงด้านทิศตะวันตกของวัด และเมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2440 จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้านิลวรรณ เป็นแม่กองก่อสร้างสืบต่อมา
","subject":"รัชกาลที่ 5, วัดราชบพิธ, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, สุสานหลวง, สุสานหลวงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.749078,100.496708)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/352"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย","creator":"","description":"สร้างขึ้นตามดำริของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลได้จัดการประกวดการออกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนี้ โดยแบบที่ได้รับรางวัลและนำมาจัดสร้างคือแบบของหม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล โดยมี ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง และนายสิทธิเดช แสงหิรัญ เป็นผู้ช่วยปั้นอนุสาวรีย์
","provenance":"สร้างขึ้นตามดำริของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลได้จัดการประกวดการออกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนี้ โดยแบบที่ได้รับรางวัลและนำมาจัดสร้างคือแบบของหม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล โดยมี ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง และนายสิทธิเดช แสงหิรัญ เป็นผู้ช่วยปั้นอนุสาวรีย์
","subject":"ถนนราชดำเนิน, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.756701,100.501851)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/353"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน ","creator":"","description":"จิตรกรรมฝาผนังเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
","provenance":"จิตรกรรมฝาผนังเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
","subject":"จิตรกรรมเรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน, วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม, วัดราชประดิษฐ, รัชกาลที่ 5","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.74955,100.495522)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/354"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หุ่นวังหน้า ","creator":"สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ","description":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
","provenance":"สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, วังหน้า, รัชกาลที่ 5, รามเกียรติ์, หุ่นเล็ก, หุ่นวังหน้า, พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.757491,100.49217)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/355"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อลังกรณเจดีย์","creator":"","description":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระยาจันทบุรีสร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้ว พ.ศ.2419
","provenance":"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระยาจันทบุรีสร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้ว พ.ศ.2419
","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, น้ำตกพลิ้ว, รัชกาลที่ 5, อลงกรณ์เจดีย์, เจดีย์ที่น้ำตกพลิ้ว, จุลศิรจุมพฏเจดีย์, พระยาจันทบุรี","spatial":"จันทบุรี (12.529221,102.183454)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/356"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ค่ายเนินวง ","creator":"","description":"สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2377 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อป้องกันเมืองจันทบุรีจากสงครามระหว่างสยามกับญวน
","provenance":"สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2377 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อป้องกันเมืองจันทบุรีจากสงครามระหว่างสยามกับญวน
","subject":"ค่ายเนินวง, รัชกาลที่ 3, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี , จันทบุรี, เมืองเนินวง","spatial":"จันทบุรี (12.585206,102.067652)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/357"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์อิสรภาพ จ.จันทบุรี","creator":"พระยาพิพิธไสยสุนทรการ","description":"พระยาพิพิธไสยสุนทรการ ผู้ว่าราชการเมืองตราดสร้างเจดีย์อิสรภาพขึ้นร่วมกับชาวจันทบุรี เมื่อ พ.ศ.2447 เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่จังหวัดจันทบุรีได้รับอิสรภาพจากการยึดครองของฝรั่งเศสเป็นเวลา 11 ปี
","provenance":"พระยาพิพิธไสยสุนทรการ ผู้ว่าราชการเมืองตราดสร้างเจดีย์อิสรภาพขึ้นร่วมกับชาวจันทบุรี เมื่อ พ.ศ.2447 เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่จังหวัดจันทบุรีได้รับอิสรภาพจากการยึดครองของฝรั่งเศสเป็นเวลา 11 ปี
","subject":"รัชกาลที่ 5, เขาแหลมสิงห์, เจดีย์อิสรภาพ, ป้อมไพรีพินาศ, รัชกาลที่ 3, จันทบุรี, พระยาพิพิธไสยสุนทรการ, ฝรั่งเศส","spatial":"จันทบุรี (12.475574,102.057204)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/358"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระเจดีย์กลางน้ำ จ.ระยอง ","creator":"พระยาศรีสมุทรโภคชัยชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) ","description":"สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2416
","provenance":"สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2416
","subject":"พระสมุทรเจดีย์, เจดีย์กลางน้ำ, รัชกาลที่ 5, วัดปากน้ำ, พระยาศรีสมุทรโภคชัยชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา), ระยอง","spatial":"ระยอง (12.666114,101.241873)","temporal":"รัตนโกสินทร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/359"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลังแบบถาลาบริวัต ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, ทับหลัง, ทับหลัง, วัดทองทั่ว, วัดทองทั่ว, ทับหลังแบบถาลาบริวัต, ทับหลังแบบถาลาบริวัต, ถาลาบริวัต, ถาลาบริวัต","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ถาลาบริวัต, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/360"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลังแบบถาลาบริวัต","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, ทับหลัง, ทับหลัง, วัดทองทั่ว, วัดทองทั่ว, ทับหลังแบบถาลาบริวัต, ทับหลังแบบถาลาบริวัต, ถาลาบริวัต, ถาลาบริวัต","spatial":"จันทบุรี (12.58755,102.14215)","temporal":"ถาลาบริวัต, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/361"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"กำแพงวัดมหาธาตุวรวิหาร ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"วัดมหาธาตุ, วัดมหาธาตุราชบุรี, ทับหลังกำแพง, วัดมหาธาตุวรวิหาร, มหายาน","spatial":"ราชบุรี (13.546918,99.814217)","temporal":"บายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/362"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทสด๊อกก๊อกธม","creator":"","description":"สร้างเพื่ออุทิศถวายพระศิวะตามที่ปรากฏในศิลาจารึกปราสาทสด๊อกก๊อกธม
","provenance":"สร้างเพื่ออุทิศถวายพระศิวะตามที่ปรากฏในศิลาจารึกปราสาทสด๊อกก๊อกธม
","subject":"พระศิวะ, พระศิวะ, ปราสาทสด๊อกก๊อกธม, ปราสาทสด๊อกก๊อกธม, บาปวน, บาปวน, โคปุระ, โคปุระ","spatial":"สระแก้ว (15.024885,102.193972)","temporal":"บาปวน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/363"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทพนมวัน","creator":"","description":"สร้างอุทิศถวายพระศิวะและพระวิษณุตามข้อความที่ปรากฏในจารึกกรอบประตูปราสาทประธาน
","provenance":"สร้างอุทิศถวายพระศิวะและพระวิษณุตามข้อความที่ปรากฏในจารึกกรอบประตูปราสาทประธาน
","subject":"ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ปราสาทพนมรุ้ง, ปราสาทพนมรุ้ง, ปราสาทพิมาย, ปราสาทพิมาย, ปราสาทขอม, ปราสาทขอม, พระศิวะ, พระศิวะ, โคปุระ, โคปุระ, ปราสาทพนมวัน, ปราสาทพนมวัน, ไศวนิกาย, ไศวนิกาย","spatial":"นครราชสีมา (15.024885,102.193972)","temporal":"บาปวน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/364"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทกู่พันนา","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่กล่าวถึงประวัติการสร้าง แต่สันนิษฐานว่าเป็นอโรคยาศาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พุทธศตวรรษที่ 18
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่กล่าวถึงประวัติการสร้าง แต่สันนิษฐานว่าเป็นอโรคยาศาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พุทธศตวรรษที่ 18
","subject":"ปราสาทบ้านพันนา, ปราสาทบ้านพันนา, กู่พันนา, กู่พันนา, อโรคยาศาล, อโรคยาศาล, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, ปรางค์กู่, ปรางค์กู่, ปราสาทหนองบัวราย, ปราสาทหนองบัวราย, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, มหายาน, มหายาน","spatial":"สกลนคร (17.442589,103.557364)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/365"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลังจากปราสาทเขาน้อยหลังกลาง ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ทับหลัง, ทับหลัง, ปราสาทเขาน้อย, ปราสาทเขาน้อย, สมโบร์ไพรกุก, สมโบร์ไพรกุก, ทับหลังแบบสมโบร์ไพรกุก, ทับหลังแบบสมโบร์ไพรกุก","spatial":"ปราจีนบุรี (14.047306,101.37467)","temporal":"ร่วมแบบสมโบร์ไพรกุก, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/366"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทเขาน้อย ","creator":"","description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างทีแน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนเมืองพระนคร และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยเมืองพระนคร
","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างทีแน่ชัด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนเมืองพระนคร และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยเมืองพระนคร
","subject":"ปราสาทเขาน้อย, ปราสาทเขาน้อย, สมโบร์ไพรกุก, สมโบร์ไพรกุก, ปราสาทเขาน้อยสีชมพู, ปราสาทเขาน้อยสีชมพู","spatial":"สระแก้ว (13.584203,102.527227)","temporal":"ลพบุรี, สมโบร์ไพรกุก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/367"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลังแบบถาลาบริวัต ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ทับหลัง, ทับหลัง, ทับหลังแบบถาลาบริวัต, ทับหลังแบบถาลาบริวัต, วัดบน, วัดบน, ถาลาบริวัต, ถาลาบริวัต, วัดเขาพลอยแหวน, วัดเขาพลอยแหวน","spatial":"จันทบุรี (12.607069,102.039211)","temporal":"ถาลาบริวัต, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/368"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทวัดเจ้าจันทร์ ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากการใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักสามารถเทียบได้กับศาสนสถานของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยของพระองค์เช่นกัน
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากการใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักสามารถเทียบได้กับศาสนสถานของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยของพระองค์เช่นกัน
","subject":"วัดเจ้าจันทร์, วัดเจ้าจันทร์, ปราสาทวัดเจ้าจันทร์, ปราสาทวัดเจ้าจันทร์, วัดศรีสวาย, วัดศรีสวาย, บายน, บายน, ศาลตาผาแดง, ศาลตาผาแดง, ลพบุรี, ลพบุรี","spatial":"สุโขทัย (17.42822,99.805137)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/369"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดศรีสวาย","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากการใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างเรือนธาตุ ซึ่งสามารถเทียบได้กับศาสนสถานของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยของพระองค์เช่นกัน ครั้นต่อมาในสมัยสุโขทัยได้มีการปฏิสังขรณ์ส่วนยอดด้วยอิฐ
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากการใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างเรือนธาตุ ซึ่งสามารถเทียบได้กับศาสนสถานของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จึงเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยของพระองค์เช่นกัน ครั้นต่อมาในสมัยสุโขทัยได้มีการปฏิสังขรณ์ส่วนยอดด้วยอิฐ
","subject":"วัดศรีสวาย, วัดศรีสวาย, บายน, บายน, อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, ศาลตาผาแดง, ศาลตาผาแดง","spatial":"สุโขทัย (17.013724,99.70246)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/370"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"กุฏิฤาษีบ้านโคกเมือง ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากแผนผังสถาปัตยกรรมแล้วสันนิษว่าเป็นอโรคยาศาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พุทธศตวรรษที่ 18
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากแผนผังสถาปัตยกรรมแล้วสันนิษว่าเป็นอโรคยาศาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พุทธศตวรรษที่ 18
","subject":"อโรคยาศาล, อโรคยาศาล, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, บายน, บายน, กุฏิฤาษีเมืองต่ำ, กุฏิฤาษีเมืองต่ำ, กุฏิฤาษีบ้านโคกเมือง, กุฏิฤาษีบ้านโคกเมือง, ปราสาทหนองบัวราย, ปราสาทหนองบัวราย, เมืองต่ำ, เมืองต่ำ, บ้านโคกเมือง, บ้านโคกเมือง","spatial":"บุรีรัมย์ (14.50125,102.977958)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/371"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปรางค์สองพี่น้อง","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ปรางค์, ปรางค์, ปรางค์สองพี่น้อง, ปรางค์สองพี่น้อง, ศรีเทพ, ศรีเทพ, อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ, อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ, นครวัด, นครวัด","spatial":"เพชรบูรณ์ (15.466288,101.143939)","temporal":"นครวัด, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/372"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปรางค์ศรีเทพ ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ปรางค์, ปรางค์, ปรางค์สองพี่น้อง, ปรางค์สองพี่น้อง, อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ, อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ, ปรางค์ศรีเทพ, ปรางค์ศรีเทพ, นครวัด, นครวัด","spatial":"เพชรบูรณ์ (15.465536,101.145046)","temporal":"นครวัด, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/373"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบราณสถานดงเมืองเตย ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"เจดีย์จุลประโทน, เจดีย์จุลประโทน, สมโบร์ไพรกุก, สมโบร์ไพรกุก, ดงเมืองเตย, ดงเมืองเตย, ดอนเมืองเตย, ดอนเมืองเตย, โบราณสถานดอนเมืองเตย, โบราณสถานดอนเมืองเตย, เมืองโบราณดงเมืองเตย, เมืองโบราณดงเมืองเตย, เมืองโบราณดอนเมืองเตย, เมืองโบราณดอนเมืองเตย","spatial":"ยโสธร (15.639911,104.258093)","temporal":"ร่วมแบบสมโบร์ไพรกุก, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/375"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ศาลตาผาแดง","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, วัดเจ้าจันทร์, วัดเจ้าจันทร์, ปราสาทวัดเจ้าจันทร์, ปราสาทวัดเจ้าจันทร์, บายน, บายน, อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, โคกปราสาท, โคกปราสาท, ศาลพระเสื้อเมือง, ศาลพระเสื้อเมือง","spatial":"สุโขทัย (17.021346,99.703153)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/376"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูป วัดทุ่งศรีเมือง","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วง ปลายพุทธศตวรรษที่ 23 – ครึ่งแรกพุทธศตวรรษที่ 24
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วง ปลายพุทธศตวรรษที่ 23 – ครึ่งแรกพุทธศตวรรษที่ 24
","subject":"พระพุทธรูป, วัดทุ่งศรีเมือง, หอพระพุทธบาท, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว","spatial":"อุบลราชธานี (15.229682,104.861055)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/377"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมฝาผนัง วัดทุ่งศรีเมือง","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการเขียน แต่จากรูปแบบสันนิษฐานว่าน่าจะเขียนขึ้นตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เนื่องจากหอพระพุทธบาทหรือพระอุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2330 หรือปลายรัชกาลที่ 3 แล้ว
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการเขียน แต่จากรูปแบบสันนิษฐานว่าน่าจะเขียนขึ้นตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เนื่องจากหอพระพุทธบาทหรือพระอุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2330 หรือปลายรัชกาลที่ 3 แล้ว
","subject":"จิตรกรรมฝาผนัง, พระอุโบสถ, รัชกาลที่ 4, วัดทุ่งศรีเมือง, หอพระพุทธบาท, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว, รัชกาลที่ 3","spatial":"อุบลราชธานี (15.229682,104.861055)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/378"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ประธาน วัดเชียงงาสง่างาม ","creator":"","description":"วัดแห่งนี้สร้างประมาณปี พ.ศ. 2375 โดยชาวไทพวนที่ถูกกวาดต้อนมาในสมัยรัชกาลที่ 3 เจดีย์จึงน่าจะสร้างในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
","provenance":"วัดแห่งนี้สร้างประมาณปี พ.ศ. 2375 โดยชาวไทพวนที่ถูกกวาดต้อนมาในสมัยรัชกาลที่ 3 เจดีย์จึงน่าจะสร้างในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
","subject":"พระธาตุ, เจดีย์, ศิลปะลาว, วัดเชียงงา, วัดเชียงงาสง่างาม, รัชกาลที่ 3","spatial":"ลพบุรี (15.046157,100.538382)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/379"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม","creator":"","description":"ตามประวัติกล่าวว่าวัดนี้สร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชราว พ.ศ. 2200 โดยพระธิดาพระองค์เล็กของพระองค์ในคราวที่ทรงให้หมื่นกางโฮงนำบริวารจากจังหวัดร้อยเอ็ดอพยพมาตั้งบ้านเรือนที่นี่
","provenance":"ตามประวัติกล่าวว่าวัดนี้สร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชราว พ.ศ. 2200 โดยพระธิดาพระองค์เล็กของพระองค์ในคราวที่ทรงให้หมื่นกางโฮงนำบริวารจากจังหวัดร้อยเอ็ดอพยพมาตั้งบ้านเรือนที่นี่
","subject":"เจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม, พระธาตุศรีสองรัก, เจดีย์, วัดสาวสุวรรณาราม, วัดสาวสุวรรณ, เจดีย์วัดโพนชัย","spatial":null,"temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/380"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเจ้าองค์ตื้อ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏจารึกประวัติการสร้างแต่เชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับพระเจ้าองค์ตื้อ วัดไชยะพูม นครเวียงจันทน์ ที่มีจารึกปรากฏปีที่สร้างคือ พ.ศ. 2109 แต่จากข้อมูลในศิลาจารึกกล่าวว่าพระพุทธรูปองค์หล่อขึ้นใน พ.ศ. 2105 อย่างไรก็ดี ทั้งสองก็ยังอยู่ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 22
","provenance":"ไม่ปรากฏจารึกประวัติการสร้างแต่เชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับพระเจ้าองค์ตื้อ วัดไชยะพูม นครเวียงจันทน์ ที่มีจารึกปรากฏปีที่สร้างคือ พ.ศ. 2109 แต่จากข้อมูลในศิลาจารึกกล่าวว่าพระพุทธรูปองค์หล่อขึ้นใน พ.ศ. 2105 อย่างไรก็ดี ทั้งสองก็ยังอยู่ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 22
","subject":"พระพุทธรูป, ศิลปะล้านช้าง, วัดศรีชมพูองค์ตื้อ, พระเจ้าองค์ตื้อ, พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช","spatial":"หนองคาย (17.876819,102.575245)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/381"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุท่าอุเทน ","creator":"","description":"ข้อมูลจากจารึกอักษรไทน้อยที่กำแพงพระธาตุ สร้างโดยอ.สีทัตต์ ได้เป็นหัวหน้าชักชวนพระภิกษุและชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 ใช้เวลา 6 ปี จึงแล้วเสร็จในปี 2459 เป็นฝีมือช่างญวนชื่อองแมด
","provenance":"ข้อมูลจากจารึกอักษรไทน้อยที่กำแพงพระธาตุ สร้างโดยอ.สีทัตต์ ได้เป็นหัวหน้าชักชวนพระภิกษุและชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 ใช้เวลา 6 ปี จึงแล้วเสร็จในปี 2459 เป็นฝีมือช่างญวนชื่อองแมด
","subject":"พระธาตุ, พระธาตุพนม, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว, พระธาตุท่าอุเทน, วัดพระธาตุธาตุอุเทน, พระธาตุเรณู","spatial":"นครพนม (17.581589,104.591261)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/383"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุบังพวน","creator":"","description":"เดิมเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าโพธิสาลราชและได้รับการบูรณะครั้งสำคัญในปีพ.ศ. 2167 สมัยพระยาสุริยวงษาธรรมิกราช แต่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเมื่อพ.ศ. 2109 เมื่อย้ายเมืองหลวงมายังเวียงจันทน์แล้ว อย่างไรก็ตาม พระธาตุองค์ปัจจุบันเป็นงานที่บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในช่วงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึกอย่างน้อย 2 หลักที่กล่าวถึงพระธาตุบังพวน คือ
1) ศิลาจารึกถ้ำสุวรรณคูหา 1 อำเภอสุวรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภูจารึกเมื่อ พ.ศ. 2106 กล่าวถึงการบำเพ็ญพระราชกุศลที่พระธาตุบังพวนของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
2) ศิลาจารึกวัดศรีเมือง อ.เมือง จังหวัดหนองคาย จารึกเมื่อ พ.ศ. 2109 กล่าวถึงพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้สั่งให้พระยาพลเศิกซ้ายเป็นอุปถัมภกสร้างวัดศรีสุพรรณอาราม พระยาพลเศิกซ้ายจึงได้ถวายถวายทองคำหนึ่งร้อนและกระเบื้องหนึ่งหมื่นแด่สมเด็จพระเป็นเจ้า ซึ่งได้นำไปถวายบูชาพระมหาธาตุเจ้าบังพวน
เดิมเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าโพธิสาลราชและได้รับการบูรณะครั้งสำคัญในปีพ.ศ. 2167 สมัยพระยาสุริยวงษาธรรมิกราช แต่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเมื่อพ.ศ. 2109 เมื่อย้ายเมืองหลวงมายังเวียงจันทน์แล้ว อย่างไรก็ตาม พระธาตุองค์ปัจจุบันเป็นงานที่บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในช่วงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึกอย่างน้อย 2 หลักที่กล่าวถึงพระธาตุบังพวน คือ
1) ศิลาจารึกถ้ำสุวรรณคูหา 1 อำเภอสุวรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภูจารึกเมื่อ พ.ศ. 2106 กล่าวถึงการบำเพ็ญพระราชกุศลที่พระธาตุบังพวนของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
2) ศิลาจารึกวัดศรีเมือง อ.เมือง จังหวัดหนองคาย จารึกเมื่อ พ.ศ. 2109 กล่าวถึงพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้สั่งให้พระยาพลเศิกซ้ายเป็นอุปถัมภกสร้างวัดศรีสุพรรณอาราม พระยาพลเศิกซ้ายจึงได้ถวายถวายทองคำหนึ่งร้อนและกระเบื้องหนึ่งหมื่นแด่สมเด็จพระเป็นเจ้า ซึ่งได้นำไปถวายบูชาพระมหาธาตุเจ้าบังพวน
ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่จากรูปแบบงานศิลปกรรมสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 23
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่จากรูปแบบงานศิลปกรรมสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 23
","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท, พระธาตุ, เจดีย์, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว, วัดเทพพลประดิษฐาราม, เจดีย์องค์ทิศใต้","spatial":"หนองคาย (14.79868,137.909375)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/385"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุหนองสามหมื่น ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่จากรูปแบบงานศิลปกรรมสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 21 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 22 ส่วนเหนือเรือนธาตุขึ้นไปอาจมีการบูรณะเพิ่มเติมในพุทธศตวรรษที่ 24
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่จากรูปแบบงานศิลปกรรมสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 21 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 22 ส่วนเหนือเรือนธาตุขึ้นไปอาจมีการบูรณะเพิ่มเติมในพุทธศตวรรษที่ 24
","subject":"พระธาตุ, เจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม, เจดีย์, เจดีย์ทรงระฆังสี่เหลี่ยม, วัดพระธาตุหนองสามหมื่น, พระธาตุหนองสามหมื่น, พระธาตุบ้านแก้ง","spatial":"ชัยภูมิ (16.378267,102.042555)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/386"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระบาง","creator":"","description":"จากจารึกที่ฐานระบุว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2308 โดยสมเด็จพระเหมมะวันนา กับทั้งอังเตวาสิ อุบาสก อุบาสิกา
","provenance":"จากจารึกที่ฐานระบุว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2308 โดยสมเด็จพระเหมมะวันนา กับทั้งอังเตวาสิ อุบาสก อุบาสิกา
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปมีจารึก, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว, พระบาง, วัดไตรภูมิ, พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ","spatial":null,"temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/387"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเสริม","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบน่าจะสร้างขึ้นกลาง – ปลายพุทธศตวรรษที่ 21
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบน่าจะสร้างขึ้นกลาง – ปลายพุทธศตวรรษที่ 21
","subject":"พระพุทธรูป, วัดปทุมวนาราม, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว, พระเจ้าองค์ตื้อ, พระใส, พระเสริม","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.745928,100.536587)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/388"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระใส ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบน่าจะสร้างขึ้นต้น – กลางพุทธศตวรรษที่ 22
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบน่าจะสร้างขึ้นต้น – กลางพุทธศตวรรษที่ 22
","subject":"พระพุทธรูป, วัดปทุมวนาราม, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว, พระใส, พระสายน์","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.745896,100.537143)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/389"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระใส","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบน่าจะสร้างขึ้นปลายพุทธศตวรรษที่ 22 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 23
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบน่าจะสร้างขึ้นปลายพุทธศตวรรษที่ 22 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 23
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว, พระยาสุริยวงษาธรรมิกราช , พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, พระใส, พระเสริม, วัดโพธิ์ชัย, หลวงพ่อเกวียนหัก, พระอินทร์แปลง , วัดอินทร์แปลง ","spatial":"หนองคาย (17.884922,102.757213)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/390"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หลวงพ่อศรีเมือง ","creator":"","description":"จารึกที่ฐานระบุว่าพระราชมารดาของพระเจ้าสิริบุญสารได้หล่อถวายวัดกลางจันทบุรีในปี พ.ศ. 2306
","provenance":"จารึกที่ฐานระบุว่าพระราชมารดาของพระเจ้าสิริบุญสารได้หล่อถวายวัดกลางจันทบุรีในปี พ.ศ. 2306
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พระพุทธรูปมีจารึก, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว, พระใส, วัดโพธิ์ชัย, วัดศรีเมือง, พระพุทธสัทธาธิกะ, หลวงพ่อศรีเมือง","spatial":null,"temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/391"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเหลาเทพนิมิต ","creator":"","description":"ตามประวัติระบุว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2263 ร่วมสมัยกับรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ
","provenance":"ตามประวัติระบุว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2263 ร่วมสมัยกับรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, ศิลปะล้านช้าง, ศิลปะลาว, วัดพระเหลาเทพนิมิต, พระเหลาเทพนิมิต","spatial":"อำนาจเจริญ (15.676927,104.854145)","temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/392"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สิม","creator":"","description":"สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2263 เป็นผลงานของพระครูธิ ซึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์พร้อมกับพระคณูหลวงโพนสะเม็ก ต่อมามีการบูรณะอีกหลายครั้ง
","provenance":"สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2263 เป็นผลงานของพระครูธิ ซึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์พร้อมกับพระคณูหลวงโพนสะเม็ก ต่อมามีการบูรณะอีกหลายครั้ง
","subject":"วัดแจ้ง, ศิลปะล้านช้าง, วัดพระเหลาเทพนิมิต, สิม, วัดหลวง","spatial":null,"temporal":"ล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/393"},{"type":"ประติมากรรม","title":"กู่พระเจ้าล้านทอง","creator":"","description":"ไม่มีประวัติการก่อสร้างแต่เชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในคราวเดียวกับที่หล่อพระเจ้าล้านทองเป็นพระพุทธรูปประธานภายในพระวิหารในปี พ.ศ. 2046 โดยเจ้าเมืองหาญศรีทัตถ์มหาสุรมนตรี
","provenance":"ไม่มีประวัติการก่อสร้างแต่เชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นในคราวเดียวกับที่หล่อพระเจ้าล้านทองเป็นพระพุทธรูปประธานภายในพระวิหารในปี พ.ศ. 2046 โดยเจ้าเมืองหาญศรีทัตถ์มหาสุรมนตรี
","subject":"พระธาตุลำปางหลวง, พระพุทธรูป, พระเจ้าล้านทอง, กู่พระเจ้าล้านทอง, กู่ปราสาท, วัดพระธาตุลำปางหลวง, กู่","spatial":"ลำปาง (16.824348,100.26873)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/394"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเจ้าล้านทอง","creator":"","description":"ข้อความใน ลป. 2 จารึกวัดพระธาตุลำปางหลวง พ.ศ. 2046 กล่าวว่า “ศักราชได้ 858 ตัวในปีรวายสี... ถัดปีนี้กาไค้ เดือน 3 แรม 11 ค่ำวัน 6 ไทยเปลิกสง้า รืก 17 หล่อพระเจ้าล้านทองยามคันรุ่งแล คำพอกพระ 32 จ้างช่องหล่อพระกับตีคำ 362 เงิน ไถ่คนไว้กับ 6 ครัว” ปีรวายสีคือปีมะโรง ปีกาไค้คือปีกุน ดังนั้นปีที่หล่อพระเจ้าล้านทองคือปี พ.ศ. 2046
","provenance":"ข้อความใน ลป. 2 จารึกวัดพระธาตุลำปางหลวง พ.ศ. 2046 กล่าวว่า “ศักราชได้ 858 ตัวในปีรวายสี... ถัดปีนี้กาไค้ เดือน 3 แรม 11 ค่ำวัน 6 ไทยเปลิกสง้า รืก 17 หล่อพระเจ้าล้านทองยามคันรุ่งแล คำพอกพระ 32 จ้างช่องหล่อพระกับตีคำ 362 เงิน ไถ่คนไว้กับ 6 ครัว” ปีรวายสีคือปีมะโรง ปีกาไค้คือปีกุน ดังนั้นปีที่หล่อพระเจ้าล้านทองคือปี พ.ศ. 2046
","subject":"พระธาตุลำปางหลวง, พระพุทธรูป, พระเจ้าล้านทอง, กู่พระเจ้าล้านทอง, ศิลปะล้านนา, กู่ปราสาท, วัดพระธาตุลำปางหลวง","spatial":"ลำปาง (16.824348,100.26873)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/395"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเจ้าเก้าตื้อ","creator":"","description":"พระเมืองแก้วโปรดเกล้าฯให้หล่อพระเจ้าเก้าตื้อในปี พ.ศ. 2047 เพื่อเป็นพระพุทธรูปประธานในวิหารวัดพระสิงห์ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2053 แต่เมื่อหล่อเสร็จไม่สามารถชะลอเข้าเมืองได้ จึงอัญเชิญจากสถานที่หล่อไปประดิษฐานยังพระอุโบสถวัดบุปผา รามหรือวัดสวนดอก มีการถวายมหาทานและมีการฉลองพระพุทธรูป
","provenance":"พระเมืองแก้วโปรดเกล้าฯให้หล่อพระเจ้าเก้าตื้อในปี พ.ศ. 2047 เพื่อเป็นพระพุทธรูปประธานในวิหารวัดพระสิงห์ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2053 แต่เมื่อหล่อเสร็จไม่สามารถชะลอเข้าเมืองได้ จึงอัญเชิญจากสถานที่หล่อไปประดิษฐานยังพระอุโบสถวัดบุปผา รามหรือวัดสวนดอก มีการถวายมหาทานและมีการฉลองพระพุทธรูป
","subject":"พระพุทธสิหิงค์, ศิลปะล้านนา, พระเจ้าเก้าตื้อ, วัดบุปผาราม, วัดสวนดอก","spatial":"เชียงใหม่ (18.786975,98.968011)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/396"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเจ้าแข้งคม ","creator":"","description":"ชินกาลมาลีปกรณ์กล่าวว่า พระเจ้าแข้งคมสร้างในสมัยพระเจ้าติโลกราชในปีพ.ศ. 2027 โดยพระองค์โปรดเกล้าให้สีหโคตเสนาบดีและอาณากิจจาธิบดีเป็นผู้หล่อขึ้นให้เหมือนพระลวปุระ หล่อที่วัดป่าตาลมหาวิหาร
พงศาวดารโยนกให้ข้อมูลคล้ายกัน โดยระบุชื่อพระพุทธรูปว่าพระป่าจาลน้อย สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2020
ในสมัยพระเจ้ากาวิละได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ไปประดิษฐานที่วัดศรีเกิดจนทุกวันนี้","provenance":"ชินกาลมาลีปกรณ์กล่าวว่า พระเจ้าแข้งคมสร้างในสมัยพระเจ้าติโลกราชในปีพ.ศ. 2027 โดยพระองค์โปรดเกล้าให้สีหโคตเสนาบดีและอาณากิจจาธิบดีเป็นผู้หล่อขึ้นให้เหมือนพระลวปุระ หล่อที่วัดป่าตาลมหาวิหาร
พงศาวดารโยนกให้ข้อมูลคล้ายกัน โดยระบุชื่อพระพุทธรูปว่าพระป่าจาลน้อย สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2020
ในสมัยพระเจ้ากาวิละได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ไปประดิษฐานที่วัดศรีเกิดจนทุกวันนี้","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พระเจ้าแข้งคม, วัดศรีเกิด, พระลวปุระ, พระป่าตาลน้อย, พระเจ้าติโลกราช, พระพุทธรูปแบบอู่ทอง, ชินกาลมาลีปกรณ์","spatial":"เชียงใหม่ (18.788186,98.976715)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/397"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมฝาผนังในวิหารน้ำแต้ม","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถเปรียบเทียบกับศิลปะพม่าในราชวงศ์นยองยาน ในปลายพุทธศตวรรษที่ 22 – พุทธศตวรรษที่ 23 ดังนั้นจิตรกรรมฝาผนังที่นี่จึงน่าจะเขียนในระยะเวลานี้หรือหลังจากนั้นเล็กน้อย
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถเปรียบเทียบกับศิลปะพม่าในราชวงศ์นยองยาน ในปลายพุทธศตวรรษที่ 22 – พุทธศตวรรษที่ 23 ดังนั้นจิตรกรรมฝาผนังที่นี่จึงน่าจะเขียนในระยะเวลานี้หรือหลังจากนั้นเล็กน้อย
","subject":"พระธาตุลำปางหลวง, จิตรกรรมฝาผนัง, ศิลปะล้านนา, วัดพระธาตุลำปางหลวง","spatial":"ลำปาง (18.217398,99.389211)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/398"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระบฏวัดดอกเงิน","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 พบในกรุเจดีย์วัดดอกเงิน อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ จากการขุดสำรวจแหล่งโบราณคดีพื้นที่น้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนภูมิพลในปี พ.ศ. 2502 พบครั้งแรกในสภาพถูกม้วนกลมใส่ในหม้อดินร่วมกัยพระพุทธรูปและของมีค่าต่างๆ
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 พบในกรุเจดีย์วัดดอกเงิน อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ จากการขุดสำรวจแหล่งโบราณคดีพื้นที่น้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนภูมิพลในปี พ.ศ. 2502 พบครั้งแรกในสภาพถูกม้วนกลมใส่ในหม้อดินร่วมกัยพระพุทธรูปและของมีค่าต่างๆ
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป, พุทธประวัติ, ศิลปะล้านนา, พระบฎ, วัดดอกเงิน, ศิลปะจีน","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.758939,100.493969)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/399"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประธาน ","creator":"","description":"พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นโดยพระราชชนนีของพระเจ้าติโลกราชในปี พ.ศ. 1950
","provenance":"พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นโดยพระราชชนนีของพระเจ้าติโลกราชในปี พ.ศ. 1950
","subject":"วัดเจดีย์หลวง, พระพุทธรูป, ศิลปะล้านนา, พระเจ้าติโลกราช, พระพุทธรูปประธาน, พระพุทธรูปประทับยืน, พระเจ้าค่าคิงพญามังราย ","spatial":"เชียงใหม่ (18.787021,98.987151)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/400"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางกดรอยพระบาท ","creator":"","description":"ที่ฐานพระพุทธมีจารึกระบุว่า “ศักราชได้ 843 (พ.ศ. 2024) เจ้าวิเชียรปัญโญสร้างพระพุทธเจ้าปางกดประทับรอยพระบาทขึ้นเพื่อหวงไปเกิดในยุคพระศรีอาริยไมตไตรยและหวังเป็นพระภิกษุ”
","provenance":"ที่ฐานพระพุทธมีจารึกระบุว่า “ศักราชได้ 843 (พ.ศ. 2024) เจ้าวิเชียรปัญโญสร้างพระพุทธเจ้าปางกดประทับรอยพระบาทขึ้นเพื่อหวงไปเกิดในยุคพระศรีอาริยไมตไตรยและหวังเป็นพระภิกษุ”
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปมีจารึก, ศิลปะล้านนา, พระพุทธรูปปางกดรอยพระบาท, พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.757694,100.492449)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/401"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัยมีจารึก","creator":"","description":"จากจารึกฐานพระพุทธรูปกล่าวว่า ศรีสัทธรรมไตรโลกรัตนจุฬามหาสังฆราช โปรดให้สร้างพระพุทธสิงหิงค์นี้ขึ้นเพื่อเป็นที่บูชาแก่คนทั้งหลายเมื่อ พ.ศ. 2012 ในตอนท้ายของจารึกมีการกล่าวถึงน้ำหนักของพระพุทธรูปด้วย
จากจารึกฐานพระพุทธรูปกล่าวว่า ศรีสัทธรรมไตรโลกรัตนจุฬามหาสังฆราช โปรดให้สร้างพระพุทธสิงหิงค์นี้ขึ้นเพื่อเป็นที่บูชาแก่คนทั้งหลายเมื่อ พ.ศ. 2012 ในตอนท้ายของจารึกมีการกล่าวถึงน้ำหนักของพระพุทธรูปด้วย
ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง แต่ตามตำนานกล่าวว่า ท้าวมหาพรหม เจ้าเมืองเชียงรายอัญเชิญมาพร้อมกับพระแก้วมรกตจากเมืองกำแพงเพชรในราวต้นพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง แต่ตามตำนานกล่าวว่า ท้าวมหาพรหม เจ้าเมืองเชียงรายอัญเชิญมาพร้อมกับพระแก้วมรกตจากเมืองกำแพงเพชรในราวต้นพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"วัดพระสิงห์, พระพุทธรูป, พระพุทธสิหิงค์, ศิลปะล้านนา","spatial":"เชียงใหม่ (18.788377,98.981154)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/403"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธสิหิงค์ ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในกลางพุทธศตวรรษที่ 21 ในสมัยรัตนโกสินทร์ สมเด็จฯ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทได้อัญเชิญลงมาจากเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2338 และประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในกลางพุทธศตวรรษที่ 21 ในสมัยรัตนโกสินทร์ สมเด็จฯ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทได้อัญเชิญลงมาจากเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2338 และประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
","subject":"วัดพระสิงห์, พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พระที่นั่งพุทไธสวรรย์, พระพุทธสิหิงค์, ศิลปะล้านนา, พระเจ้าเก้าตื้อ","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.757822,100.492067)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/404"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบ้านบุ ","creator":"","description":"สันนิษฐานว่าในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่อเป็นที่พักคนเดินทางหรือธรรมศาลา เพราะอยู่ในเส้นทางระหว่างเมืองพระนครหลวงกับเมืองพิมาย ตามที่ปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์นั้นเรียกว่า \"บ้านมีไฟ\"
","provenance":"สันนิษฐานว่าในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่อเป็นที่พักคนเดินทางหรือธรรมศาลา เพราะอยู่ในเส้นทางระหว่างเมืองพระนครหลวงกับเมืองพิมาย ตามที่ปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์นั้นเรียกว่า \"บ้านมีไฟ\"
","subject":"ปราสาท, ปราสาท, ปราสาทพิมาย, ปราสาทพิมาย, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, บายน, บายน, ปราสาทบ้านบุ , ปราสาทบ้านบุ , กุฏิฤาษีบ้านบุ, กุฏิฤาษีบ้านบุ, ปราสาทตาเมือน, ปราสาทตาเมือน, บ้านมีไฟ, บ้านมีไฟ, ปราสาทพระขรรค์, ปราสาทพระขรรค์","spatial":"บุรีรัมย์ (14.533918,102.979771)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/405"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปรางค์กู่ ","creator":"","description":"สันนิษฐานว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้สร้างปรางค์กู่ขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1728-1763 เพื่ออุทิศแก่พระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุ พระพุทธเจ้าแห่งการแพทย์ พร้อมด้วยพระโพธิสัตว์ 2 พระองค์ เพื่อประทานความไม่มีโรคภัยแก่ประชาชนของพระองค์
","provenance":"สันนิษฐานว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้สร้างปรางค์กู่ขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1728-1763 เพื่ออุทิศแก่พระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุ พระพุทธเจ้าแห่งการแพทย์ พร้อมด้วยพระโพธิสัตว์ 2 พระองค์ เพื่อประทานความไม่มีโรคภัยแก่ประชาชนของพระองค์
","subject":"ปรางค์, พระโพธิสัตว์, อโรคยาศาล, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, ปรางค์กู่, ปราสาทหนองบัวราย, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ไภษัชยคุรุ ","spatial":"ชัยภูมิ (15.806508,102.045176)","temporal":"บายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/406"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทหนองบัวราย ","creator":"","description":"สันนิษฐานว่าเป็นอโรคยาศาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พุทธศตวรรษที่ 18
","provenance":"สันนิษฐานว่าเป็นอโรคยาศาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พุทธศตวรรษที่ 18
","subject":"พระโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์, อโรคยาศาล, อโรคยาศาล, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, ปรางค์กู่, ปรางค์กู่, ปราสาทหนองบัวราย, ปราสาทหนองบัวราย, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, บ้านมีไฟ, บ้านมีไฟ, กุฏิฤาษีหนองบัวราย, กุฏิฤาษีหนองบัวราย","spatial":"บุรีรัมย์ (14.531896,102.963329)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/407"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทนารายณ์เจงเวง ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"พระนารายณ์, พระนารายณ์, ภาพสลัก, ภาพสลัก, บาปวน, บาปวน, ปราสาทนารายณ์เจงเวง , ปราสาทนารายณ์เจงเวง , วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง, วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง, ตำนานอุรังคธาตุ, ตำนานอุรังคธาตุ","spatial":"สกลนคร (17.186971,104.095906)","temporal":"บาปวน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/408"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทเมืองแขก","creator":"","description":"จากจารึกปราสาทเมืองแขกระบุว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย ซึ่งศักราชในจารึกสามารถเทียบเป็นพุทธศักราชตรงกับ พ.ศ.1517
","provenance":"จากจารึกปราสาทเมืองแขกระบุว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย ซึ่งศักราชในจารึกสามารถเทียบเป็นพุทธศักราชตรงกับ พ.ศ.1517
","subject":"ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, พระศิวะ, พระศิวะ, ปราสาทเมืองแขก, ปราสาทเมืองแขก, เกาะแกร์, เกาะแกร์","spatial":"นครราชสีมา (14.912841,101.833437)","temporal":"ลพบุรี, เกาะแกร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/409"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทกู่สวนแตง ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ปราสาทกู่สวนแตง , ปราสาทกู่สวนแตง , ปรางค์กู่สวนแตง, ปรางค์กู่สวนแตง, บ้านมีไฟ, บ้านมีไฟ","spatial":"บุรีรัมย์ (15.554398,102.840715)","temporal":"นครวัด, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/410"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทตาเมือน","creator":"","description":"สันนิษฐานว่าในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่อเป็นที่พักคนเดินทางหรือธรรมศาลา เพราะอยู่ในเส้นทางระหว่างเมืองพระนครหลวงกับเมืองพิมาย ตามที่ปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์นั้นเรียกว่า \"บ้านมีไฟ\"
","provenance":"สันนิษฐานว่าในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่อเป็นที่พักคนเดินทางหรือธรรมศาลา เพราะอยู่ในเส้นทางระหว่างเมืองพระนครหลวงกับเมืองพิมาย ตามที่ปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์นั้นเรียกว่า \"บ้านมีไฟ\"
","subject":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, ปราสาทบ้านบุ , ปราสาทบ้านบุ , กุฏิฤาษีบ้านบุ, กุฏิฤาษีบ้านบุ, ปราสาทตาเมือน, ปราสาทตาเมือน, บ้านมีไฟ, บ้านมีไฟ","spatial":"สุรินทร์ (14.34969,103.263688)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/411"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทตาเมือนโต๊ด ","creator":"","description":"เพื่อเป็นศาสนสถานประจำสถานพยาบาลหรืออโรคยาศาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในพุทธศตวรรษที่ 18
เพื่อเป็นศาสนสถานประจำสถานพยาบาลหรืออโรคยาศาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในพุทธศตวรรษที่ 18
จากจารึกที่ค้นพบได้ในปราสาทระบุว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16
","provenance":"จากจารึกที่ค้นพบได้ในปราสาทระบุว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16
","subject":"ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, บาปวน, บาปวน, ปราสาทตาเมือน, ปราสาทตาเมือน, ปราสาทนารายณ์เจงเวง , ปราสาทนารายณ์เจงเวง , ปราสาทบ้านพลวง, ปราสาทบ้านพลวง, ปราสาทสระกำแพงใหญ่, ปราสาทสระกำแพงใหญ่","spatial":"สุรินทร์ (14.34969,103.263688)","temporal":"บาปวน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/413"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบ้านพลวง","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"พระศิวะ, พระศิวะ, บาปวน, บาปวน, ปราสาทนารายณ์เจงเวง , ปราสาทนารายณ์เจงเวง , ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทสระกำแพงใหญ่, ปราสาทสระกำแพงใหญ่","spatial":"สุรินทร์ (14.610251,103.424447)","temporal":"บาปวน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/414"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทศีขรภูมิ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, ปราสาทขอม, ปราสาทขอม, พระศิวะ, พระศิวะ, นครวัด, นครวัด","spatial":"สุรินทร์ (14.944576,103.798354)","temporal":"นครวัด, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/415"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทสระกำแพงใหญ่","creator":"","description":"สร้างอุทิศถวายพระศิวะ ตามจารึกที่ระบุว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างถวายพระพฤทเธศวร อันเป็นพระนามหนึ่งของพระศิวะ
","provenance":"สร้างอุทิศถวายพระศิวะ ตามจารึกที่ระบุว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างถวายพระพฤทเธศวร อันเป็นพระนามหนึ่งของพระศิวะ
","subject":"พระศิวะ, พระศิวะ, บาปวน, บาปวน, ปราสาทตาเมือน, ปราสาทตาเมือน, ปราสาทนารายณ์เจงเวง , ปราสาทนารายณ์เจงเวง , ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทบ้านพลวง, ปราสาทบ้านพลวง, ปราสาทสระกำแพงใหญ่, ปราสาทสระกำแพงใหญ่","spatial":"ศรีสะเกษ (15.101761,104.128154)","temporal":"บาปวน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/416"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทกำแพงแลง","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง
","subject":"ปราสาทเขมร, ปราสาทเขมร, พระปรางค์สามยอด, พระปรางค์สามยอด, ปราสาทขอม, ปราสาทขอม, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, บายน, บายน, ปราสาทกำแพงแลง, ปราสาทกำแพงแลง, วัดกำแพงแลง, วัดกำแพงแลง","spatial":"เพชรบุรี (13.105571,99.956362)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/417"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเจ้าตนหลวง ","creator":"","description":"ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยพระยอดเชียงรายในปี พ.ศ. 2034 และแล้วเสร็จในสมัยพระเมืองแก้วในปี พ.ศ. 2067
","provenance":"ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยพระยอดเชียงรายในปี พ.ศ. 2034 และแล้วเสร็จในสมัยพระเมืองแก้วในปี พ.ศ. 2067
","subject":"ศิลปะล้านนา, วัดศรีโคมคำ, พระเจ้าตนหลวง, พระเจ้าตนหลวงทุ่งเอี้ยง, พระพุทธรูปแบบล้านนา, ศิลปะพะเยา","spatial":"พะเยา (19.176561,99.879972)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/422"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่เดิมประดิษฐานอยู่ร่วมกับพระพุทธสิหิงค์ในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่เดิมประดิษฐานอยู่ร่วมกับพระพุทธสิหิงค์ในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, ศิลปะล้านนา, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่","spatial":"เชียงใหม่ (18.811134,98.976711)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/423"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, ศิลปะล้านนา","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.757694,100.492449)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/424"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย","creator":"","description":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19
","provenance":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย, ศิลปะล้านนา","spatial":"ลำพูน (18.577354,99.006789)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/425"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระศากยสิงห์ ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง แต่ตามประวัติระบุว่าเดิมอยู่ที่เมืองเชียงแสน ก่อนจะอัญเชิญมายังวัดเบญจมบพิตรฯ
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง แต่ตามประวัติระบุว่าเดิมอยู่ที่เมืองเชียงแสน ก่อนจะอัญเชิญมายังวัดเบญจมบพิตรฯ
","subject":"วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม, พระพุทธรูป, ศิลปะล้านนา, พระศากยสิงห์, เชียงแสนหนึ่ง, พระพุทธรูปแบบสิงห์หนึ่ง, เชียงแสน","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.766605,100.514241)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/426"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปปางมารวิชัย ","creator":"","description":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบสามารถกำหนดอายุอยู่ในรัชกาลพระเมืองแก้ว คือ กล่งพุทธศตวรรษที่ 21
","provenance":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบสามารถกำหนดอายุอยู่ในรัชกาลพระเมืองแก้ว คือ กล่งพุทธศตวรรษที่ 21
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางมารวิชัย, ศิลปะล้านนา, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่","spatial":"เชียงใหม่ (18.811134,98.976711)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/427"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เศียรพระแสนแซว่","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง แต่เดิมพบที่วัดยางกวง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาได้อัญเชิญมายังวัดเบญจมบพิตร แต่ไม่ปรากฏในทะเบียนประวัติพระพุทธรูปรอบพระระเบียงวัดเบญจมบพิตรฯ แต่อย่างใด เพราะถูกนำไปประดิษฐานไว้ใต้ต้นไม้นอกพระระเบียง ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ขึ้น จึงนำมาจัดแสดงไว้ภายในพิพิธภัณฑ์ มีรูปแบบที่สามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง แต่เดิมพบที่วัดยางกวง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาได้อัญเชิญมายังวัดเบญจมบพิตร แต่ไม่ปรากฏในทะเบียนประวัติพระพุทธรูปรอบพระระเบียงวัดเบญจมบพิตรฯ แต่อย่างใด เพราะถูกนำไปประดิษฐานไว้ใต้ต้นไม้นอกพระระเบียง ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ขึ้น จึงนำมาจัดแสดงไว้ภายในพิพิธภัณฑ์ มีรูปแบบที่สามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21
","subject":"เศียรพระพุทธรูป, ศิลปะล้านนา, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่, พระเจ้าแสนแส้, วัดยางกวง, พระเจ้าแสนแสว้, พระเจ้าแสนแซว่","spatial":"เชียงใหม่ (18.811134,98.976711)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/428"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระหริภุญชัยโพธิสัตว์","creator":"","description":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่เดิมอยู่ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยก่อนจะนำมาประดิษฐานที่วัดเบญจมบพิตรฯ จากรูปแบบสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21
","provenance":"ไม่มีประวัติการสร้าง แต่เดิมอยู่ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยก่อนจะนำมาประดิษฐานที่วัดเบญจมบพิตรฯ จากรูปแบบสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21
","subject":"วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม, พระพุทธรูป, พระพุทธรูปทรงเครื่อง, ศิลปะล้านนา, ศิลปะปาละ, ศิลปะอินเดีย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (14.670484,100.51999)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/429"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมฝาผนังในวิหารลายคำ ","creator":"","description":"จิตรกรรมฝาผนังนี้น่าจะเขียนขึ้นในคราวเดียวกับที่มีการบูรณะวิหารลายคำในสมัยเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ในปี พ.ศ. 2406 โดยมีช่างวาดสำคัญ 2 คนคือ “เจ๊กเส็ง” เขียนเรื่องสังข์ทองและ “หนานโพธา” เขียนเรื่องสุวรรณหงส์
","provenance":"จิตรกรรมฝาผนังนี้น่าจะเขียนขึ้นในคราวเดียวกับที่มีการบูรณะวิหารลายคำในสมัยเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ในปี พ.ศ. 2406 โดยมีช่างวาดสำคัญ 2 คนคือ “เจ๊กเส็ง” เขียนเรื่องสังข์ทองและ “หนานโพธา” เขียนเรื่องสุวรรณหงส์
","subject":"วัดพระสิงห์, วิหารพระสิงห์, วิหารลายคำ, จิตรกรรมฝาผนัง","spatial":"เชียงใหม่ (18.788409,98.981208)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/430"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"กู่พระเจ้าติโลกราช ","creator":"","description":"เจดีย์องค์นี้สร้างโดยพระยอดเชียงรายเพื่อบรรจุพระอัฐิของพระเจ้าติโลกราชใน พ.ศ. 2034
","provenance":"เจดีย์องค์นี้สร้างโดยพระยอดเชียงรายเพื่อบรรจุพระอัฐิของพระเจ้าติโลกราชใน พ.ศ. 2034
","subject":"วัดมหาโพธาราม, กู่, พระเจ้าติโลกราช, พระยอดเชียงราย, เจดีย์ทรงปราสาทยอด, วัดเจดีย์เจ็ดยอด, กู่พระเจ้าติโลกราช","spatial":"เชียงใหม่ (14.79868,137.909375)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/431"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระอรรธนารีศวร","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้นักวิชาการบางท่านกำหนดอายุไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้นักวิชาการบางท่านกำหนดอายุไว้ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
","subject":"พระศิวะ, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี , พระอรรธนารีศวร, พระแม่อุมา","spatial":"อุบลราชธานี (15.228302,104.857644)","temporal":"ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/432"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้างประติมากรรมองค์นี้โดยตรง แต่เชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือพุทธศตวรรษที่ 18 เพื่อเป็นรูปฉลองพระองค์ของท่านเอง ทั้งนี้มีรูปแบบที่เทียบได้กับประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่พบในประเทศกัมพูชาและลาว
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้างประติมากรรมองค์นี้โดยตรง แต่เชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือพุทธศตวรรษที่ 18 เพื่อเป็นรูปฉลองพระองค์ของท่านเอง ทั้งนี้มีรูปแบบที่เทียบได้กับประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่พบในประเทศกัมพูชาและลาว
","subject":"ปราสาทพิมาย, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7","spatial":"นครราชสีมา (15.224812,102.494452)","temporal":"ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/433"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์เชียงยัน ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบศิลปกรรมสามารถกำหนดอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 19
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแต่จากรูปแบบศิลปกรรมสามารถกำหนดอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 19
","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท, ศิลปะล้านนา, เจดีย์เชียงยัน, วัดพระธาตุหริภุญชัย, เจดีย์แม่ครัว","spatial":"ลำพูน (18.577749,99.008057)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/434"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลังจากปราสาทเขาน้อยหลังเหนือ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่กล่าวถึงการสร้างโดยตรง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่เป็นทับหลังแบบสมโบร์ไพรกุก และค้นพบร่วมกันกับทับหลังแบบไพรกเมง ทำให้กำหนดอายุได้ว่าควรสร้างขึ้นราวปลายพุทธศตวรรษที่ 12-ต้นพุทธศตวรรษที่ 13
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่กล่าวถึงการสร้างโดยตรง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่เป็นทับหลังแบบสมโบร์ไพรกุก และค้นพบร่วมกันกับทับหลังแบบไพรกเมง ทำให้กำหนดอายุได้ว่าควรสร้างขึ้นราวปลายพุทธศตวรรษที่ 12-ต้นพุทธศตวรรษที่ 13
","subject":"ทับหลัง, ทับหลัง, ปราสาทเขาน้อย, ปราสาทเขาน้อย, ทับหลังแบบสมโบร์ไพรกุก, ทับหลังแบบสมโบร์ไพรกุก, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี","spatial":"ปราจีนบุรี (14.047306,101.37467)","temporal":"ลพบุรี, สมโบร์ไพรกุก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/435"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลังจากปราสาทเขาน้อยหลังเหนือ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่กล่าวถึงการสร้างโดยตรง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่เป็นทับหลังแบบไพรกเมง ทำให้กำหนดอายุได้ว่าควรสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่กล่าวถึงการสร้างโดยตรง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่เป็นทับหลังแบบไพรกเมง ทำให้กำหนดอายุได้ว่าควรสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13
","subject":"ทับหลัง, ทับหลัง, ทับหลัง, ปราสาทเขาน้อย, ปราสาทเขาน้อย, ปราสาทเขาน้อย, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี, ไพรกเมง, ไพรกเมง, ไพรกเมง","spatial":"ปราจีนบุรี (14.047306,101.37467)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย, ไพรกเมง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/436"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปนาคปรก ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่กล่าวถึงการสร้างโดยตรง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่เป็นบายน ทำให้กำหนดอายุได้ว่าควรสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18
ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่กล่าวถึงการสร้างโดยตรง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมที่เป็นบายน ทำให้กำหนดอายุได้ว่าควรสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18
ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบที่สัมพันธ์กับศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครแบบไพรกเมงและกำพงพระ จึงเชื่อว่าหล่อขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบที่สัมพันธ์กับศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครแบบไพรกเมงและกำพงพระ จึงเชื่อว่าหล่อขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์, ลพบุรี, ลพบุรี, ศิลปะเขมรในประเทศไทย, ศิลปะเขมรในประเทศไทย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/438"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์ไมเตรยะ ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบที่สัมพันธ์กับศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครแบบไพรกเมงและกำพงพระ จึงเชื่อว่าหล่อขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบที่สัมพันธ์กับศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครแบบไพรกเมงและกำพงพระ จึงเชื่อว่าหล่อขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13
","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์, ลพบุรี, ลพบุรี, ศิลปะเขมรในประเทศไทย, ศิลปะเขมรในประเทศไทย","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/439"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เศียรพระโพธิสัตว์","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครแบบไพรกเมงและกำพงพระ จึงเชื่อว่าหล่อขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13
","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครแบบไพรกเมงและกำพงพระ จึงเชื่อว่าหล่อขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13
","subject":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พระโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์, ลพบุรี, ลพบุรี, ศิลปะเขมรในประเทศไทย, ศิลปะเขมรในประเทศไทย, เศียร, เศียร, บ้านโตนด, บ้านโตนด","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/440"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เศียรพระโพธิสัตว์เมตไตรยะ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครแบบไพรกเมงและกำพงพระ จึงเชื่อว่าสลักขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13
ไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครแบบไพรกเมงและกำพงพระ จึงเชื่อว่าสลักขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13
ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นศิลปะเขมรแบบบายนจึงกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าเมืองสิงห์อันเป็นสถานที่ค้นพบประติมากรรมองค์นี้น่าจะตรงกับเมืองชัยสิงหปุระในจารึกปราสาทพระขรรค์ ซึ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้ส่งพระชัยพุทธมหานาถมาประดิษฐานไว้ หากข้อสันนิษฐานข้างต้นนี้เป็นจริงก็อาจตั้งข้อสังเกตถึงความใกล้ชิดระหว่างเมืองพระนครกับเมืองสิงห์ได้ จนอาจตั้งคำถามต่อเนื่องได้ว่าประติมากรรมพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีองค์นี้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นในเมืองพระนครแล้วถูกส่งมาประดิษฐานที่เมืองสิงห์เช่นเดียวกันกับพระชัยพุทธมหานาถได้หรือไม่","provenance":"ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นศิลปะเขมรแบบบายนจึงกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าเมืองสิงห์อันเป็นสถานที่ค้นพบประติมากรรมองค์นี้น่าจะตรงกับเมืองชัยสิงหปุระในจารึกปราสาทพระขรรค์ ซึ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้ส่งพระชัยพุทธมหานาถมาประดิษฐานไว้ หากข้อสันนิษฐานข้างต้นนี้เป็นจริงก็อาจตั้งข้อสังเกตถึงความใกล้ชิดระหว่างเมืองพระนครกับเมืองสิงห์ได้ จนอาจตั้งคำถามต่อเนื่องได้ว่าประติมากรรมพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีองค์นี้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นในเมืองพระนครแล้วถูกส่งมาประดิษฐานที่เมืองสิงห์เช่นเดียวกันกับพระชัยพุทธมหานาถได้หรือไม่","subject":"ปราสาทเมืองสิงห์, ปราสาทเมืองสิงห์, ปราสาทเมืองสิงห์, เมืองสิงห์, เมืองสิงห์, เมืองสิงห์, พระโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, บายน, บายน, บายน, ลพบุรี, ลพบุรี, ลพบุรี, ศิลปะเขมรในประเทศไทย, ศิลปะเขมรในประเทศไทย, ศิลปะเขมรในประเทศไทย, พระอวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี, พระอวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี, พระอวโลกิเตศวรเปล่","spatial":"กรุงเทพมหานคร (13.7576,100.492222)","temporal":"บายน, ลพบุรี, เขมรในประเทศไทย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/442"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี","creator":"","description":"เช่นเดียวกันกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีที่พบจากเมืองสิงห์ที่ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นศิลปะเขมรแบบบายนจึงกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าโบราณสถานสระโกสินารายณ์ที่ค้นพบประติมากรรมนี้น่าจะเป็นชุมชนในวัฒนธรรมเขมรที่ถูกเอ่ยถึงในจารึกปราสาทพระขรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองศามพูกปัฏฏนะซึ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้ส่งพระชัยพุทธมหานาถมาประดิษฐานไว้ หากข้อสันนิษฐานข้างต้นนี้เป็นจริงก็อาจตั้งข้อสังเกตถึงความใกล้ชิดระหว่างเมืองพระนครกับสระโกสินารายณ์ได้ จนอาจตั้งคำถามต่อเนื่องได้ว่าประติมากรรมพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีองค์นี้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นในเมืองพระนครแล้วถูกส่งมาประดิษฐานที่เมืองสิงห์เช่นเดียวกันกับพระชัยพุทธมหานาถได้หรือไม่","provenance":"เช่นเดียวกันกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีที่พบจากเมืองสิงห์ที่ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประวัติการสร้าง แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นศิลปะเขมรแบบบายนจึงกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าโบราณสถานสระโกสินารายณ์ที่ค้นพบประติมากรรมนี้น่าจะเป็นชุมชนในวัฒนธรรมเขมรที่ถูกเอ่ยถึงในจารึกปราสาทพระขรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองศามพูกปัฏฏนะซึ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้ส่งพระชัยพุทธมหานาถมาประดิษฐานไว้ หากข้อสันนิษฐานข้างต้นนี้เป็นจริงก็อาจตั้งข้อสังเกตถึงความใกล้ชิดระหว่างเมืองพระนครกับสระโกสินารายณ์ได้ จนอาจตั้งคำถามต่อเนื่องได้ว่าประติมากรรมพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีองค์นี้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นในเมืองพระนครแล้วถูกส่งมาประดิษฐานที่เมืองสิงห์เช่นเดียวกันกับพระชัยพุทธมหานาถได้หรือไม่","subject":"ปราสาทเมืองสิงห์, ปราสาทเมืองสิงห์, อวโลกิเตศวร, อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระอวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี, พระอวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี","spatial":"ราชบุรี (13.541034,99.817664)","temporal":"บายน, ลพบุรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/443"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ทรงระฆัง วัดกิตติ","creator":"","description":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง ปัจจุบันเป็นวัดร้าง เหลือหลักฐานเพียงแค่เจดีย์องค์นี้องค์เดียว แต่จากรูปแบบสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 20
","provenance":"ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง ปัจจุบันเป็นวัดร้าง เหลือหลักฐานเพียงแค่เจดีย์องค์นี้องค์เดียว แต่จากรูปแบบสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 20
","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, พระธาตุหริภุญชัย, ศิลปะล้านนา, วัดกิตติ, วัดอินทขีล","spatial":"เชียงใหม่ (18.785014,98.985846)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/444"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ทรงปราสาท วัดเกาะกลาง","creator":"","description":"ตามประวัติวัดได้กล่าวว่าสร้างขึ้นก่อน พ.ศ. 1176 โดยตระกูลเศรษฐีอินตา พระบิดาของพระนางจามเทวี โดยตั้งอยู่บนเกาะกลางหนองน้ำ จึงเรียกว่า วัดเกาะกลาง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมสามารถกำหนดอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 19
","provenance":"ตามประวัติวัดได้กล่าวว่าสร้างขึ้นก่อน พ.ศ. 1176 โดยตระกูลเศรษฐีอินตา พระบิดาของพระนางจามเทวี โดยตั้งอยู่บนเกาะกลางหนองน้ำ จึงเรียกว่า วัดเกาะกลาง แต่จากรูปแบบศิลปกรรมสามารถกำหนดอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 19
","subject":"เจดีย์ทรงปราสาท, ศิลปะล้านนา, วัดเกาะกลาง, พระนางจามเทวี","spatial":"ลำพูน (18.515859,98.894108)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/445"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ช้างล้อม","creator":"","description":"เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในบริเวณหอนอนของพญามังราย โดยรูปแบบที่ปรากฏในปัจจุบันน่าจะเกิดจากการบูรณะโดยพญาแสนหลวงในราว พ.ศ. 2114 และมีการซ่อมแซมเพิ่มเติมในสมัยต้นพุทธศตวรรษที่ 22 และในสมัยรัตนโกสินทร์
","provenance":"เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในบริเวณหอนอนของพญามังราย โดยรูปแบบที่ปรากฏในปัจจุบันน่าจะเกิดจากการบูรณะโดยพญาแสนหลวงในราว พ.ศ. 2114 และมีการซ่อมแซมเพิ่มเติมในสมัยต้นพุทธศตวรรษที่ 22 และในสมัยรัตนโกสินทร์
","subject":"เจดีย์ช้างล้อม, เจดีย์หลวง, ศิลปะล้านนา, เจดีย์ทรงปราสาทยอดเดียว, วัดเชียงมั่น, พญามังราย, พญาแสนหลวง","spatial":"เชียงใหม่ (18.793905,98.989437)","temporal":"ล้านนา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/446"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่","creator":"","description":"สร้างโดยพญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรกเพื่อเป็นที่ระลึกในการดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองเมือ พ.ศ. 2407 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสารีบุตรจากเมืองมัณฑเล ประเทศพม่า
","provenance":"สร้างโดยพญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรกเพื่อเป็นที่ระลึกในการดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองเมือ พ.ศ. 2407 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสารีบุตรจากเมืองมัณฑเล ประเทศพม่า
","subject":"เจดีย์ทรงระฆัง, เจดีย์, พระธาตุดอยกองมู, วัดพระธาตุดอยกองมู, เจดีย์พม่า, พญาสิงหนาทราชา, ศิลปะอมรปุระ – มัณฑเล","spatial":"แม่ฮ่องสอน (19.300005,97.960337)","temporal":"พม่า","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/447"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ปยามา","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"เจดีย์ปยามา","spatial":null,"temporal":"ศรีเกษตร","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/448"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์โบโบจี","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"เจดีย์โบโบจี","spatial":null,"temporal":"ศรีเกษตร","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/449"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์เลมเยทนา","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"เจดีย์เลมเยทนา","spatial":null,"temporal":"ศรีเกษตร","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/450"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ภายในเจดีย์เลมเยทนา","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"เจดีย์เลมเยทนา","spatial":null,"temporal":"ศรีเกษตร","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/451"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ชินดัตมยินดัต","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"เจดีย์ชินดัตมยินดัต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะมอญสะเทิม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/452"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทสมโบร์ไพรกุก หมู่ใต้ หลังที่ 1","creator":null,"description":"พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่แถบสมโบร์ไพรกุกในปัจจุบัน และสถาปนาเมืองอีศานปุระเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้โปรดให้สร้างเทวาลัยหมู่เหนือและหมู่ใต้ขึ้นในเมืองเพื่ออุทิศแด่พระศิวะ","provenance":"พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่แถบสมโบร์ไพรกุกในปัจจุบัน และสถาปนาเมืองอีศานปุระเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้โปรดให้สร้างเทวาลัยหมู่เหนือและหมู่ใต้ขึ้นในเมืองเพื่ออุทิศแด่พระศิวะ","subject":"สมโบร์ไพรกุก, อีศานวรมันที่ 1","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมโบร์ไพรกุก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/453"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทแปดเหลี่ยม : ปราสาทสมโบร์ไพรกุก","creator":null,"description":"พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่แถบสมโบร์ไพรกุกในปัจจุบัน และสถาปนาเมืองอีศานปุระเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้โปรดให้สร้างเทวาลัยหมู่เหนือและหมู่ใต้ขึ้นในเมืองเพื่ออุทิศแด่พระศิวะ","provenance":"พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่แถบสมโบร์ไพรกุกในปัจจุบัน และสถาปนาเมืองอีศานปุระเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้โปรดให้สร้างเทวาลัยหมู่เหนือและหมู่ใต้ขึ้นในเมืองเพื่ออุทิศแด่พระศิวะ","subject":"สมโบร์ไพรกุก, อีศานวรมันที่ 1","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมโบร์ไพรกุก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/454"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทสมโบร์ไพรกุก หมู่กลาง หลังที่ 1","creator":null,"description":"พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่แถบสมโบร์ไพรกุกในปัจจุบัน และสถาปนาเมืองอีศานปุระเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้โปรดให้สร้างเทวาลัยหมู่เหนือและหมู่ใต้ขึ้นในเมืองเพื่ออุทิศแด่พระศิวะ","provenance":"พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่แถบสมโบร์ไพรกุกในปัจจุบัน และสถาปนาเมืองอีศานปุระเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้โปรดให้สร้างเทวาลัยหมู่เหนือและหมู่ใต้ขึ้นในเมืองเพื่ออุทิศแด่พระศิวะ","subject":"สมโบร์ไพรกุก, อีศานวรมันที่ 1","spatial":null,"temporal":"ศิลปะไพรกเมง-กำพงพระ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/455"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระอารามโรงเจิน","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ภาพหลังจากการเสด็จกลับจากชวาและรวมรวมอาณาจักรขอมที่เคยแตกแยกให้กับมาเป็นปึกแผ่น ได้โปรดให้สถาปนาลัทธิเทวราชาขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการรวมอาณาจักร พระองค์โปรดให้สร้างเมืองหลวงบนเขาพนมกุเลน (มเหนทรบรรพต) เพื่อให้เหมือนกับเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ภาพหลังจากการเสด็จกลับจากชวาและรวมรวมอาณาจักรขอมที่เคยแตกแยกให้กับมาเป็นปึกแผ่น ได้โปรดให้สถาปนาลัทธิเทวราชาขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการรวมอาณาจักร พระองค์โปรดให้สร้างเมืองหลวงบนเขาพนมกุเลน (มเหนทรบรรพต) เพื่อให้เหมือนกับเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ","subject":"พระศิวะ, กุเลน, ชัยวรมันที่ 2, พระอารามโรงเจิน, ศิวลึงค์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะกุเลน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/456"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทดำไรกราบ","creator":null,"description":"ปราสาทดำไรกราบ เป็นปราสาทในศิลปะจามเพียงแห่งเดียวที่ปรากฏอยู่ในอาณาจักร การสร้างปราสาทดำไรกราบจึงอาจแสดงความสัมพันธ์กับอาณาจักรจามไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น การตั้งถิ่นฐานของชาวจามบนพนมกุเลน หรือความสัมพันธ์ทางการศาสนาหรืองานช่างระหว่างสองอาณาจักร","provenance":"ปราสาทดำไรกราบ เป็นปราสาทในศิลปะจามเพียงแห่งเดียวที่ปรากฏอยู่ในอาณาจักร การสร้างปราสาทดำไรกราบจึงอาจแสดงความสัมพันธ์กับอาณาจักรจามไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น การตั้งถิ่นฐานของชาวจามบนพนมกุเลน หรือความสัมพันธ์ทางการศาสนาหรืองานช่างระหว่างสองอาณาจักร","subject":"ปราสาทดำไรกราบ, ปราสาทหัวล่าย, จาม","spatial":null,"temporal":"หัวล่าย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/457"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม B","creator":null,"description":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","provenance":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","subject":"ศิวลึงค์, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา, โยนี","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/458"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทมิเซิน B5","creator":null,"description":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","provenance":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","subject":"ศิวลึงค์, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา, โยนี","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/459"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทมิเซิน C1","creator":null,"description":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","provenance":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","subject":"ศิวลึงค์, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา, ศิวนาฏราช","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/460"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทมิเซิน C1","creator":null,"description":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","provenance":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","subject":"ศิวลึงค์, จาม, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/461"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"รายละเอียดบัวรัดเกล้าของปราสาทมิเซิน C1","creator":null,"description":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","provenance":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","subject":"ศิวลึงค์, จาม, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/462"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิภีมะ","creator":null,"description":"จันทิบนที่ราบสูงเดียง สร้างขึ้นโดยราชวงศ์สัญชัยผู้นับถือศาสนาฮินดู ถือเป็นจันทิที่เก่าแก่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลาง จันทิเหล่านี้ตั้งชื่อตามตัวละครในมหาภารตะ เช่น อรชุน ภีมะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จันทิเหล่านี้กลับอุทิศให้กับพระศิวะ โดยชื่อทั้งหมดคงเป็นชื่อในสมัยหลัง","provenance":"จันทิบนที่ราบสูงเดียง สร้างขึ้นโดยราชวงศ์สัญชัยผู้นับถือศาสนาฮินดู ถือเป็นจันทิที่เก่าแก่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลาง จันทิเหล่านี้ตั้งชื่อตามตัวละครในมหาภารตะ เช่น อรชุน ภีมะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จันทิเหล่านี้กลับอุทิศให้กับพระศิวะ โดยชื่อทั้งหมดคงเป็นชื่อในสมัยหลัง","subject":"จันทิ, ราชวงศ์สัญชัย","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/463"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิเมนดุต","creator":null,"description":"จันทิเมนดุต สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและบุโรพุทโธ","provenance":"จันทิเมนดุต สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและบุโรพุทโธ","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทิปะวน, บุโรพุทโธ, จันทิเมนดุต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/464"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิปะวน","creator":null,"description":"จันทิปะวน ตั้งอยู่ใกล้บุโรพุทโธ สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายานโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน","provenance":"จันทิปะวน ตั้งอยู่ใกล้บุโรพุทโธ สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายานโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน","subject":null,"spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/465"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุดำ","creator":null,"description":"สถูปขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเวียงจันทน์องค์นี้ แม้จะไม่ทราบว่าผู้ใดสร้าง แต่ก็น่าเชื่อว่าคงสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 22 คือตั้งแต่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชย้ายเมืองหลวงมากหลวงพระบางมาสู่เวียงจันทน์ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงเป็นกษัตริย์ที่มีเชื้อสายล้านนา และพระองค์ยังเคยเสด็จไปเชียงใหม่ด้วย ด้วยเหตุนี้เจดีย์ในระยะนี้จึงได้อิทธิพลล้านนามาผสมผสานกับแบบล้านช้างเอง","provenance":"สถูปขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเวียงจันทน์องค์นี้ แม้จะไม่ทราบว่าผู้ใดสร้าง แต่ก็น่าเชื่อว่าคงสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 22 คือตั้งแต่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชย้ายเมืองหลวงมากหลวงพระบางมาสู่เวียงจันทน์ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงเป็นกษัตริย์ที่มีเชื้อสายล้านนา และพระองค์ยังเคยเสด็จไปเชียงใหม่ด้วย ด้วยเหตุนี้เจดีย์ในระยะนี้จึงได้อิทธิพลล้านนามาผสมผสานกับแบบล้านช้างเอง","subject":"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, ล้านนา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/466"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วิหารวัดองค์ตื้อ","creator":null,"description":"พระเจ้าองค์ตื้อ เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองซึ่งสร้างมาตั้งแต่พระเจ้าไชยเชษฐา ต่อมาภายหลังการเผาทำลายเมืองเวียงจันทน์ วิหารของวัดแห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ในรัชกาลพระเจ้าศรีสว่างวงศ์เพื่อประดิษฐานพระพุทธองค์ดังกล่าว","provenance":"พระเจ้าองค์ตื้อ เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองซึ่งสร้างมาตั้งแต่พระเจ้าไชยเชษฐา ต่อมาภายหลังการเผาทำลายเมืองเวียงจันทน์ วิหารของวัดแห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ในรัชกาลพระเจ้าศรีสว่างวงศ์เพื่อประดิษฐานพระพุทธองค์ดังกล่าว","subject":"วัดองค์ตื้อ, พระเจ้าศรีสว่างวงศ์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/467"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอพระแก้ว","creator":null,"description":"พระเจ้าแก้วมรกตซึ่งค้นพบท่เชียงรายและประดิษฐานที่ลำปางกับเชียงใหม่มาระยะหนึ่ง ต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาได้อัญเชิญลงมาที่เวียงจันทน์ด้วย\r\n\r\nก่อนที่จะถูกอัญเชิญลงมายังกรุงเทพในสมัยธนบุรี","provenance":"พระเจ้าแก้วมรกตซึ่งค้นพบท่เชียงรายและประดิษฐานที่ลำปางกับเชียงใหม่มาระยะหนึ่ง ต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาได้อัญเชิญลงมาที่เวียงจันทน์ด้วย\r\n\r\nก่อนที่จะถูกอัญเชิญลงมายังกรุงเทพในสมัยธนบุรี","subject":"ศิลปะลาว, พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, หอพระแก้ว, เวียงจันทน์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/468"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอพระไตรปิฎก วัดอินแปง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ศิลปะลาว, หอพระไตรปิฎก, วัดอินแปง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/469"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอพระไตรปิฎก วัดอินแปง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ศิลปะลาว, หอพระไตรปิฎก, วัดอินแปง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/470"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิเบดังดาลาม","creator":null,"description":"จันทิเบดังดาลามไม่มีจารึกเกี่ยวกับการสร้างใดๆ อย่างไรก็ตามจากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยศรีวัยราวพุทธศตวรรษที่ 12-16 จันทิแห่งนี้ได้รับการค้นพบใน พ.ศ.2513 และได้รับการขุดแต่งใน พ.ศ.2517","provenance":"จันทิเบดังดาลามไม่มีจารึกเกี่ยวกับการสร้างใดๆ อย่างไรก็ตามจากรูปแบบศิลปกรรมเชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยศรีวัยราวพุทธศตวรรษที่ 12-16 จันทิแห่งนี้ได้รับการค้นพบใน พ.ศ.2513 และได้รับการขุดแต่งใน พ.ศ.2517","subject":"จันทิ, จันทิเบดังดาลาม, ชวา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะศรีวิชัย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/471"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดซาฮีร์","creator":null,"description":"เมืองอลอสตาร์ เดิมคือเมืองไทรบุรีเหรืเคดาห์ซึ่งมีประวัติอันยาวนานมาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองไทรบุรีเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม ต่อมาตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ มัสยิดซาฮีร์ ซึ่งเป็นมัสยิดหลวงแห่งไทรบุรีก็ถูกสร้างขึ้นในสมัยอาณานิคม","provenance":"เมืองอลอสตาร์ เดิมคือเมืองไทรบุรีเหรืเคดาห์ซึ่งมีประวัติอันยาวนานมาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองไทรบุรีเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม ต่อมาตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ มัสยิดซาฮีร์ ซึ่งเป็นมัสยิดหลวงแห่งไทรบุรีก็ถูกสร้างขึ้นในสมัยอาณานิคม","subject":"มัสยิด, โมกุล-มัวร์ สไตล์, มัสยิดซาฮีร์, ไทรบุรี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/472"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดกปิตันกลิง","creator":null,"description":"มัสยิดกปิตันกลิง ถือเป็นมัสยิดทีเก่าที่จุดในเมืองจอร์จทาวน์ มัสยิดสร้างขึ้นโดยกปิตันกลิง หรือหัวหน้าชาวอินเดียใต้ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ ใน พ.ศ.2344 อย่างไรก็ตามมัสยิดปัจจุบันรวมถึงหอคอยเป็นผลจากการขยายต่อเติมในพุทธศตวรรษที่ 25 ภายใต้สมัยอาณานิคมอังกฤษ","provenance":"มัสยิดกปิตันกลิง ถือเป็นมัสยิดทีเก่าที่จุดในเมืองจอร์จทาวน์ มัสยิดสร้างขึ้นโดยกปิตันกลิง หรือหัวหน้าชาวอินเดียใต้ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ ใน พ.ศ.2344 อย่างไรก็ตามมัสยิดปัจจุบันรวมถึงหอคอยเป็นผลจากการขยายต่อเติมในพุทธศตวรรษที่ 25 ภายใต้สมัยอาณานิคมอังกฤษ","subject":"มัสยิด, มัสยิดกปิตันกลิง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/473"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หอคอยของมัสยิดกปิตันกลิง","creator":null,"description":"มัสยิดกปิตันกลิง ถือเป็นมัสยิดทีเก่าที่จุดในเมืองจอร์จทาวน์ มัสยิดสร้างขึ้นโดยกปิตันกลิง หรือหัวหน้าชาวอินเดียใต้ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ใน พ.ศ.2344 อย่างไรก็ตามมัสยิดปัจจุบันรวมถึงหอคอยเป็นผลจากการขยายต่อเติมในพุทธศตวรรษที่ 25ภายใต้สมัยอาณานิคมอังกฤษ","provenance":"มัสยิดกปิตันกลิง ถือเป็นมัสยิดทีเก่าที่จุดในเมืองจอร์จทาวน์ มัสยิดสร้างขึ้นโดยกปิตันกลิง หรือหัวหน้าชาวอินเดียใต้ผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ใน พ.ศ.2344 อย่างไรก็ตามมัสยิดปัจจุบันรวมถึงหอคอยเป็นผลจากการขยายต่อเติมในพุทธศตวรรษที่ 25ภายใต้สมัยอาณานิคมอังกฤษ","subject":"มัสยิด, โมกุล-มัวร์ สไตล์, มัสยิดกปิตันกลิง, หอคอย","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/474"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอคอยของมัสยิดมลายู","creator":null,"description":"มัสยิดมลายู สร้างขึ้นโดยชาวอาเจะห์ (ทางเหนือของเกาะสุมาตรา) ซึ่งชื่อว่า Tunku Syed Hussain Adid ผู้ร่ำรวยและมีบทบาททางด้านการเมือง","provenance":"มัสยิดมลายู สร้างขึ้นโดยชาวอาเจะห์ (ทางเหนือของเกาะสุมาตรา) ซึ่งชื่อว่า Tunku Syed Hussain Adid ผู้ร่ำรวยและมีบทบาททางด้านการเมือง","subject":"มัสยิด, หอคอย, มัสยิดมลายู, ตนกู ไซยิด ฮุสเซน อาดิด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/475"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์ซานออกุสติน","creator":null,"description":"โบสถ์ซานออกุสติน เป็นโบสถ์เพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีประวัติว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ Legazpi สถาปนาอินทรามูรอส เดิมโบสถ์สร้างด้วยไม้แต่ถูกไฟใหม้เมื่อเทียนที่จุดบูชาหลุมศพนั้นเกิดอุบัติเหตุ โบสถ์ปัจจุบันสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1599-1606 และยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน","provenance":"โบสถ์ซานออกุสติน เป็นโบสถ์เพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีประวัติว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ Legazpi สถาปนาอินทรามูรอส เดิมโบสถ์สร้างด้วยไม้แต่ถูกไฟใหม้เมื่อเทียนที่จุดบูชาหลุมศพนั้นเกิดอุบัติเหตุ โบสถ์ปัจจุบันสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1599-1606 และยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน","subject":"โบสถ์, โบสถ์ซานออกุสติน","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/476"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ภายในโบสถ์ซานออกุสติน","creator":null,"description":"โบสถ์ซานออกุสติน เป็นโบสถ์เพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีประวัติว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ Legazpi สถาปนาอินทรามูรอส เดิมโบสถ์สร้างด้วยไม้แต่ถูกไฟใหม้เมื่อเทียนที่จุดบูชาหลุมศพนั้นเกิดอุบัติเหตุ โบสถ์ปัจจุบันสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1599-1606 และยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน","provenance":"โบสถ์ซานออกุสติน เป็นโบสถ์เพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีประวัติว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ Legazpi สถาปนาอินทรามูรอส เดิมโบสถ์สร้างด้วยไม้แต่ถูกไฟใหม้เมื่อเทียนที่จุดบูชาหลุมศพนั้นเกิดอุบัติเหตุ โบสถ์ปัจจุบันสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1599-1606 และยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน","subject":"โบสถ์, โบสถ์ซานออกุสติน, นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/477"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาสนวิหารแห่งมะนิลา","creator":null,"description":"อาสนวิหารแห่งมะนิลา สร้างขึ้นมาแล้วตั้งแต่ ค.ศ.1571 เนื่องด้วยภัยแผ่นดินไหว พายุและสงครามทำให้โบสถ์แห่งนี้ถูกทำลายและสร้างใหม่หลายครั้ง ครั้งหลังสุดสร้างขึ้นใหม่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง","provenance":"อาสนวิหารแห่งมะนิลา สร้างขึ้นมาแล้วตั้งแต่ ค.ศ.1571 เนื่องด้วยภัยแผ่นดินไหว พายุและสงครามทำให้โบสถ์แห่งนี้ถูกทำลายและสร้างใหม่หลายครั้ง ครั้งหลังสุดสร้างขึ้นใหม่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง","subject":"โบสถ์","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/478"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์ไคอาโป","creator":null,"description":"โบสถ์ไคอาโป ที่ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำ Pasig นอกเมืองอินทรามูรอส โดยได้รับการสถาปนาให้เป็นบาซิลิกา (Basilica) โดยพระสันตะปาปา ดังที่ปรากฏเครื่องหมายของพระสันตะปาปา (มกุฏสามชั้นและกุญแจ) อยู่บนหน้าบัน ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่ภายหลังสงคราม","provenance":"โบสถ์ไคอาโป ที่ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำ Pasig นอกเมืองอินทรามูรอส โดยได้รับการสถาปนาให้เป็นบาซิลิกา (Basilica) โดยพระสันตะปาปา ดังที่ปรากฏเครื่องหมายของพระสันตะปาปา (มกุฏสามชั้นและกุญแจ) อยู่บนหน้าบัน ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่ภายหลังสงคราม","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/479"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์บินอนโด","creator":null,"description":"โบสถ์บินอนโด ตั้งอยู่ในย่านคนจีนทางตอนเหนือของแม่น้ำ Pasig โบสถ์แห่งนี้ได้รับความเสียหายมากในสงคราม ทำให้แผงด้านหน้า ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยเลียนแบบของเดิม","provenance":"โบสถ์บินอนโด ตั้งอยู่ในย่านคนจีนทางตอนเหนือของแม่น้ำ Pasig โบสถ์แห่งนี้ได้รับความเสียหายมากในสงคราม ทำให้แผงด้านหน้า ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยเลียนแบบของเดิม","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก, ศิลปะคลาสสิก","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/480"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดสุลต่าน","creator":null,"description":"เมื่อสิงคโปร์ถูกโอนไปให้อาณานิคมอังกฤษ เซอร์สแตฟอร์ตได้มอบพื้นที่ส่วนหนึ่งแถบหมู่บ้านกำปงคลาม (Kampong Glam) ไว้สำหรับชาวมาเลย์ที่นับถือศาสนาอิสลามให้กับสุลต่าน Hussian Shahof องค์สุลต่านเองได้สร้างมัสยิดและพระราชวังไว้ใน พ.ศ.2367-2369 โดยมัสยิดเดิมเป็นแบบหลังคาลาดคล้ายกับมัสยิดที่มะละกา อย่างไรก็ตาม พ.ศ.2467 มัสยิดเก่าหักพังมากยากเกินกว่าจะซ่อมแซม ทำให้สถาปนิกชาวอังกฤษ สร้างมัสยิดใหม่ภายใต้อิทธิพลแบบอินเดียและมัวร์ ซึ่งเป็นแบบที่นิยมอย่างมากโดยสถาปนิกชาวอังกฤษในระยะนี้","provenance":"เมื่อสิงคโปร์ถูกโอนไปให้อาณานิคมอังกฤษ เซอร์สแตฟอร์ตได้มอบพื้นที่ส่วนหนึ่งแถบหมู่บ้านกำปงคลาม (Kampong Glam) ไว้สำหรับชาวมาเลย์ที่นับถือศาสนาอิสลามให้กับสุลต่าน Hussian Shahof องค์สุลต่านเองได้สร้างมัสยิดและพระราชวังไว้ใน พ.ศ.2367-2369 โดยมัสยิดเดิมเป็นแบบหลังคาลาดคล้ายกับมัสยิดที่มะละกา อย่างไรก็ตาม พ.ศ.2467 มัสยิดเก่าหักพังมากยากเกินกว่าจะซ่อมแซม ทำให้สถาปนิกชาวอังกฤษ สร้างมัสยิดใหม่ภายใต้อิทธิพลแบบอินเดียและมัวร์ ซึ่งเป็นแบบที่นิยมอย่างมากโดยสถาปนิกชาวอังกฤษในระยะนี้","subject":"มัสยิด, โมกุล-มัวร์ สไตล์, หมู่บ้านกำปงคลาม, เซอร์สแตฟอร์ต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/481"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดฮัญญะฮฺ ฟาติมะฮฺ","creator":null,"description":"สร้างขึ้นในหมู่บ้านกำปงคลาม ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวมาเลย์มุสลิมในเกาะสิงคโปร์ ในหมู่บ้านเดียวกันนี้ก็เป็นที่ตั้งของมัสยิดสุลต่านอีกด้วย มัสยิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่บ้านเดิมของหญิงชาวมาเลย์ชื่อ ฮัญญะฮฺ ฟาติมะฮฺ ซี่งทำการค้าขายจนร่ำรวย ต่อมาเมื่อเธอเสียชีวิต สุสานของเธอก็อยู่ในมัสยิดแห่งนี้ด้วย","provenance":"สร้างขึ้นในหมู่บ้านกำปงคลาม ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวมาเลย์มุสลิมในเกาะสิงคโปร์ ในหมู่บ้านเดียวกันนี้ก็เป็นที่ตั้งของมัสยิดสุลต่านอีกด้วย มัสยิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่บ้านเดิมของหญิงชาวมาเลย์ชื่อ ฮัญญะฮฺ ฟาติมะฮฺ ซี่งทำการค้าขายจนร่ำรวย ต่อมาเมื่อเธอเสียชีวิต สุสานของเธอก็อยู่ในมัสยิดแห่งนี้ด้วย","subject":"มัสยิด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/482"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพรหมภายในเจดีย์นันปยะ","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระพรหม, พุกาม","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/483"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าต่างของเจดีย์นันปยะ","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พุกาม","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/484"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปในมนูหะ","creator":null,"description":"พระเจ้าอโนรธาเสด็จยกทัพลงไปตีเมืองสะเทิม เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกเถรวาทขึ้นมาที่เมืองพุกาม เนื่องจากพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญในขณะนั้นไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพระองค์ หลังจากที่ตีเมืองสะเทิมสำเร็จและได้อัญเชิญพระไตรปิฎกแล้ว พระเจ้าอโนรธาได้คุมตัวพระเจ้ามนูหะมาประทับที่เมืองพุกามด้วย\r\nตำนานกล่าวว่า พระเจ้ามนูหะได้สร้างปฏิมาฆระแห่งนี้ขึ้นเพื่อระบายความคับแค้นพระทัยของพระองค์","provenance":"พระเจ้าอโนรธาเสด็จยกทัพลงไปตีเมืองสะเทิม เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกเถรวาทขึ้นมาที่เมืองพุกาม เนื่องจากพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญในขณะนั้นไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพระองค์ หลังจากที่ตีเมืองสะเทิมสำเร็จและได้อัญเชิญพระไตรปิฎกแล้ว พระเจ้าอโนรธาได้คุมตัวพระเจ้ามนูหะมาประทับที่เมืองพุกามด้วย\r\nตำนานกล่าวว่า พระเจ้ามนูหะได้สร้างปฏิมาฆระแห่งนี้ขึ้นเพื่อระบายความคับแค้นพระทัยของพระองค์","subject":"พระพุทธรูป, พุกาม","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/485"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพชาดกดินเผา เรื่องพระมหาชนก","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"ชาดก, พุกาม, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/486"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพชาดกดินเผา เรื่องสุวรรณสาม","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"ชาดก, พุกาม, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/487"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"ปราสาทดงเดืองเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนามาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 อย่างไรก็ตาม โบราณวัตถุที่ค้นพบนั้นอาจแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนาในดินแดนจามอาจเจริญมาก่อนตั้งแต่ในพุทธศตวรรษที่ 12-14 แล้วดังที่พระพุทธรูปองค์นี้อาจถูกนำเข้ามาจากอินเดียใต้หรือลังกาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12-14","provenance":"ปราสาทดงเดืองเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนามาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 อย่างไรก็ตาม โบราณวัตถุที่ค้นพบนั้นอาจแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนาในดินแดนจามอาจเจริญมาก่อนตั้งแต่ในพุทธศตวรรษที่ 12-14 แล้วดังที่พระพุทธรูปองค์นี้อาจถูกนำเข้ามาจากอินเดียใต้หรือลังกาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12-14","subject":"ลังกา, พระพุทธเจ้า, ปราสาทดงเดือง","spatial":null,"temporal":"อมราวดีหรืออนุราธปุระ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/488"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ฐานสลักหินจากปราสาทมิเซิน E","creator":null,"description":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามปา พุทธศตวรรษที่ 12-13 จากปราสาทกลุ่มมิเซิน E นี้ได้ค้นพบฐานหินซึ่งอาจใช้ประดิษฐานศิวลึงค์ประธาน","provenance":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามปา พุทธศตวรรษที่ 12-13 จากปราสาทกลุ่มมิเซิน E นี้ได้ค้นพบฐานหินซึ่งอาจใช้ประดิษฐานศิวลึงค์ประธาน","subject":"ศิวลึงค์, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา","spatial":null,"temporal":"มิเซิน E1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/489"},{"type":"ประติมากรรม","title":"รายละเอียดของฐานสลักหินจากปราสาทมิเซิน E","creator":null,"description":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามมรพุทธศตวรรษที่ 12-13 จากปราสาทกลุ่มมิเซิน E นี้ได้ค้นพบฐานหินซึ่งอาจใช้ประดิษฐานศิวลึงค์ประธาน","provenance":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามมรพุทธศตวรรษที่ 12-13 จากปราสาทกลุ่มมิเซิน E นี้ได้ค้นพบฐานหินซึ่งอาจใช้ประดิษฐานศิวลึงค์ประธาน","subject":"มิเซิน, ยักษ์","spatial":null,"temporal":"มิเซิน E1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/490"},{"type":"ประติมากรรม","title":"รายละเอียดของฐานสลักหินจากปราสาทมิเซิน E","creator":null,"description":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามมรพุทธศตวรรษที่ 12-13 จากปราสาทกลุ่มมิเซิน E นี้ได้ค้นพบฐานหินซึ่งอาจใช้ประดิษฐานศิวลึงค์ประธาน","provenance":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามมรพุทธศตวรรษที่ 12-13 จากปราสาทกลุ่มมิเซิน E นี้ได้ค้นพบฐานหินซึ่งอาจใช้ประดิษฐานศิวลึงค์ประธาน","subject":"พระศิวะ, ศิวลึงค์, มิเซิน","spatial":null,"temporal":"มิเซิน E1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/491"},{"type":"ประติมากรรม","title":"รายละเอียดของฐานสลักหินจากปราสาทมิเซิน E","creator":null,"description":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามมรพุทธศตวรรษที่ 12-13 จากปราสาทกลุ่มมิเซิน E นี้ได้ค้นพบฐานหินซึ่งอาจใช้ประดิษฐานศิวลึงค์ประธาน","provenance":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามมรพุทธศตวรรษที่ 12-13 จากปราสาทกลุ่มมิเซิน E นี้ได้ค้นพบฐานหินซึ่งอาจใช้ประดิษฐานศิวลึงค์ประธาน","subject":"พระศิวะ, ศิวลึงค์, มิเซิน","spatial":null,"temporal":"มิเซิน E1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/492"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระหริหระ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระวิษณุ, พระศิวะ, พนมดา, หริหระ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพนมดา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/493"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูป","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระพุทธรูป, พนมดา, พุทธมหายาน, คุปตะ, อภัยมุทรา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพนมดา","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/494"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ทับหลัง, สมโบร์ไพรกุก, มกร, ปัลลวะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมโบร์ไพรกุก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/495"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพสลักรูปปราสาท บนผนังที่ปราสาทสมโบร์ไพรกุก","creator":null,"description":"สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอิศานวรมัน แห่งอาณาจักรเจนละ ภายหลังจากที่พระองค์ได้ยกทัพยึดฟูนันได้สำเร็จ ทรงโปรดให้ย้ายเมืองหลวงมายังเมืองสมโบร์ไพรกุก","provenance":"สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอิศานวรมัน แห่งอาณาจักรเจนละ ภายหลังจากที่พระองค์ได้ยกทัพยึดฟูนันได้สำเร็จ ทรงโปรดให้ย้ายเมืองหลวงมายังเมืองสมโบร์ไพรกุก","subject":"สมโบร์ไพรกุก, ฮินดู, วิมาน, อินเดียใต้, ปราสาทจำลอง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมโบร์ไพรกุก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/496"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง","creator":null,"description":"สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอิศานวรมัน แห่งอาณาจักรเจนละ ภายหลังจากที่พระองค์ได้ยกทัพยึดฟูนันได้สำเร็จ ทรงโปรดให้ย้ายเมืองหลวงมายังเมืองสมโบร์ไพรกุก\r\nทับหลัง เป็นชิ้นส่วนของสถาปัตยกรรมที่พบในศิลปะเขมร โดยจะติดตั้งอยู่บนกรอบประตูทางเข้าเสมอ","provenance":"สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอิศานวรมัน แห่งอาณาจักรเจนละ ภายหลังจากที่พระองค์ได้ยกทัพยึดฟูนันได้สำเร็จ ทรงโปรดให้ย้ายเมืองหลวงมายังเมืองสมโบร์ไพรกุก\r\nทับหลัง เป็นชิ้นส่วนของสถาปัตยกรรมที่พบในศิลปะเขมร โดยจะติดตั้งอยู่บนกรอบประตูทางเข้าเสมอ","subject":"ทับหลัง, สมโบร์ไพรกุก, ไพรกเมง, ฮินดู, กำพงพระ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะไพรกเมง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/497"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์บูพยา","creator":null,"description":"พื้นที่แถบพุกามคนเคยเป็นบ้านเมืองมาแล้งตั้งแต่สมัยก่อนพระเจ้าอโนรธา ดังที่มีตำนานกล่าวถึงกษัตริย์จำนวนมากที่ครองราชย์ที่เมืองพุกามมาก่อนพุทธศตวรรษที่ 16 และกษัตริย์ในตำนานเหล่านี้เองที่อาจอุปถัมภ์เจดีย์บูพยา อย่างไรก็ตาม กษัตริย์เหล่านี้ไม่มีหลักฐานจารึกรองรับและเจดีย์บูพยาเองก็ไม่มีจารึกว่าใครเป็นผู้สร้าง","provenance":"พื้นที่แถบพุกามคนเคยเป็นบ้านเมืองมาแล้งตั้งแต่สมัยก่อนพระเจ้าอโนรธา ดังที่มีตำนานกล่าวถึงกษัตริย์จำนวนมากที่ครองราชย์ที่เมืองพุกามมาก่อนพุทธศตวรรษที่ 16 และกษัตริย์ในตำนานเหล่านี้เองที่อาจอุปถัมภ์เจดีย์บูพยา อย่างไรก็ตาม กษัตริย์เหล่านี้ไม่มีหลักฐานจารึกรองรับและเจดีย์บูพยาเองก็ไม่มีจารึกว่าใครเป็นผู้สร้าง","subject":"พุกาม, พระเจ้าอโนรธา, เจดีย์บูพยา","spatial":null,"temporal":"ศรีเกษตร","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/498"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอพระไตรปิฎก","creator":null,"description":"พระเจ้าอโนรธาเสด็จยกทัพลงไปตีเมืองสะเทิม เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกเถรวาทขึ้นมาที่เมืองพุกาม เนื่องจากพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญในขณะนั้นไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพระองค์ หลังจากที่ตีเมืองสะเทิมสำเร็จและได้อัญเชิญพระไตรปิฎกแล้ว พระเจ้าอโนรธาได้สร้างหอพระไตรปิฎกประดิษฐาน","provenance":"พระเจ้าอโนรธาเสด็จยกทัพลงไปตีเมืองสะเทิม เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกเถรวาทขึ้นมาที่เมืองพุกาม เนื่องจากพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญในขณะนั้นไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพระองค์ หลังจากที่ตีเมืองสะเทิมสำเร็จและได้อัญเชิญพระไตรปิฎกแล้ว พระเจ้าอโนรธาได้สร้างหอพระไตรปิฎกประดิษฐาน","subject":"หอพระไตรปิฎก, พุกาม, พระเจ้าอโนรธา","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/499"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มนูหะ","creator":null,"description":"พระเจ้าอโนรธาเสด็จยกทัพลงไปตีเมืองสะเทิม เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกเถรวาทขึ้นมาที่เมืองพุกาม เนื่องจากพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญในขณะนั้นไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพระองค์ หลังจากที่ตีเมืองสะเทิมสำเร็จและได้อัญเชิญพระไตรปิฎกแล้ว พระเจ้าอโนรธาได้คุมตัวพระเจ้ามนูหะมาประทับที่เมืองพุกามด้วย\r\n\r\nตำนานกล่าวว่า พระเจ้ามนูหะได้สร้างปฏิมาฆระแห่งนี้ขึ้นเพื่อระบายความคับแค้นพระทัยของพระองค์","provenance":"พระเจ้าอโนรธาเสด็จยกทัพลงไปตีเมืองสะเทิม เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกเถรวาทขึ้นมาที่เมืองพุกาม เนื่องจากพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญในขณะนั้นไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพระองค์ หลังจากที่ตีเมืองสะเทิมสำเร็จและได้อัญเชิญพระไตรปิฎกแล้ว พระเจ้าอโนรธาได้คุมตัวพระเจ้ามนูหะมาประทับที่เมืองพุกามด้วย\r\n\r\nตำนานกล่าวว่า พระเจ้ามนูหะได้สร้างปฏิมาฆระแห่งนี้ขึ้นเพื่อระบายความคับแค้นพระทัยของพระองค์","subject":"พุกาม, พระเจ้าอโนรธา, มนูหะ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/500"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์นันปยะ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พุกาม, มนูหะ, เจดีย์นันปยะ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/501"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ชเวซิกอง","creator":null,"description":"พระเจ้าอโนรธาโปรดให้สร้างเจดีย์ชเวซิกองเพื่อบรรจุพระเขี้ยวแก้วจำลองจากลังกา เจดีย์องค์นี้มีขนาดใหญ่มากจึงสร้างสำเร็จในรัชกาลพระเจ้าจันสิตถา","provenance":"พระเจ้าอโนรธาโปรดให้สร้างเจดีย์ชเวซิกองเพื่อบรรจุพระเขี้ยวแก้วจำลองจากลังกา เจดีย์องค์นี้มีขนาดใหญ่มากจึงสร้างสำเร็จในรัชกาลพระเจ้าจันสิตถา","subject":"เจดีย์โบโบจี, พุกาม, พระเจ้าอโนรธา, พระเจ้าจันสิตถา","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/502"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ชเวซานดอ","creator":null,"description":"พระเจ้าอโนรธาโปรดให้สร้างเจดีย์ชเวซานดอเพื่อบรรจุพระเกศธาตุจากเมืองมอญ","provenance":"พระเจ้าอโนรธาโปรดให้สร้างเจดีย์ชเวซานดอเพื่อบรรจุพระเกศธาตุจากเมืองมอญ","subject":"พระเจ้าอโนรธา, เจดีย์ชเวซานดอ, พระเกศธาตุ, เจดีย์ชเวซิกอง","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/503"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์โลกานันท์","creator":null,"description":"พระเจ้าอโนรธาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นบริเวณท่าน้ำซึ่งพระเขี้ยวแก้วได้รับการอัญเชิญมาขึ้นจุดแรก","provenance":"พระเจ้าอโนรธาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นบริเวณท่าน้ำซึ่งพระเขี้ยวแก้วได้รับการอัญเชิญมาขึ้นจุดแรก","subject":"พระเจ้าอโนรธา, เจดีย์ชเวซิกอง, เจดีย์โลกาเทียกพัน, ปยู","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/504"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์อเพยาทนะ","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระนางอเพยทนะหรืออภัยรัตนาทรงเสด็จมาที่นี่เพื่อพบกับพระเจ้าจันสิตถาในขณะที่ทรงหลบหนีความพิโรธของพระเจ้าสอลู","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระนางอเพยทนะหรืออภัยรัตนาทรงเสด็จมาที่นี่เพื่อพบกับพระเจ้าจันสิตถาในขณะที่ทรงหลบหนีความพิโรธของพระเจ้าสอลู","subject":"พระโพธิสัตว์, พุกาม, พระเจ้าจันสิตถา, พระเจ้าสอลู, พระนางอภัยรัตนา, เจดีย์อเพยทนะ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/505"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์นาคยน","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าในขณะที่ทรงหลบหนีความพิโรธของพระเจ้าสอลูพญานาคได้มาช่วยปกป้องพระองค์ ณ ตำแหน่งนี้","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าในขณะที่ทรงหลบหนีความพิโรธของพระเจ้าสอลูพญานาคได้มาช่วยปกป้องพระองค์ ณ ตำแหน่งนี้","subject":"พุกาม, พระเจ้าจันสิตถา, เจดีย์นาคยน, พระเจ้าสอลู","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/506"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อานันทเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว","subject":"พุกาม, พระเจ้าจันสิตถา, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/507"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ทางประทักษิณภายในอานันทเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์นี้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์นี้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว","subject":"ภาพสลัก, พระเจ้าจันสิตถา, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/508"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์กุพโยคจีที่มยิงกบา","creator":null,"description":"เจ้าชายราชกุมาร โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระเจ้าจันสิตถาในยามที่พระองค์ประชวรในวาระสุดท้าย โดยจารึกมยาเซดีย์ได้กล่าวถึงการกระทำบุญของเจ้าชายราชกุมารโดยละเอียดว่ามีการสร้างพระพุทธรูปทองคำเพื่ออุทิศให้กับพระเจ้าจันสิตถาด้วย","provenance":"เจ้าชายราชกุมาร โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระเจ้าจันสิตถาในยามที่พระองค์ประชวรในวาระสุดท้าย โดยจารึกมยาเซดีย์ได้กล่าวถึงการกระทำบุญของเจ้าชายราชกุมารโดยละเอียดว่ามีการสร้างพระพุทธรูปทองคำเพื่ออุทิศให้กับพระเจ้าจันสิตถาด้วย","subject":"พระเจ้าจันสิตถา, เจ้าชายราชกุมาร, เจดีย์กุพโยคจี, จารึกมยาเซดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/509"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์สัพพัญญู","creator":null,"description":"พระเจ้าอลองสิทธุโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","provenance":"พระเจ้าอลองสิทธุโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","subject":"พุกาม, พระเจ้าอลองสิทธุ, เจดีย์สัพพัญญู, เจดีย์สูลามณี, เจดีย์ติโลมินโล","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/510"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ชเวกูจี","creator":null,"description":"พระเจ้าอลองสิทธุโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","provenance":"พระเจ้าอลองสิทธุโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","subject":"พุกาม, พระเจ้าจันสิตถา, พระเจ้าอลองสิทธุ, เจดีย์ชเวกูจี","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/511"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ธรรมยังจี","creator":null,"description":"พระเจ้านรถุโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานที่สัมพันธ์กับความโหดร้ายของพระองค์ เช่น ถ้าช่างคนใดสออิฐไม่สนิทจะถูกทำทา เป็นต้น ตำนานยังเล่าต่อว่าเจดีย์องค์นี้สร้างไม่สำเร็จก็เนื่องด้วยพระเจ้านรถุถูกปลงพระชนม์ก่อน","provenance":"พระเจ้านรถุโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานที่สัมพันธ์กับความโหดร้ายของพระองค์ เช่น ถ้าช่างคนใดสออิฐไม่สนิทจะถูกทำทา เป็นต้น ตำนานยังเล่าต่อว่าเจดีย์องค์นี้สร้างไม่สำเร็จก็เนื่องด้วยพระเจ้านรถุถูกปลงพระชนม์ก่อน","subject":"พุกาม, อานันทเจดีย์, เจดีย์ธรรมยังจี, พระเจ้านรถุ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/512"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์สูลามณี","creator":null,"description":"พระเจ้านรปติสิทธุโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","provenance":"พระเจ้านรปติสิทธุโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","subject":"พุกาม, เจดีย์สูลามณี, พระเจ้านรปติสิทธุ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/513"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ฉปัฏ","creator":null,"description":"เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้านรติสิทธุ โดยพระฉปัฏ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอดีตพระสังฆราชพุกามผู้เดินทางกลับมาจากลังกาและตั้งกลุ่มลังกาวงศ์ขึ้นในเมืองพุกาม","provenance":"เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้านรติสิทธุ โดยพระฉปัฏ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอดีตพระสังฆราชพุกามผู้เดินทางกลับมาจากลังกาและตั้งกลุ่มลังกาวงศ์ขึ้นในเมืองพุกาม","subject":"พุกาม, เจดีย์ฉปัฏ, พระเจ้านรติสิทธุ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/514"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ธรรมยาซิกา","creator":null,"description":"พระเจ้านรปติสิทธุ กษัตริย์สมัยพุกามตอนปลาย โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","provenance":"พระเจ้านรปติสิทธุ กษัตริย์สมัยพุกามตอนปลาย โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","subject":"พุกาม, พระเจ้านรปติสิทธุ, เจดีย์ธรรมยาซิกา","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/515"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ติโลมินโล","creator":null,"description":"พระเจ้านันตวงมยาหรือพระเจ้าติโลมินโลโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยตำนานกล่าวว่าโปรดให้สร้างขึ้นในตำแหน่งที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเนื่องจากฉัตรได้เอนเข้าหาพระองค์","provenance":"พระเจ้านันตวงมยาหรือพระเจ้าติโลมินโลโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยตำนานกล่าวว่าโปรดให้สร้างขึ้นในตำแหน่งที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเนื่องจากฉัตรได้เอนเข้าหาพระองค์","subject":"พุกาม, พระเจ้าอลองสิทธุ, เจดีย์สัพพัญญู, เจดีย์ติโลมินโล, พระเจ้านรปติสิทธุ, พระเจ้านันตวงมยา","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/516"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์มหาโพธิ","creator":null,"description":"พระเจ้านันตวงมยาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยจำลองรูปแบบมาจากเจดีย์มหาโพธิ์ที่พุทธคยาในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า","provenance":"พระเจ้านันตวงมยาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยจำลองรูปแบบมาจากเจดีย์มหาโพธิ์ที่พุทธคยาในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า","subject":"พระเจ้านันตวงมยา, เจดีย์มหาโพธิ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/517"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มิงคลาเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้านรสีหบดี กษัตริย์องค์สุดท้ายของพุกาม โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานว่า มีผู้ทำนายว่า พุกามจะล่มสลายเมื่อสร้างเจดีย์องค์นี้สำเร็จ พระเจ้านรสีหบดีจึงหยุดสร้าง ต่อมาเมื่อสร้างต่อจนสำเร็จ พุกามก็ล่มสลายลงโดยถูกชาวมงโกลเข้าโจมตี","provenance":"พระเจ้านรสีหบดี กษัตริย์องค์สุดท้ายของพุกาม โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานว่า มีผู้ทำนายว่า พุกามจะล่มสลายเมื่อสร้างเจดีย์องค์นี้สำเร็จ พระเจ้านรสีหบดีจึงหยุดสร้าง ต่อมาเมื่อสร้างต่อจนสำเร็จ พุกามก็ล่มสลายลงโดยถูกชาวมงโกลเข้าโจมตี","subject":"พุกาม, เจดีย์ชเวซิกอง, มิงคลาเจดีย์, พระเจ้านรสีหบดี","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/518"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ชเวดากอง","creator":null,"description":"จากจารึก เจดีย์ชเวดากองในรูปแบบปัจจุบันได้รับการบูรณะโดยพระนางชินสอบูและพระเจ้าธรรมเจดีย์ในพุทธศตวรรษที่ 21 โดยมีการชั่งน้ำหนักทองคำเท่าน้ำหนักของกษัตริย์และปิดลงบนเจดีย์ อย่างไรก็ตาม เจดีย์ชเวดากองมีความศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 21 แล้ว โดยเชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้า","provenance":"จากจารึก เจดีย์ชเวดากองในรูปแบบปัจจุบันได้รับการบูรณะโดยพระนางชินสอบูและพระเจ้าธรรมเจดีย์ในพุทธศตวรรษที่ 21 โดยมีการชั่งน้ำหนักทองคำเท่าน้ำหนักของกษัตริย์และปิดลงบนเจดีย์ อย่างไรก็ตาม เจดีย์ชเวดากองมีความศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 21 แล้ว โดยเชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้า","subject":"พระเกศธาตุ, เจดีย์ชเวดากอง, พระนางชินสอบู, พระเจ้าธรรมเจดีย์","spatial":null,"temporal":"หงสาวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/519"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ชเวมอดอ","creator":null,"description":"เจดีย์ชเวมอดอ เชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกับเจดีย์ชเวดากอง ถือว่าเป็นพระมหาธาตุสำคัญของเมืองหงสาวดีหรือเมืองพะโคซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมอญ เดิมตั้งอยู่นอกเมือง ต่อมาพระเจ้าบุเรงนองทรงสร้างเมืองหงสาวดีใหม่โดยรวมเจดีย์ชเวดมอดอเข้าไปภายในเมืองด้วย","provenance":"เจดีย์ชเวมอดอ เชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกับเจดีย์ชเวดากอง ถือว่าเป็นพระมหาธาตุสำคัญของเมืองหงสาวดีหรือเมืองพะโคซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมอญ เดิมตั้งอยู่นอกเมือง ต่อมาพระเจ้าบุเรงนองทรงสร้างเมืองหงสาวดีใหม่โดยรวมเจดีย์ชเวดมอดอเข้าไปภายในเมืองด้วย","subject":"พระเกศธาตุ, เจดีย์ชเวมอดอ, เจดีย์มอญ","spatial":null,"temporal":"หงสาวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/520"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์สุเล","creator":null,"description":"เจดีย์สุเล ไม่มีประวัติว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมแล้วอาจเป็นไปได้ที่สร้างขึ้นใกล้เคียงกับเจดีย์ชเวดากอง และมีตำนานที่ผูกพันกับเจดีย์ชเวดากอง","provenance":"เจดีย์สุเล ไม่มีประวัติว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบศิลปกรรมแล้วอาจเป็นไปได้ที่สร้างขึ้นใกล้เคียงกับเจดีย์ชเวดากอง และมีตำนานที่ผูกพันกับเจดีย์ชเวดากอง","subject":"เจดีย์ชเวดากอง, เจดีย์สุเล","spatial":null,"temporal":"หงสาวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/521"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มหาเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าบุเรงนองโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระเขี้ยวแก้วที่อัญเชิญมาจากลังกา","provenance":"พระเจ้าบุเรงนองโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระเขี้ยวแก้วที่อัญเชิญมาจากลังกา","subject":"ลังกา, เจดีย์มอญ, พระเขี้ยวแก้ว, มหาเจดีย์, พระเจ้าบุเรงนอง, มอญ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะมอญหงสาวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/522"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ไจก์ติโย","creator":null,"description":"ไม่ทราบประวัติการสร้างแน่นอน แต่ตำนานกล่าวว่าพระอินทร์เป็นผู้สร้าง","provenance":"ไม่ทราบประวัติการสร้างแน่นอน แต่ตำนานกล่าวว่าพระอินทร์เป็นผู้สร้าง","subject":"ไจก์ติโย","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/523"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์กองมูดอ","creator":null,"description":"พระเจ้าอนอคเปตลุน กษัตริย์อังวะในสมัยราชวงศ์นยองยาน ได้โปรดให้อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากมหาเจดีย์เมืองหงสาวดี ขึ้นมาที่เมืองอังวะ ต่อมาพระเจ้าตลุงมินได้โปรดให้สร้างเจดีย์กองมูดอขึ้นเพื่อประดิษฐานพระธาตุโดยจำลองแบบมาจากมหาสถูปในลังกา","provenance":"พระเจ้าอนอคเปตลุน กษัตริย์อังวะในสมัยราชวงศ์นยองยาน ได้โปรดให้อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากมหาเจดีย์เมืองหงสาวดี ขึ้นมาที่เมืองอังวะ ต่อมาพระเจ้าตลุงมินได้โปรดให้สร้างเจดีย์กองมูดอขึ้นเพื่อประดิษฐานพระธาตุโดยจำลองแบบมาจากมหาสถูปในลังกา","subject":"ลังกา, พระเขี้ยวแก้ว, มหาเจดีย์, พระเจ้าบุเรงนอง, ราชวงศ์ตองอู, พระเจ้าตลุงมิน, พระเจ้าอนอคเปตลุน, เจดีย์กองมูดอ","spatial":null,"temporal":"นยองยาน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/524"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์มินกุน","creator":null,"description":"พระเจ้าปดุงโปรดให้สร้างเจดีย์เมืองมินกุนขึ้นเพื่อให้เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า (และในโลก) การสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่นี้คงเป็นการเฉลิมพระเกียรติของพระองค์ในฐานะพระจักรพรรดิ","provenance":"พระเจ้าปดุงโปรดให้สร้างเจดีย์เมืองมินกุนขึ้นเพื่อให้เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า (และในโลก) การสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่นี้คงเป็นการเฉลิมพระเกียรติของพระองค์ในฐานะพระจักรพรรดิ","subject":"พระเจ้าปดุง, เจดีย์มินกุน","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/525"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"รูปจำลองของเจดีย์มินกุน","creator":null,"description":"พระเจ้าปดุงโปรดให้สร้างเจดีย์เมืองมินกุนขึ้นเพื่อให้เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า (และในโลก) การสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่นี้คงเป็นการเฉลิมพระเกียรติของพระองค์ในฐานะพระจักรพรรดิ","provenance":"พระเจ้าปดุงโปรดให้สร้างเจดีย์เมืองมินกุนขึ้นเพื่อให้เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า (และในโลก) การสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่นี้คงเป็นการเฉลิมพระเกียรติของพระองค์ในฐานะพระจักรพรรดิ","subject":"พระเจ้าปดุง, เจดีย์มินกุน","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/526"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ชินบยูเม","creator":null,"description":"พระเจ้าพจีดอโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น ในเมืองมินกุนอันเป็นเมืองสำคัญทางศาสนาในสมัยอมรปุระ","provenance":"พระเจ้าพจีดอโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น ในเมืองมินกุนอันเป็นเมืองสำคัญทางศาสนาในสมัยอมรปุระ","subject":"พระเจ้าพจีดอ, เจดีย์ชินบยูเม","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/527"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์ปาโตดอจี","creator":null,"description":"พระเจ้าพจีดอโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพื่อเป็นมหาธาตุประจำเมืองอมรปุระ โดยเจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่ริมทะเลสาบตองตะมาน","provenance":"พระเจ้าพจีดอโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพื่อเป็นมหาธาตุประจำเมืองอมรปุระ โดยเจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่ริมทะเลสาบตองตะมาน","subject":"พุกาม, พระเจ้าพจีดอ, อมรปุระ, เจดีย์ปาโตดอจี, ทะเลสาบตองตะมาน","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/528"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เจดีย์จอกตอจี","creator":null,"description":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม","provenance":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม","subject":"พุกาม, อานันทเจดีย์, อมรปุระ, เจดีย์จอกตอจี, พระเจ้าปกันมิน","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/529"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดกุโสดอ","creator":null,"description":"พระเจ้ามินดงโปรดให้จัดการสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้น ณ เมืองมัณฑเล หลังจากนั้นโปรดให้สลักพระไตรปิฎกลงบนแผ่นหินแล้วสร้างเจดีย์ทรงปราสาทสำหรับประดิษฐานแผ่นจารึกแต่ละแผ่น วัดกุโสดอจึงถือเป็นหนังสือเล่มใหญ่ที่สุดในโลก","provenance":"พระเจ้ามินดงโปรดให้จัดการสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้น ณ เมืองมัณฑเล หลังจากนั้นโปรดให้สลักพระไตรปิฎกลงบนแผ่นหินแล้วสร้างเจดีย์ทรงปราสาทสำหรับประดิษฐานแผ่นจารึกแต่ละแผ่น วัดกุโสดอจึงถือเป็นหนังสือเล่มใหญ่ที่สุดในโลก","subject":"เจดีย์ชเวซิกอง, วัดกุโสดอ","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/530"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระราชวังมัณฑเลย์","creator":null,"description":"พระเจ้ามินดงเมื่อครั้นทรงย้ายเมืองหลวงจากอมรปุระมามัณฑเล ได้สร้างพระราชวังขึ้นใหม่โดยใช้วัสดุเดิมที่รื้อถอนมาจากพระราชวังเมืองอมรปุระ พระราชวังนี้เป็นที่ประทับและเสด็จออกว่าราชการของกษัตริย์สองพระองค์ คือพระเจ้ามินดงและพระเจ้าสีป่อ เมื่ออังกฤษเข้ายึดครองพม่าแล้วได้แปลงพระราชวังใหม่ให้เป็นค่ายทหาร จนเกิดไฟใหม่ขึ้นในพระราชวังในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระราชวังปัจจุบันเป็นของสร้างขึ้นใหม่เลียนแบบของเดิม","provenance":"พระเจ้ามินดงเมื่อครั้นทรงย้ายเมืองหลวงจากอมรปุระมามัณฑเล ได้สร้างพระราชวังขึ้นใหม่โดยใช้วัสดุเดิมที่รื้อถอนมาจากพระราชวังเมืองอมรปุระ พระราชวังนี้เป็นที่ประทับและเสด็จออกว่าราชการของกษัตริย์สองพระองค์ คือพระเจ้ามินดงและพระเจ้าสีป่อ เมื่ออังกฤษเข้ายึดครองพม่าแล้วได้แปลงพระราชวังใหม่ให้เป็นค่ายทหาร จนเกิดไฟใหม่ขึ้นในพระราชวังในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระราชวังปัจจุบันเป็นของสร้างขึ้นใหม่เลียนแบบของเดิม","subject":"พระราชวังมัณฑเลย์, พระเจ้ามินดง, พระเจ้าสีป่อ","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/531"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"วัดชเวนันดอจอ","creator":null,"description":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","provenance":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","subject":"พระเจ้ามินดง, วัดชเวนันดอจอ","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/532"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบากอง","creator":null,"description":"การย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองหริหราลัย (ปัจจุบันคือเมืองโรลัวะส์) นั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ต่อมา พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ได้สร้างปราสาทบนฐานเป็นชั้นขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง ถือเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังแรกที่สมบูรณ์ทางด้านองค์ประกอบมากที่สุด และเป็นต้นแบบให้กับปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังอื่นๆ ของเมืองพระนครในระยะต่อมา","provenance":"การย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองหริหราลัย (ปัจจุบันคือเมืองโรลัวะส์) นั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ต่อมา พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ได้สร้างปราสาทบนฐานเป็นชั้นขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง ถือเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังแรกที่สมบูรณ์ทางด้านองค์ประกอบมากที่สุด และเป็นต้นแบบให้กับปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังอื่นๆ ของเมืองพระนครในระยะต่อมา","subject":"ชัยวรมันที่ 2, พระโค, บากอง, ปราสาทบากอง, หริหราลัย","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/533"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบริวารของปราสาทบากอง","creator":null,"description":"การย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองหริหราลัย (ปัจจุบันคือเมืองโรลัวะส์) นั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ต่อมา พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ได้สร้างปราสาทบนฐานเป็นชั้นขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง ถือเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังแรกที่สมบูรณ์ทางด้านองค์ประกอบมากที่สุด และเป็นต้นแบบให้กับปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังอื่นๆของเมืองพระนครในระยะต่อมา","provenance":"การย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองหริหราลัย (ปัจจุบันคือเมืองโรลัวะส์) นั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ต่อมา พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ได้สร้างปราสาทบนฐานเป็นชั้นขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง ถือเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังแรกที่สมบูรณ์ทางด้านองค์ประกอบมากที่สุด และเป็นต้นแบบให้กับปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังอื่นๆของเมืองพระนครในระยะต่อมา","subject":"ชัยวรมันที่ 2, พระโค, บากอง, ปราสาทบากอง, หริหราลัย","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/534"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทประธาน : ปราสาทบากอง","creator":"","description":"การย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองหริหราลัย (ปัจจุบันคือเมืองโรลัวะส์) นั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ต่อมา พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ได้สร้างปราสาทบนฐานเป็นชั้นขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง ถือเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังแรกที่สมบูรณ์ทางด้านองค์ประกอบมากที่สุด และเป็นต้นแบบให้กับปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังอื่นๆ ของเมืองพระนครในระยะต่อมา
","provenance":"การย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองหริหราลัย (ปัจจุบันคือเมืองโรลัวะส์) นั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ต่อมา พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ได้สร้างปราสาทบนฐานเป็นชั้นขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง ถือเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังแรกที่สมบูรณ์ทางด้านองค์ประกอบมากที่สุด และเป็นต้นแบบให้กับปราสาทบนฐานเป็นชั้นหลังอื่นๆ ของเมืองพระนครในระยะต่อมา
","subject":"ชัยวรมันที่ 2, พระโค, บากอง, ปราสาทบากอง, หริหราลัย","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/535"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทตระพังพง","creator":null,"description":"เมืองหริหราลัย (ปัจจุบันคือเมืองโรลัวะส์) ยังปรากฏปราสาทในศิลปะพระโคอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคงมีอายยู่ในราวรัชกาลพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ปราสาตระพังพงถือเป็นปราสาทในศิลปะพระโคที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองหริหราลัย","provenance":"เมืองหริหราลัย (ปัจจุบันคือเมืองโรลัวะส์) ยังปรากฏปราสาทในศิลปะพระโคอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคงมีอายยู่ในราวรัชกาลพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ปราสาตระพังพงถือเป็นปราสาทในศิลปะพระโคที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองหริหราลัย","subject":"พระโค, หริหราลัย, ปราสาทตระพังพง, อินทรวรมัน, อินทรวรมันที่ 1","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/536"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทโลเลย","creator":null,"description":"พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 อันเป็นพระโอรสของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ได้สร้างปราสาทโลเลยขึ้นเพื่ออุทิศและสถาปนาบรรพบุรุษให้เป็นเทพเจ้าตามลัทธิทวราชา ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทะเลสาบอินทรตฑาคะ ถือเป็นตัวอย่างปราสาทบนเกาะกลางบารายแห่งแรกในเมืองพระนคร","provenance":"พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 อันเป็นพระโอรสของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ได้สร้างปราสาทโลเลยขึ้นเพื่ออุทิศและสถาปนาบรรพบุรุษให้เป็นเทพเจ้าตามลัทธิทวราชา ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทะเลสาบอินทรตฑาคะ ถือเป็นตัวอย่างปราสาทบนเกาะกลางบารายแห่งแรกในเมืองพระนคร","subject":"พระโค, อินทรวรมันที่ 1, ยโศวรมัน, ยโศวรมันที่ 1, ปราสาทโลเลย","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/537"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบาแค็ง","creator":null,"description":"พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ทรงสถาปนาเมืองพระนครเป็นเมืองหลวง โดยมีชื่อทางการว่า “ยโศธรปุระ” โยสถาปนาเขพนมบาแค็งเป็นเขาศูนย์กลางเมือง (วนัมกันตาล) เขากลางเมืองนั้น ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองหลวงและพระราชอาณาจักรไปพร้อมกัน และสามารถเทียบได้กับเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ ด้านบนเขานี้โปรดให้สร้างปราสาทพนมบาแค็งขึ้นเพื่อประดิษฐานราชศิวลึงค์ประจำรัชกาลของพระองค์","provenance":"พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ทรงสถาปนาเมืองพระนครเป็นเมืองหลวง โดยมีชื่อทางการว่า “ยโศธรปุระ” โยสถาปนาเขพนมบาแค็งเป็นเขาศูนย์กลางเมือง (วนัมกันตาล) เขากลางเมืองนั้น ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองหลวงและพระราชอาณาจักรไปพร้อมกัน และสามารถเทียบได้กับเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ ด้านบนเขานี้โปรดให้สร้างปราสาทพนมบาแค็งขึ้นเพื่อประดิษฐานราชศิวลึงค์ประจำรัชกาลของพระองค์","subject":"ศิวลึงค์, ยโศวรมันที่ 1, บาแค็ง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาแค็ง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/538"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบริวาร : ปราสาทบาแค็ง","creator":null,"description":"พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ทรงสถาปนาเมืองพระนครเป็นเมืองหลวง โดยมีชื่อทางการว่า “ยโศธรปุระ” โยสถาปนาเขพนมบาแค็งเป็นเขาศูนย์กลางเมือง (วนัมกันตาล) เขากลางเมืองนั้น ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองหลวงและพระราชอาณาจักรไปพร้อมกัน และสามารถเทียบได้กับเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ ด้านบนเขานี้โปรดให้สร้างปราสาทพนมบาแค็งขึ้นเพื่อประดิษฐานราชศิวลึงค์ประจำรัชกาลของพระองค์","provenance":"พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ทรงสถาปนาเมืองพระนครเป็นเมืองหลวง โดยมีชื่อทางการว่า “ยโศธรปุระ” โยสถาปนาเขพนมบาแค็งเป็นเขาศูนย์กลางเมือง (วนัมกันตาล) เขากลางเมืองนั้น ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองหลวงและพระราชอาณาจักรไปพร้อมกัน และสามารถเทียบได้กับเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ ด้านบนเขานี้โปรดให้สร้างปราสาทพนมบาแค็งขึ้นเพื่อประดิษฐานราชศิวลึงค์ประจำรัชกาลของพระองค์","subject":"ศิวลึงค์, ยโศวรมัน, ยโศวรมันที่ 1, บาแค็ง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาแค็ง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/539"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ฐานเป็นชั้นที่ปราสาทเกาะแกร์","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่เมืองเกาะแกร์ ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ายโศวรมันและการครองราชย์ของพระโอรสที่เมืองพระนครซึ่งอ่อนแอ พระองค์ได้โปรดให้สร้างปราสาทธมที่เกาะแกร์ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวาราชของพระองค์ตามลัทธิเทวราชา อันแสดงพระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่กษัตริย์ที่เมืองพระนครไม่อาจเทียบเทียมได้","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่เมืองเกาะแกร์ ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ายโศวรมันและการครองราชย์ของพระโอรสที่เมืองพระนครซึ่งอ่อนแอ พระองค์ได้โปรดให้สร้างปราสาทธมที่เกาะแกร์ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวาราชของพระองค์ตามลัทธิเทวราชา อันแสดงพระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่กษัตริย์ที่เมืองพระนครไม่อาจเทียบเทียมได้","subject":"เกาะแกร์, ยโศวรมัน, ปราสาทเกาะแกร์, ชัยวรมันที่ 4, เทวราชา","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/540"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มประตูที่ปราสาทเกาะแกร์","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่เมืองเกาะแกร์ ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ายโศวรมันและการครองราชย์ของพระโอรสที่เมืองพระนครซึ่งอ่อนแอ พระองค์ได้โปรดให้สร้างปราสาทธมที่เกาะแกร์ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวาราชของพระองค์ตามลัทธิเทวราชา อันแสดงพระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่กษัตริย์ที่เมืองพระนครไม่อาจเทียบเทียมได้","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่เมืองเกาะแกร์ ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ายโศวรมันและการครองราชย์ของพระโอรสที่เมืองพระนครซึ่งอ่อนแอ พระองค์ได้โปรดให้สร้างปราสาทธมที่เกาะแกร์ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวาราชของพระองค์ตามลัทธิเทวราชา อันแสดงพระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่กษัตริย์ที่เมืองพระนครไม่อาจเทียบเทียมได้","subject":"เกาะแกร์, ยโศวรมัน, ปราสาทเกาะแกร์, ชัยวรมันที่ 4, เทวราชา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะเกาะแกร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/541"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารยาวมีหน้าจั่วสามเหลี่ยม ปราสาทเกาะแกร์","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่เมืองเกาะแกร์ ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ายโศวรมันและการครองราชย์ของพระโอรสที่เมืองพระนครซึ่งอ่อนแอ พระองค์ได้โปรดให้สร้างปราสาทธมที่เกาะแกร์ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวาราชของพระองค์ตามลัทธิเทวราชา อันแสดงพระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่กษัตริย์ที่เมืองพระนครไม่อาจเทียบเทียมได้","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ทรงย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาที่เมืองเกาะแกร์ ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ายโศวรมันและการครองราชย์ของพระโอรสที่เมืองพระนครซึ่งอ่อนแอ พระองค์ได้โปรดให้สร้างปราสาทธมที่เกาะแกร์ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวาราชของพระองค์ตามลัทธิเทวราชา อันแสดงพระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่กษัตริย์ที่เมืองพระนครไม่อาจเทียบเทียมได้","subject":"เกาะแกร์, ยโศวรมัน, ปราสาทเกาะแกร์, ชัยวรมันที่ 4, เทวราชา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะเกาะแกร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/542"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทแปรรูป","creator":null,"description":"พระเจ้าราเชนทรวรมัน ทรงย้ายเมืองหลวงกลับมายังเมืองพระนครภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 พระองค์โปรดให้สร้างปราสาทแปรรูป อันเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เองขึ้นที่ริมฝั่งบารายตะวันออก","provenance":"พระเจ้าราเชนทรวรมัน ทรงย้ายเมืองหลวงกลับมายังเมืองพระนครภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 พระองค์โปรดให้สร้างปราสาทแปรรูป อันเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เองขึ้นที่ริมฝั่งบารายตะวันออก","subject":"สมโบร์ไพรกุก, ชัยวรมันที่ 4, ราเชนทรวรมัน, แปรรูป","spatial":null,"temporal":"ศิลปะแปรรูป","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/543"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารยาวที่ปราสาทแปรรูป","creator":null,"description":"พระเจ้าราเชนทรวรมัน ทรงย้ายเมืองหลวงกลับมายังเมือพระนครภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 พระองค์โปรดให้สร้างปราสาทแปรรูป อันเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เองขึ้นที่ริมฝั่งบารายตะวันออก","provenance":"พระเจ้าราเชนทรวรมัน ทรงย้ายเมืองหลวงกลับมายังเมือพระนครภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 พระองค์โปรดให้สร้างปราสาทแปรรูป อันเป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เองขึ้นที่ริมฝั่งบารายตะวันออก","subject":"ชัยวรมันที่ 4, ราเชนทรวรมัน, แปรรูป, ปราสาทแปรรูป","spatial":null,"temporal":"ศิลปะแปรรูป","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/544"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทแม่บุญตะวันออก","creator":null,"description":"พระเจ้าราเชนทรวรมัน ทรงย้ายเมืองหลวงกลับมายังเมือพระนครภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 พระองค์โปรดให้สร้างปราสาทแม่บุญตะวันออกเพื่ออุทิศให้กับบรรพบุรุษของพระองค์กลางบารายตะวันออก","provenance":"พระเจ้าราเชนทรวรมัน ทรงย้ายเมืองหลวงกลับมายังเมือพระนครภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 พระองค์โปรดให้สร้างปราสาทแม่บุญตะวันออกเพื่ออุทิศให้กับบรรพบุรุษของพระองค์กลางบารายตะวันออก","subject":"ชัยวรมันที่ 4, ราเชนทรวรมัน, แปรรูป, ปราสาทแปรรูป","spatial":null,"temporal":"ศิลปะแปรรูป","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/545"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ฐานเป็นชั้นของปราสาทแม่บุญตะวันออก","creator":null,"description":"พระเจ้าราเชนทรวรมัน ทรงย้ายเมืองหลวงกลับมายังเมือพระนครภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 พระองค์โปรดให้สร้างปราสาทแม่บุญตะวันออกเพื่ออุทิศให้กับบรรพบุรุษของพระองค์กลางบารายตะวันออก","provenance":"พระเจ้าราเชนทรวรมัน ทรงย้ายเมืองหลวงกลับมายังเมือพระนครภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 พระองค์โปรดให้สร้างปราสาทแม่บุญตะวันออกเพื่ออุทิศให้กับบรรพบุรุษของพระองค์กลางบารายตะวันออก","subject":"ชัยวรมันที่ 4, ราเชนทรวรมัน, แปรรูป, ปราสาทแม่บุญตะวันออก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะแปรรูป","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/546"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โคปุระของปราสาทบันทายสรี","creator":null,"description":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า","provenance":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า","subject":"พระศิวะ, บันทายสรี, ปราสาทบันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/547"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มณฑปของปราสาทบันทายสรี","creator":null,"description":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า","provenance":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า","subject":"พระศิวะ, บันทายสรี, ปราสาทบันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/548"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ปราสาทประธาน : ปราสาทบันทายสรี","creator":"","description":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า
","provenance":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า
","subject":"เทวราชา, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, อัปสร, ยัชวราหะ, เทวาลัยพระศิวะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/549"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทประธานของปราสาทบันทายสรี","creator":null,"description":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า","provenance":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า","subject":"บันทายสรี, ปราสาทบันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/550"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"บรรณาลัยของปราสาทบันทายสรี","creator":"","description":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า
","provenance":"นอกเมืองพระนครทางด้านทิศเหนือ พราหมณ์ยัชญวราหะ ราชครูในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ให้สร้างปราสาทบันทายสรีเพื่ออุทิศถวายพระศิวะ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยขุนนาง แตกต่างไปจากปราสาทในลัทธิเทวราชาที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เท่านั้นและเพื่ออุทิศให้กับกษัตริย์หรือบรรพบุรุษในฐานะเทพเจ้า
","subject":"พระศิวะ, บันทายสรี, ปราสาทบันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/551"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทตาแก้ว","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงแย่งราชสมบัติของอาณาจักรขอม ทำให้ราชวงศ์ที่สืบมาตั้งแต่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ไม่นานก่อนที่จะหายไปจากประวัติศาสตร์และพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ทรงขึ้นครองราชย์แทน แม้ว่าปราสาทตาแก้วจะไม่ปรากฏจารึกว่าผู้ใดเป็นคนสร้าง แต่อาจเป็นไปได้ว่า ปราสาทแห่งนี้พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา ปราสาทยังคงสร้างไม่เสร็จ อาจสะท้อนว่าเมื่อสิ้นรัชกาลของพระองค์ ปราสาทแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ","provenance":"พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงแย่งราชสมบัติของอาณาจักรขอม ทำให้ราชวงศ์ที่สืบมาตั้งแต่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ไม่นานก่อนที่จะหายไปจากประวัติศาสตร์และพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ทรงขึ้นครองราชย์แทน แม้ว่าปราสาทตาแก้วจะไม่ปรากฏจารึกว่าผู้ใดเป็นคนสร้าง แต่อาจเป็นไปได้ว่า ปราสาทแห่งนี้พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา ปราสาทยังคงสร้างไม่เสร็จ อาจสะท้อนว่าเมื่อสิ้นรัชกาลของพระองค์ ปราสาทแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ","subject":"ชัยวรมันที่ 2, เทวราชา, พระเจ้าชัยวีรวรมัน, สูรยวรมันที่ 1, ปราสาทตาแก้ว","spatial":null,"temporal":"ศิลปะคลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/552"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทประธานของปราสาทตาแก้ว","creator":"","description":"พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงแย่งราชสมบัติของอาณาจักรขอม ทำให้ราชวงศ์ที่สืบมาตั้งแต่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ไม่นานก่อนที่จะหายไปจากประวัติศาสตร์และพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ทรงขึ้นครองราชย์แทน แม้ว่าปราสาทตาแก้วจะไม่ปรากฏจารึกว่าผู้ใดเป็นคนสร้าง แต่อาจเป็นไปได้ว่า ปราสาทแห่งนี้พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา ปราสาทยังคงสร้างไม่เสร็จซึ่องอาจสะท้อนว่าเมื่อสิ้นรัชกาลของพระองค์ ปราสาทแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ
","provenance":"พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงแย่งราชสมบัติของอาณาจักรขอม ทำให้ราชวงศ์ที่สืบมาตั้งแต่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ไม่นานก่อนที่จะหายไปจากประวัติศาสตร์และพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ทรงขึ้นครองราชย์แทน แม้ว่าปราสาทตาแก้วจะไม่ปรากฏจารึกว่าผู้ใดเป็นคนสร้าง แต่อาจเป็นไปได้ว่า ปราสาทแห่งนี้พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา ปราสาทยังคงสร้างไม่เสร็จซึ่องอาจสะท้อนว่าเมื่อสิ้นรัชกาลของพระองค์ ปราสาทแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ
","subject":"ชัยวรมันที่ 2, เทวราชา, พระเจ้าชัยวีรวรมัน, สูรยวรมันที่ 1, ปราสาทตาแก้ว","spatial":null,"temporal":"ศิลปะคลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/553"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ระเบียงคดของปราสาทตาแก้ว","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงแย่งราชสมบัติของอาณาจักรขอม ทำให้ราชวงศ์ที่สืบมาตั้งแต่พระเจ้าชัยวรมันที่2 สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ไม่นานก่อนที่จะหายไปจากประวัติศาสตร์และพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ทรงขึ้นครองราชย์แทน แม้ว่าปราสาทตาแก้วจะไม่ปรากฏจารึกว่าผู้ใดเป็นคนสร้าง แต่อาจเป็นไปได้ว่า ปราสาทแห่งนี้พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา ปราสาทยังคงสร้างไม่เสร็จซึ่องอาจสะท้อนว่าเมื่อสิ้นรัชกาลของพระองค์ ปราสาทแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ","provenance":"พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงแย่งราชสมบัติของอาณาจักรขอม ทำให้ราชวงศ์ที่สืบมาตั้งแต่พระเจ้าชัยวรมันที่2 สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ไม่นานก่อนที่จะหายไปจากประวัติศาสตร์และพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ทรงขึ้นครองราชย์แทน แม้ว่าปราสาทตาแก้วจะไม่ปรากฏจารึกว่าผู้ใดเป็นคนสร้าง แต่อาจเป็นไปได้ว่า ปราสาทแห่งนี้พระเจ้าชัยวีรวรมันทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา ปราสาทยังคงสร้างไม่เสร็จซึ่องอาจสะท้อนว่าเมื่อสิ้นรัชกาลของพระองค์ ปราสาทแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ","subject":"เทวราชา, ชัยวรมันที่ 5, พระเจ้าชัยวีรวรมัน, สูรยวรมันที่ 1, ปราสาทตาแก้ว","spatial":null,"temporal":"ศิลปะคลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/554"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทพิมานอากาศ","creator":null,"description":"พระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 โปรดให้สร้างพระราชวังหลวงขึ้นทางตอนเหนือของเมืองยโศธรปุระเดิม โดยกึ่งกลางพระราชวังนั้นพระองค์โปรดให้สร้างปราสาทพิมานอากาศขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา","provenance":"พระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 โปรดให้สร้างพระราชวังหลวงขึ้นทางตอนเหนือของเมืองยโศธรปุระเดิม โดยกึ่งกลางพระราชวังนั้นพระองค์โปรดให้สร้างปราสาทพิมานอากาศขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา","subject":"เทวราชา, สูรยวรมันที่ 1, ปราสาทพิมานอากาศ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะคลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/555"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทนครวัด","creator":null,"description":"พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ทรงสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทราชา อย่างไรตาม เนื่องจากพระองค์ทรงนับถือไวษณพนิกาย พระองค์จึงสร้างปราสาทนครวัดเทวาลัยให้เป็นเทวาลัยของพระวิษณุ การหันหน้าไปทางทิศตะวันตกของปราสาทแห่งนี้ทำให้นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าปราสาทนครวัดเป็นราชสุสานของพระองค์ด้วย","provenance":"พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ทรงสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทราชา อย่างไรตาม เนื่องจากพระองค์ทรงนับถือไวษณพนิกาย พระองค์จึงสร้างปราสาทนครวัดเทวาลัยให้เป็นเทวาลัยของพระวิษณุ การหันหน้าไปทางทิศตะวันตกของปราสาทแห่งนี้ทำให้นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าปราสาทนครวัดเป็นราชสุสานของพระองค์ด้วย","subject":"พระวิษณุ, นครวัด, เทวราชา, ปราสาทนครวัด, สูริยวรมันที่ 2, เทวาลัยพระวิษณุ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/556"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบันทายสำเหร่","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"นครวัด, ปราสาทบันทายสำเหร่","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/557"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบายน","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์","subject":"บายน, ชัยวรมันที่ 7","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/558"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทประธาน : ปราสาทบายน","creator":"","description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์
","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์
","subject":"บายน, นครวัด, ยโศวรมัน, ชัยวรมันที่ 7, ปราสาทบายน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/559"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระพักตร์บนยอดของปราสาทบายน","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์","subject":"นครวัด, ยโศวรมัน, ชัยวรมันที่ 7, ปราสาทบายน, เมืองนครธม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/560"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทนาคพัน","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงขุดบารายชยตฑาคะขึ้นที่ด้านหน้าเมืองราชัยศรี (ปราสาทพระขรรค์) กลางสระนั้นโปรดให้สร้างปราสาทนาคพันขึ้นเพื่อตามคติสระอโนดาต อันเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงขุดบารายชยตฑาคะขึ้นที่ด้านหน้าเมืองราชัยศรี (ปราสาทพระขรรค์) กลางสระนั้นโปรดให้สร้างปราสาทนาคพันขึ้นเพื่อตามคติสระอโนดาต อันเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา","subject":"อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์, ชัยวรมันที่ 7, นาคพัน, ปราสาทนาคพัน, บาราย","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/561"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ประตูเมืองนครธมทางด้านทิศใต้","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์","subject":"ยโศวรมัน, ชัยวรมันที่ 7, ปราสาทบายน, เมืองนครธม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/562"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ประตูเมืองนครธมทางด้านทิศใต้","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างเมืองพระนครหลวง (นครธม) ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ โดยซ้อนทับเมืองพระนครเดิมของพระเจ้ายโศวรมัน เมืองใหม่ของพระองค์ เป็นเมืองที่กำหนดให้ปราสาทบายนเป็นศูนย์กลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในลัทธิมหายาน ล้อมรอบด้วยกำแพงหินด้านละ 3 กิโลเมตร ทั้งสี่ด้านเป็นที่ตั้งของประตูเมือง เมืองพระนครหลวงใหม่นี้คงสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดมงคลต่อเมืองพระนครที่ถูกกองทัพจามบุกเข้าทำลายก่อนหน้ารัชกาลของพระองค์","subject":"ยโศวรมัน, ชัยวรมันที่ 7, ปราสาทบายน, เมืองนครธม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/563"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบันทายกุฎี","creator":null,"description":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้งปราสาทจำนวนมากในเมืองพระนครเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน เช่น ปราสาทพระขรรค์ ปราสาทตาพรหมและปราสาทบันทายกุฎี โดยแต่ละหลังสร้างกำแพงปราสาทขนาดใหญ่ประหนึ่งเป็นศาสนนคร","provenance":"พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้งปราสาทจำนวนมากในเมืองพระนครเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน เช่น ปราสาทพระขรรค์ ปราสาทตาพรหมและปราสาทบันทายกุฎี โดยแต่ละหลังสร้างกำแพงปราสาทขนาดใหญ่ประหนึ่งเป็นศาสนนคร","subject":"บายน, นครวัด, ชัยวรมันที่ 7, ปราสาทบันทายกุฎี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/564"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"บารายด้านหน้าปราสาทบันทายกุฎี","creator":null,"description":"ด้านหน้าปราสาทบันทายกุฎี ปรากฏบารายหรือสระน้ำขนาดใหญ่ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียกว่า “สระสรง” สระน้ำขุดมาก่อนหน้ารัชกาลพระเจ้าชัวรมันที่ 7 แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อพระองค์ได้โปรดให้สถาปนาปราสาทบันทายกุฎีขึ้น จึงได้สมมติสระสรงขึ้นเป็นสระน้ำประจำปราสาท โดยกำหนดให้ปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออกตรงกับสระน้ำและสร้างท่าน้ำบันไดลงไปยังสระน้ำ","provenance":"ด้านหน้าปราสาทบันทายกุฎี ปรากฏบารายหรือสระน้ำขนาดใหญ่ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียกว่า “สระสรง” สระน้ำขุดมาก่อนหน้ารัชกาลพระเจ้าชัวรมันที่ 7 แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อพระองค์ได้โปรดให้สถาปนาปราสาทบันทายกุฎีขึ้น จึงได้สมมติสระสรงขึ้นเป็นสระน้ำประจำปราสาท โดยกำหนดให้ปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออกตรงกับสระน้ำและสร้างท่าน้ำบันไดลงไปยังสระน้ำ","subject":"บายน, นครวัด, ชัยวรมันที่ 7, บาราย, ปราสาทบันทายกุฎี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/565"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทมิเซิน D","creator":null,"description":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","provenance":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","subject":"ศิวลึงค์, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา, โยนี","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/566"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทมิเซิน B1","creator":null,"description":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","provenance":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มปราสาทมิเซิน A,B,C,D ล้วนแต่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทั้งสิ้น","subject":"ศิวลึงค์, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา, โยนี","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/567"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทมิเซิน F","creator":null,"description":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณนี้ได้แก่ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E,F","provenance":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณนี้ได้แก่ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E,F","subject":"ศิวลึงค์, จาม, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา","spatial":null,"temporal":"มิเซิน E1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/568"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"รายละเอียดฐานปราสาทมิเซิน F","creator":null,"description":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณนี้ได้แก่ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E,F","provenance":"มิเซิน เป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำราชอาณาจักรจามปา และยังเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักร อันมีนามว่า “ภัทเรศวร” กษัตริย์จามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 10-15 ล้วนแต่โปรดให้สร้างเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับศิวลึงค์ภัทเรศวรอย่างต่อเนื่องโดยปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณนี้ได้แก่ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E,F","subject":"ศิวลึงค์, จาม, มิเซิน, ภัทเรศวร, จามปา","spatial":null,"temporal":"มิเซิน E1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/569"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบั่งอาน","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"จาม, จามปา, ปราสาทบั่งอาน","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/570"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"ในราวพุทธศตวรรษที่ 15 พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 ทรงนับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งแตกต่างไปจากกษัตริย์ฮินดูองค์อื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงโปรดให้สร้างปราสาทดงเดืองขึ้นเพื่อเป็นวัดทางพุทธศาสนา โดยมีชื่อทางการว่า “ลักษมีนทรโลเกศวร”","provenance":"ในราวพุทธศตวรรษที่ 15 พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 ทรงนับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งแตกต่างไปจากกษัตริย์ฮินดูองค์อื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงโปรดให้สร้างปราสาทดงเดืองขึ้นเพื่อเป็นวัดทางพุทธศาสนา โดยมีชื่อทางการว่า “ลักษมีนทรโลเกศวร”","subject":null,"spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/571"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทเจียงด่าน","creator":null,"description":"ปราสาทเจียงด่าน เป็นปราสาทสามหลังเรียงกัน โดยหลังกลางมีขนาดใหญ่ที่สุดขนาบข้างด้วยปราสาทขนาดรองลงมา ปราสาทหลังกลางมีการตกแต่งด้วยฐานหินสลักภาพเล่าเรื่อง","provenance":"ปราสาทเจียงด่าน เป็นปราสาทสามหลังเรียงกัน โดยหลังกลางมีขนาดใหญ่ที่สุดขนาบข้างด้วยปราสาทขนาดรองลงมา ปราสาทหลังกลางมีการตกแต่งด้วยฐานหินสลักภาพเล่าเรื่อง","subject":"ปราสาทเจียงด่าน, ปราสาทเจียงด่าน","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/572"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทเขื่องหมี","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, ปราสาทเขื่องหมี, ปราสาทเขื่องหมี","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง, มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/573"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มของปราสาทเขื่องหมี","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, ปราสาทดงเดือง, ปราสาทดงเดือง, ปราสาทเขื่องหมี, ปราสาทเขื่องหมี","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง, มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/574"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เสาติดผนังของปราสาทเขื่องหมี","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ปราสาทเขื่องหมี, ปราสาทเขื่องหมี","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง, มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/575"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ภูเขาที่ตั้งของปราสาทบาญอิ๊ด","creator":null,"description":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราาณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามารถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","provenance":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราาณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามารถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, ปราสาทบาญอิ๊ด, ปราสาทบาญอิ๊ด, ปราสาทเงิน, ปราสาทเงิน","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/576"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบาญอิ๊ด","creator":null,"description":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามารถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","provenance":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามารถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","subject":"โคปุระ, โคปุระ, จาม, จาม, จามปา, จามปา, ปราสาทบาญอิ๊ด, ปราสาทบาญอิ๊ด, ปราสาทเงิน, ปราสาทเงิน","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/577"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มของปราสาทบาญอิ๊ด","creator":null,"description":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามาถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","provenance":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามาถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, ปราสาทบาญอิ๊ด, ปราสาทบาญอิ๊ด, ปราสาทเงิน, ปราสาทเงิน","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/578"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"บรรณาลัย (?) ปราสาทบาญอิ๊ด","creator":null,"description":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามารถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","provenance":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามารถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, ปราสาทบาญอิ๊ด, ปราสาทบาญอิ๊ด, ปราสาทเงิน, ปราสาทเงิน","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/579"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ฐานของบรรณาลัยปราสาทบาญอิ๊ด","creator":null,"description":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามาถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","provenance":"ปราสาทบาญอิ๊ด คงเคยเป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดหลังหนึ่งในแถบเมืองวิชัย เนื่องจากเป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซึ่งทำให้สามาถมองเห็นไปได้ไกล อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีประวัติการสร้างว่าเทวาลัยแห่งนี้สร้างโดยใคร","subject":null,"spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/580"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เนินเขาที่ตั้งของปราสาทเฝื๊อกหล็อก","creator":null,"description":"ปราสาทเฝื๊อกหล็อก ไม่พบประวัติการสร้าง","provenance":"ปราสาทเฝื๊อกหล็อก ไม่พบประวัติการสร้าง","subject":"ปราสาทเฝื๊อกหล็อก, ปราสาทเฝื๊อกหล็อก, ปราสาททอง, ปราสาททอง","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/581"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทเฝื๊อกหล็อก","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ปราสาทเฝื๊อกหล็อก, ปราสาทเฝื๊อกหล็อก, ปราสาททอง, ปราสาททอง","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/582"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทถูเทียน","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ปราสาทถูเทียน, ปราสาทถูเทียน","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/583"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทบิญหลำ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"จาม, จาม, มิเซิน, มิเซิน, ปราสาทบิญหลำ, ปราสาทบิญหลำ","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/584"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มทรงปราสาทของปราสาทบิญหลำ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"จาม, จาม, มิเซิน, มิเซิน, จามปา, จามปา, ปราสาทบิญหลำ, ปราสาทบิญหลำ","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/585"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทถาปดอย","creator":null,"description":"แม้จะไม่มีประวัติเกี่ยวกับการสร้างปราสาท แต่น่าเชื่อว่าปราสาทดังกล่าวคงจะสร้างขึ้นภายหลังจากการเข้ามาของอำนาจทางการเมืองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7","provenance":"แม้จะไม่มีประวัติเกี่ยวกับการสร้างปราสาท แต่น่าเชื่อว่าปราสาทดังกล่าวคงจะสร้างขึ้นภายหลังจากการเข้ามาของอำนาจทางการเมืองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, ชัยวรมันที่ 7, ชัยวรมันที่ 7, ปราสาทถาปดอย, ปราสาทถาปดอย, ปราสาทฮุงถาญ, ปราสาทฮุงถาญ","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/586"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ยอดของปราสาทถาปดอย","creator":null,"description":"แม้จะไม่มีประวัติเกี่ยวกับการสร้างปราสาท แต่น่าเชื่อว่าปราสาทดังกล่าวคงจะสร้างขึ้นภายหลังจากการเข้ามาของอำนาจทางการเมืองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7","provenance":"แม้จะไม่มีประวัติเกี่ยวกับการสร้างปราสาท แต่น่าเชื่อว่าปราสาทดังกล่าวคงจะสร้างขึ้นภายหลังจากการเข้ามาของอำนาจทางการเมืองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, ชัยวรมันที่ 7, ชัยวรมันที่ 7, ปราสาทถาปดอย, ปราสาทถาปดอย, ปราสาทฮุงถาญ, ปราสาทฮุงถาญ","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/587"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทแก๋งเตียน","creator":null,"description":"ปราสาทแก๋งเตียนหรือปราสาททองแดง เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่กลางเมืองวิชัย ซึ่งเป็นเมืองหลวงในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16-18 อันแสดงให้เห็นความสำคัญของปราสาทแห่งนี้ในฐานะเป็นปราสาทกลางเมือง อย่างไรก็ตาม ปราสาทแห่งนี้มีรูปแบบอยู่ในสมัยบิญดิ่นตอนปลาย คือในพุทธศตวรรษที่ 18 เท่านั้น","provenance":"ปราสาทแก๋งเตียนหรือปราสาททองแดง เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่กลางเมืองวิชัย ซึ่งเป็นเมืองหลวงในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16-18 อันแสดงให้เห็นความสำคัญของปราสาทแห่งนี้ในฐานะเป็นปราสาทกลางเมือง อย่างไรก็ตาม ปราสาทแห่งนี้มีรูปแบบอยู่ในสมัยบิญดิ่นตอนปลาย คือในพุทธศตวรรษที่ 18 เท่านั้น","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, ปราสาทแก๋งเตียน, ปราสาทแก๋งเตียน, ปราสาททองแดง, ปราสาททองแดง","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/588"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทโพนคร","creator":null,"description":"ปราสาทโพนคร เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปของพระภควตี ภาคหนึ่งของพระอุมา เป็นเทพีประจำอาณาจักรจามปาภาคใต้ โดยมีประวัติมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 14 ว่า มีการสถาปนาปราสาทถวายแด่เทวรูปพระภควตีมาตั้งแต่สมัยหัวล่าย ต่อมาถูกองทัพขอมข้าทำลายในพุทธศตวรรษที่ 15 ทำให้มีการสร้างปราสาทหลังใหม่ในสมัยบิญดิ่นตอนต้น ซึ่งก็คือปราสาทหลังปัจจุบัน","provenance":"ปราสาทโพนคร เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปของพระภควตี ภาคหนึ่งของพระอุมา เป็นเทพีประจำอาณาจักรจามปาภาคใต้ โดยมีประวัติมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 14 ว่า มีการสถาปนาปราสาทถวายแด่เทวรูปพระภควตีมาตั้งแต่สมัยหัวล่าย ต่อมาถูกองทัพขอมข้าทำลายในพุทธศตวรรษที่ 15 ทำให้มีการสร้างปราสาทหลังใหม่ในสมัยบิญดิ่นตอนต้น ซึ่งก็คือปราสาทหลังปัจจุบัน","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, โยนี, โยนี, ปราสาทโพนคร, ปราสาทโพนคร","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/589"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ที่ตั้งของปราสาทโพนคร","creator":null,"description":"ปราสาทโพนคร เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปของพระภควตี ภาคหนึ่งของพระอุมา เป็นเทพีประจำอาณาจักรจามปาภาคใต้ โดยมีประวัติมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 14 ว่า มีการสถาปนาปราสาทถวายแด่เทวรูปพระภควตีมาตั้งแต่สมัยหัวล่าย ต่อมาถูกองทัพขอมข้าทำลายในพุทธศตวรรษที่ 15 ทำให้มีการสร้างปราสาทหลังใหม่ในสมัยบิญดิ่นตอนต้น ซึ่งก็คือปราสาทหลังปัจจุบัน","provenance":"ปราสาทโพนคร เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปของพระภควตี ภาคหนึ่งของพระอุมา เป็นเทพีประจำอาณาจักรจามปาภาคใต้ โดยมีประวัติมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 14 ว่า มีการสถาปนาปราสาทถวายแด่เทวรูปพระภควตีมาตั้งแต่สมัยหัวล่าย ต่อมาถูกองทัพขอมข้าทำลายในพุทธศตวรรษที่ 15 ทำให้มีการสร้างปราสาทหลังใหม่ในสมัยบิญดิ่นตอนต้น ซึ่งก็คือปราสาทหลังปัจจุบัน","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, โยนี, โยนี, ปราสาทโพนคร, ปราสาทโพนคร","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/590"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทหัวล่าย","creator":null,"description":"ในพุทธศตวรรษที่ 14 ศูนย์กลางของอาณาจักรจามปาได้ย้ายลงมาอยู่ภาคใต้ ณ แคว้นปาณฑุรังคะซึ่งได้แก่เเมืองฟางรังในปัจจุบัน อนึ่ง แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะไม่ได้มีจารึกระบุว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะแล้ว กลับสอดรับกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าคงสร้างขึ้นในระยะนี้","provenance":"ในพุทธศตวรรษที่ 14 ศูนย์กลางของอาณาจักรจามปาได้ย้ายลงมาอยู่ภาคใต้ ณ แคว้นปาณฑุรังคะซึ่งได้แก่เเมืองฟางรังในปัจจุบัน อนึ่ง แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะไม่ได้มีจารึกระบุว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะแล้ว กลับสอดรับกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าคงสร้างขึ้นในระยะนี้","subject":"ปราสาทหัวล่าย, จามปา, ปาณฑุรังคะ","spatial":null,"temporal":"หัวล่าย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/591"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มของปราสาทหัวล่าย","creator":null,"description":"ในพุทธศตวรรษที่ 14 ศูนย์กลางของอาณาจักรจามปาได้ย้ายลงมาอยู่ภาคใต้ ณ แคว้นปาณฑุรังคะซึ่งได้แก่เเมืองฟางรังในปัจจุบัน อนึ่ง แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะไม่ได้มีจารึกระบุว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะแล้ว กลับสอดรับกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าคงสร้างขึ้นในระยะนี้","provenance":"ในพุทธศตวรรษที่ 14 ศูนย์กลางของอาณาจักรจามปาได้ย้ายลงมาอยู่ภาคใต้ ณ แคว้นปาณฑุรังคะซึ่งได้แก่เเมืองฟางรังในปัจจุบัน อนึ่ง แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะไม่ได้มีจารึกระบุว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะแล้ว กลับสอดรับกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าคงสร้างขึ้นในระยะนี้","subject":"ปราสาทหัวล่าย, จาม, จามปา","spatial":null,"temporal":"หัวล่าย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/592"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เสาติดผนังของปราสาทหัวล่าย","creator":null,"description":"ในพุทธศตวรรษที่ 14 ศูนย์กลางของอาณาจักรจามปาได้ย้ายลงมาอยู่ภาคใต้ ณ แคว้นปาณฑุรังคะซึ่งได้แก่เเมืองฟางรังในปัจจุบัน อนึ่ง แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะไม่ได้มีจารึกระบุว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะแล้ว กลับสอดรับกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าคงสร้างขึ้นในระยะนี้","provenance":"ในพุทธศตวรรษที่ 14 ศูนย์กลางของอาณาจักรจามปาได้ย้ายลงมาอยู่ภาคใต้ ณ แคว้นปาณฑุรังคะซึ่งได้แก่เเมืองฟางรังในปัจจุบัน อนึ่ง แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะไม่ได้มีจารึกระบุว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะแล้ว กลับสอดรับกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าคงสร้างขึ้นในระยะนี้","subject":"ปราสาทหัวล่าย, จาม, จามปา","spatial":null,"temporal":"หัวล่าย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/593"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทหลังเหนือของปราสาทหัวล่าย","creator":null,"description":"ในพุทธศตวรรษที่ 14 ศูนย์กลางของอาณาจักรจามปาได้ย้ายลงมาอยู่ภาคใต้ ณ แคว้นปาณฑุรังคะซึ่งได้แก่เเมืองฟางรังในปัจจุบัน อนึ่ง แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะไม่ได้มีจารึกระบุว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะแล้ว กลับสอดรับกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าคงสร้างขึ้นในระยะนี้","provenance":"ในพุทธศตวรรษที่ 14 ศูนย์กลางของอาณาจักรจามปาได้ย้ายลงมาอยู่ภาคใต้ ณ แคว้นปาณฑุรังคะซึ่งได้แก่เเมืองฟางรังในปัจจุบัน อนึ่ง แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะไม่ได้มีจารึกระบุว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากรูปแบบศิลปะแล้ว กลับสอดรับกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่าคงสร้างขึ้นในระยะนี้","subject":"ปราสาทหัวล่าย, จาม, จามปา","spatial":null,"temporal":"หัวล่าย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/594"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ที่ตั้งของปราสาทโพกลวงการาย","creator":null,"description":"เนื่องจากการบุกรุกของอาณาจักรเวียดนาม ทำให้อาณาจักรจามปาต้องถอยร่นลงมาจากแคว้นวิชัยมาตั้งเมืองหลวงในแคว้นปาณฑุรังคะ ดังนั้น จึงปรากฏปราสาทในสมัยหลังในแคว้นดังกล่าว ปราสาทสำคัญสองหลังในสมัยนี้ ได้แก่ปราสาทโพกลวงการายและปราสาทโพโรเม","provenance":"เนื่องจากการบุกรุกของอาณาจักรเวียดนาม ทำให้อาณาจักรจามปาต้องถอยร่นลงมาจากแคว้นวิชัยมาตั้งเมืองหลวงในแคว้นปาณฑุรังคะ ดังนั้น จึงปรากฏปราสาทในสมัยหลังในแคว้นดังกล่าว ปราสาทสำคัญสองหลังในสมัยนี้ ได้แก่ปราสาทโพกลวงการายและปราสาทโพโรเม","subject":"จาม, จามปา, ศิวนาฏราช, ปราสาทโพกลวงการาย","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/595"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทประธานของปราสาทโพกลวงการาย","creator":"","description":"เนื่องจากการบุกรุกของอาณาจักรเวียดนาม ทำให้อาณาจักรจามปาต้องถอยร่นลงมาจากแคว้นวิชัยมาตั้งเมืองหลวงในแคว้นปาณฑุรังคะ ดังนั้น จึงปรากฏปราสาทในสมัยหลังในแคว้นดังกล่าว ปราสาทสำคัญสองหลังในสมัยนี้ ได้แก่ปราสาทโพกลวงการายและปราสาทโพโรเม
","provenance":"เนื่องจากการบุกรุกของอาณาจักรเวียดนาม ทำให้อาณาจักรจามปาต้องถอยร่นลงมาจากแคว้นวิชัยมาตั้งเมืองหลวงในแคว้นปาณฑุรังคะ ดังนั้น จึงปรากฏปราสาทในสมัยหลังในแคว้นดังกล่าว ปราสาทสำคัญสองหลังในสมัยนี้ ได้แก่ปราสาทโพกลวงการายและปราสาทโพโรเม
","subject":"จามปา, ปราสาทโพกลวงการาย, ปราสาทโพโรเม","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/596"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทจำลองของปราสาทโพกลวงการาย","creator":null,"description":"เนื่องจากการบุกรุกของอาณาจักรเวียดนาม ทำให้อาณาจักรจามปาต้องถอยร่นลงมาจากแคว้นวิชัยมาตั้งเมืองหลวงในแคว้นปาณฑุรังคะ ดังนั้น จึงปรากฏปราสาทในสมัยหลังในแคว้นดังกล่าว ปราสาทสำคัญสองหลังในสมัยนี้ ได้แก่ปราสาทโพกลวงการายและปราสาทโพโรเม","provenance":"เนื่องจากการบุกรุกของอาณาจักรเวียดนาม ทำให้อาณาจักรจามปาต้องถอยร่นลงมาจากแคว้นวิชัยมาตั้งเมืองหลวงในแคว้นปาณฑุรังคะ ดังนั้น จึงปรากฏปราสาทในสมัยหลังในแคว้นดังกล่าว ปราสาทสำคัญสองหลังในสมัยนี้ ได้แก่ปราสาทโพกลวงการายและปราสาทโพโรเม","subject":"จาม, จามปา, ศิวนาฏราช, ปราสาทโพกลวงการาย","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/597"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"บรรณาลัย (?) ของปราสาทโพกลวงการาย","creator":null,"description":"เนื่องจากการบุกรุกของอาณาจักรเวียดนาม ทำให้อาณาจักรจามปาต้องถอยร่นลงมาจากแคว้นวิชัยมาตั้งเมืองหลวงในแคว้นปาณฑุรังคะ ดังนั้น จึงปรากฏปราสาทในสมัยหลังในแคว้นดังกล่าว ปราสาทสำคัญสองหลังในสมัยนี้ ได้แก่ปราสาทโพกลวงการายและปราสาทโพโรเม","provenance":"เนื่องจากการบุกรุกของอาณาจักรเวียดนาม ทำให้อาณาจักรจามปาต้องถอยร่นลงมาจากแคว้นวิชัยมาตั้งเมืองหลวงในแคว้นปาณฑุรังคะ ดังนั้น จึงปรากฏปราสาทในสมัยหลังในแคว้นดังกล่าว ปราสาทสำคัญสองหลังในสมัยนี้ ได้แก่ปราสาทโพกลวงการายและปราสาทโพโรเม","subject":"จาม, จามปา, ศิวนาฏราช, ปราสาทโพกลวงการาย","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/598"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทโพโรเม","creator":null,"description":"ตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นโดยกษัตริย์โพโรเม่ ซึ่งคงตรงกับกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยหลังของจาม","provenance":"ตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นโดยกษัตริย์โพโรเม่ ซึ่งคงตรงกับกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยหลังของจาม","subject":"พระศิวะ, จาม, จามปา, ปราสาทโพกลวงการาย, ปราสาทโพโรเม","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/599"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิปุนตเทพ","creator":null,"description":"จันทิบนที่ราบสูงเดียง สร้างขึ้นโดยราชวงศ์สัญชัยผู้นับถือศาสนาฮินดู ถือเป็นจันทิที่เก่าแก่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลาง จันทิเหล่านี้ตั้งชื่อตามตัวละครในมหาภารตะ เช่น อรชุน ภีมะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จันทิเหล่านี้กลับอุทิศให้กับพระศิวะ โดยชื่อทั้งหมดคงเป็นชื่อในสมัยหลัง","provenance":"จันทิบนที่ราบสูงเดียง สร้างขึ้นโดยราชวงศ์สัญชัยผู้นับถือศาสนาฮินดู ถือเป็นจันทิที่เก่าแก่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลาง จันทิเหล่านี้ตั้งชื่อตามตัวละครในมหาภารตะ เช่น อรชุน ภีมะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จันทิเหล่านี้กลับอุทิศให้กับพระศิวะ โดยชื่อทั้งหมดคงเป็นชื่อในสมัยหลัง","subject":"จันทิ, ราชวงศ์สัญชัย, ที่ราบสูงเดียง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/600"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"บุโรพุทโธ","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและจันทิเมนดุรต","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและจันทิเมนดุรต","subject":"ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/601"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ฐานชั้นล่างที่บุโรพุทโธ","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและจันทิเมนดุต","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและจันทิเมนดุต","subject":"ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทิปะวน, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/602"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ทางประทักษิณและภาพสลักเล่าเรื่องที่บุโรพุทโธ","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและจันทิเมนดุต","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและจันทิเมนดุต","subject":"ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/603"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ฐานกลมและสถูปที่บุโรพุทโธ","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและจันทิเมนดุต","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการสร้างจันทิปะวนและจันทิเมนดุต","subject":null,"spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/604"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิกะลาสัน","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/605"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มจระนำที่จันทิกะลาสัน","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทิกะลาสัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/606"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิส่าหรี","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทีส่าหรี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/607"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ภายในจันทิส่าหรี","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทีส่าหรี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/608"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิเพลาสัน","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทิเพลาสัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/609"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิเซวู","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","subject":"จันทิ, จันทิกะลาสัน, จันทิเซวู, จันทิปรัมบะนัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/610"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เรือนธาตุของอาคารประธาน: จันทิเซวู","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","subject":"จันทิ, จันทิกะลาสัน, จันทิเซวู, จันทิปรัมบะนัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/611"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิหลังบริวาร: จันทิเซวู","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์ไศเลนทร์ยังคงอุปถัมภ์ในการสร้างจันทิทางพุทธศาสนาอีกจำนวนมาก โดยส่วนมากจันทิในระยะนี้กระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Klaten ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Yogyakarta กับเมือง Solo ในปัจจุบัน","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทิกะลาสัน, จันทิเซวู, จันทิปรัมบะนัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/612"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิปรัมบะนัน","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูได้กลับมามีอำนาจแทนราชวงศ์ไศเลนทร์ ด้วยเหตุนี้ เทวาลัยในศาสนาฮินดู เช่น จันทิปรัมบะนันแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นในระยะปลายสุดของศิลปะชวาภาคกลาง โดยสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าบาลีตุงเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูได้กลับมามีอำนาจแทนราชวงศ์ไศเลนทร์ ด้วยเหตุนี้ เทวาลัยในศาสนาฮินดู เช่น จันทิปรัมบะนันแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นในระยะปลายสุดของศิลปะชวาภาคกลาง โดยสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าบาลีตุงเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง","subject":"จันทิ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/613"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เทวาลัยพระศิวะ: จันทิปรัมบะนัน","creator":null,"description":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูได้กลับมามีอำนาจแทนราชวงศ์ไศเลนทร์ ด้วยเหตุนี้ เทวาลัยในศาสนาฮินดู เช่น จันทิปรัมบะนันแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นในระยะปลายสุดของศิลปะชวาภาคกลาง โดยสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าบาลีตุงเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง","provenance":"ในสมัยชวาภาคกลางตอนปลาย ราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูได้กลับมามีอำนาจแทนราชวงศ์ไศเลนทร์ ด้วยเหตุนี้ เทวาลัยในศาสนาฮินดู เช่น จันทิปรัมบะนันแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นในระยะปลายสุดของศิลปะชวาภาคกลาง โดยสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าบาลีตุงเพื่ออุทิศให้กับพระองค์เอง","subject":"จันทิ, ราชวงศ์สัญชัย, จันทิปรัมบะนัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/614"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิกิดาล","creator":null,"description":"จันทิกิดาล เป็นสถานที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าอนุษบดีแห่งราชวงศ์สิงหาส่าหรี พระเจ้าอนุษบดีสวรรคตใน พ.ศ.1791 เนื่องจากการสวรรคตกับพิธีศราทธ์ที่อุทิศเทวาลัยน้ำต้องห่างกัน 12 ปีเสมอ เทวาลัยหลังนี้จึงควรสร้างเสร็จใน พ.ศ. 1803","provenance":"จันทิกิดาล เป็นสถานที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าอนุษบดีแห่งราชวงศ์สิงหาส่าหรี พระเจ้าอนุษบดีสวรรคตใน พ.ศ.1791 เนื่องจากการสวรรคตกับพิธีศราทธ์ที่อุทิศเทวาลัยน้ำต้องห่างกัน 12 ปีเสมอ เทวาลัยหลังนี้จึงควรสร้างเสร็จใน พ.ศ. 1803","subject":"จันทิ, จันทิกิดาล, ราชวงศ์สิงหาส่าหรี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์สิงหาส่าหรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/615"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิจาโก","creator":null,"description":"จันทิจาโกเป็นที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าวิษณุวรรธนะแห่งราชวงศ์สิงหาส่าหรี พระองค์สวรรคตใน พ.ศ. 1811 ดังนั้นศาสนสถานแห่งนี้อาจสร้างขึ้นในพ.ศ. 1823 คือภายหลังการสวรรคต 12 ปี","provenance":"จันทิจาโกเป็นที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าวิษณุวรรธนะแห่งราชวงศ์สิงหาส่าหรี พระองค์สวรรคตใน พ.ศ. 1811 ดังนั้นศาสนสถานแห่งนี้อาจสร้างขึ้นในพ.ศ. 1823 คือภายหลังการสวรรคต 12 ปี","subject":"จันทิ, ราชวงศ์สิงหาส่าหรี, จันทิจาโก","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/616"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิสิงหาส่าหรี","creator":null,"description":"ใน พ.ศ.1835 พระเจ้ากฤตนคร กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์สิงหาส่าหรีสวรรคต จันทิที่ฝังพระอัฐิของพระองค์จึงถูกสร้างขึ้น อันได้แก่จันทิสิงหาส่าหรีและจันทิจาวี","provenance":"ใน พ.ศ.1835 พระเจ้ากฤตนคร กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์สิงหาส่าหรีสวรรคต จันทิที่ฝังพระอัฐิของพระองค์จึงถูกสร้างขึ้น อันได้แก่จันทิสิงหาส่าหรีและจันทิจาวี","subject":"จันทิ, จันทิสิงหาส่าหรี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์สิงหาส่าหรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/617"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิจาวี","creator":null,"description":"จันทิจาวี เป็นที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้ากฤตนครเช่นเดียวกับจันทิสิงหาส่าหรี โดยตั้งอยู่ที่เชิงเขาเวริลังตรงข้ามเขาเปนังกุหงันซึ่งถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในสมัยชวาภาคตะวันออก","provenance":"จันทิจาวี เป็นที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้ากฤตนครเช่นเดียวกับจันทิสิงหาส่าหรี โดยตั้งอยู่ที่เชิงเขาเวริลังตรงข้ามเขาเปนังกุหงันซึ่งถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในสมัยชวาภาคตะวันออก","subject":"จันทิ, ราชวงศ์สิงหาส่าหรี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์สิงหาส่าหรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/618"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ลานทั้งสาม จันทิปะนะตะรัน","creator":null,"description":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะ ศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","provenance":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะ ศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","subject":"จันทิ, จันทิปะนะตะรัน, ราชวงศ์มัชฌปาหิต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์มัชฌปาหิต","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/619"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เทวาลัยที่มีจารึกกำหนดอายุ จันทิปะนะตะรัน","creator":null,"description":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะ ศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","provenance":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะ ศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","subject":"จันทิ, จันทิปะนะตะรัน, ราชวงศ์มัชฌปาหิต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์มัชฌปาหิต","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/620"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารที่มีนาคพัน จันทิปะนะตะรัน","creator":null,"description":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","provenance":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","subject":"จันทิ, จันทิปะนะตะรัน, ราชวงศ์มัชฌปาหิต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์มัชฌปาหิต","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/621"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ฐานเป็นชั้น: จันทิปะนะตะรัน","creator":null,"description":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","provenance":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","subject":"จันทิ, จันทิปะนะตะรัน, ราชวงศ์มัชฌปาหิต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์มัชฌปาหิต","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/622"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิติกุส","creator":"","description":"เมืองโตรวูลัน เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์มัชฌปาหิต สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 20 มีโบราณสถานสำคัญหลายแห่ง เช่น จันทิติกุสซึ่งเป็นสระน้ำ หรือซุ้มประตูเทวาลัยต่างๆ โบราณสถานในเมืองนี้มักสร้างด้วยอิฐอันแตกต่างไปจากโบราณสถานสมัยชวาภาคตะวันออกแห่งอื่นๆที่มักสร้างด้วยหิน
","provenance":"เมืองโตรวูลัน เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์มัชฌปาหิต สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 20 มีโบราณสถานสำคัญหลายแห่ง เช่น จันทิติกุสซึ่งเป็นสระน้ำ หรือซุ้มประตูเทวาลัยต่างๆ โบราณสถานในเมืองนี้มักสร้างด้วยอิฐอันแตกต่างไปจากโบราณสถานสมัยชวาภาคตะวันออกแห่งอื่นๆที่มักสร้างด้วยหิน
","subject":"จันทิ, ราชวงศ์มัชฌปาหิต, จันทิติกุส, โตรวูลัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์มัชฌปาหิต","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/623"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โคปุระบาจังระตู","creator":null,"description":"เมืองโตรวุลัน เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์มัชฌปาหิต สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 20 มีโบราณสถานสำคัญหลายแห่ง เช่น จันทิติกุสซึ่งเป็นสระน้ำ หรือซุ้มประตูเทวาลัยต่างๆ โบราณสถานในเมืองนี้มักสร้างด้วยอิฐอันแตกต่างไปจากโบราณสถานสมัยชวาภาคตะวันออกแห่งอื่นๆที่มักสร้างด้วยหิน","provenance":"เมืองโตรวุลัน เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์มัชฌปาหิต สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 20 มีโบราณสถานสำคัญหลายแห่ง เช่น จันทิติกุสซึ่งเป็นสระน้ำ หรือซุ้มประตูเทวาลัยต่างๆ โบราณสถานในเมืองนี้มักสร้างด้วยอิฐอันแตกต่างไปจากโบราณสถานสมัยชวาภาคตะวันออกแห่งอื่นๆที่มักสร้างด้วยหิน","subject":"โคปุระ, ราชวงศ์มัชฌปาหิต, โตรวูลัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์มัชฌปาหิต","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/624"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารทรงเมรุที่ปุระอุลุนดานู","creator":null,"description":"ทะเลสาบบราตัน เป็นที่ตั้งของปุระอุลุนดานูซึ่งสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ราชวงศ์เม็งวีใน พ.ศ.2167 เทวาลัยหลังนี้ถือว่าเป็นเทวาลัยที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะบาหลี เนื่องจากเป็นอาคารทรงเมรุที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบ","provenance":"ทะเลสาบบราตัน เป็นที่ตั้งของปุระอุลุนดานูซึ่งสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ราชวงศ์เม็งวีใน พ.ศ.2167 เทวาลัยหลังนี้ถือว่าเป็นเทวาลัยที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะบาหลี เนื่องจากเป็นอาคารทรงเมรุที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบ","subject":"พระวิษณุ, ปุระอูลุนดานู, ราชวงศ์เม็งวี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/625"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ฐานขั้นบันไดที่ปุระเกห็น","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"โคปุระ, ปุระเกเห็น","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/626"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มประตู (โคปุระ) ที่ปุระเกห็น","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"โคปุระ, ปุระเกเห็น","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/627"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มประตูแยกที่ปุระเกห็น","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ปุระเกเห็น, จันทิเบนตาร์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/628"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารทรงเมรุที่ปุระตะมันอะยุง","creator":null,"description":"ปุระตะมันอะยุน สร้างขึ้นในพ.ศ.2283 กษัตริย์ราชวงศ์เม็งวี อุทิศให้กับบรรพบุรุษ ในขณะเดียวกันเองก็สร้างเทวาลัยอุทิศให้กับเทพเจ้าประจำภูเขาต่างๆของเกาะบาหลีด้วย","provenance":"ปุระตะมันอะยุน สร้างขึ้นในพ.ศ.2283 กษัตริย์ราชวงศ์เม็งวี อุทิศให้กับบรรพบุรุษ ในขณะเดียวกันเองก็สร้างเทวาลัยอุทิศให้กับเทพเจ้าประจำภูเขาต่างๆของเกาะบาหลีด้วย","subject":"ราชวงศ์เม็งวี, ปุระตะมันอะยุง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/629"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปุระสะดา","creator":null,"description":"ราชวงศ์เม็งวีผู้ครองอาณาจักรตัมบะนันทางทิศตะวันตกของเกาะบาหลีก็สถาปนาเทวาลัยจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นที่ประทับของบุคคลในราชวงศ์ภายหลังการสิ้นพระชนม์ ปุระสะดาเมืองกปาล (อเป็นตัวสำคัญของเทวาลัยประจำราชวงศ์เม็งวี","provenance":"ราชวงศ์เม็งวีผู้ครองอาณาจักรตัมบะนันทางทิศตะวันตกของเกาะบาหลีก็สถาปนาเทวาลัยจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นที่ประทับของบุคคลในราชวงศ์ภายหลังการสิ้นพระชนม์ ปุระสะดาเมืองกปาล (อเป็นตัวสำคัญของเทวาลัยประจำราชวงศ์เม็งวี","subject":"ราชวงศ์เม็งวี, ปุระสะดา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/630"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารทรงเมรุที่ปุระเบซาคิห์","creator":null,"description":"ปุระเบซาคิห์ ถือเป็นเทวาลัยที่สำคัญที่สุดในเกาะบาหลี เนื่องจากสร้างขึ้นที่เชิงเขาอากุง อันเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเกาะบาหลีและถือเป็นเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ นอกจากนี้ยังเป็นเทวาลัยที่อุทิศให้กับบรรพบุรุษของราชวงศ์พื้นเมืองบาหลีหลายราชวงศ์ เช่น ราชวงศ์การังกาเซม ราชวงศ์กลุงกลุง เป็นต้น","provenance":"ปุระเบซาคิห์ ถือเป็นเทวาลัยที่สำคัญที่สุดในเกาะบาหลี เนื่องจากสร้างขึ้นที่เชิงเขาอากุง อันเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเกาะบาหลีและถือเป็นเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ นอกจากนี้ยังเป็นเทวาลัยที่อุทิศให้กับบรรพบุรุษของราชวงศ์พื้นเมืองบาหลีหลายราชวงศ์ เช่น ราชวงศ์การังกาเซม ราชวงศ์กลุงกลุง เป็นต้น","subject":"ปุระเบซาคิห์, ราชวงศ์การังกาเซม, ราชวงศ์กลุงกลุง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/631"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารทรงเมรุที่ปุระเกเห็น","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"โคปุระ, ปุระเกเห็น","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/632"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ถ้ำที่กัวคชะ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"กัวคชะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/633"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"น้ำพุที่กัวคชะ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"กัวคชะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/634"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"กุหนุงกาวี","creator":null,"description":"เกาะบาหลีมีประวัติมาตั้งแต่ราชวงศ์ของพระเจ้าไอร์ลังคะ ซึ่งมีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่เกาะนี้ ก่อนที่ต่อมาจะย้ายไปยังเกาะชวาตะวันออก ซึ่งสอดรับกับกุหนุงกาวีซึ่งมีจันทิที่แสดงรูปแบบคล้ายคลึงกับศิลปะชวาภาคตะวันออก","provenance":"เกาะบาหลีมีประวัติมาตั้งแต่ราชวงศ์ของพระเจ้าไอร์ลังคะ ซึ่งมีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่เกาะนี้ ก่อนที่ต่อมาจะย้ายไปยังเกาะชวาตะวันออก ซึ่งสอดรับกับกุหนุงกาวีซึ่งมีจันทิที่แสดงรูปแบบคล้ายคลึงกับศิลปะชวาภาคตะวันออก","subject":"จันทิ, กุหนุงกาวี, พระเจ้าไอร์ลังคะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/635"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุ วัดสีเมือง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระธาตุ, ศิลปะลาว, ศิลาแลง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/636"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุหลวง","creator":null,"description":"เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาทรงย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมายังเวียงจันทน์ พระองค์โปรดให้สร้างธาตุหลวงขึ้นเพื่อเป็นมหาธาตุของเมืองเวียงจันทน์ อย่างไรก็ตาม เจดีย์องค์นี้ได้รับการปฏิสังขรณ์เรื่อยมา จนถึงระยะหลังสุดได้รับการปฏิสังขรณ์ภายหลังจากการทำลายของพวกฮ่อเมืองร้อยปีก่อน","provenance":"เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาทรงย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมายังเวียงจันทน์ พระองค์โปรดให้สร้างธาตุหลวงขึ้นเพื่อเป็นมหาธาตุของเมืองเวียงจันทน์ อย่างไรก็ตาม เจดีย์องค์นี้ได้รับการปฏิสังขรณ์เรื่อยมา จนถึงระยะหลังสุดได้รับการปฏิสังขรณ์ภายหลังจากการทำลายของพวกฮ่อเมืองร้อยปีก่อน","subject":"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, ล้านนา, ธาตุหลวง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/637"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มหาธาตุ","creator":null,"description":"พระเจ้าไชยเชษฐา โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยเป็นเจดีย์ที่แสดงอิทธิพลศิลปะล้านนาในพุทธศตวรรษที 21 อย่างมาก อนึ่ง พระเจ้าไชยเชษฐาทรงมีเชื้อสายราชวงศ์มังรายของล้านนาทางพระมารดา และเคยเสด็จไปครองเมืองเชียงใหม่ระยะหนึ่งด้วย","provenance":"พระเจ้าไชยเชษฐา โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยเป็นเจดีย์ที่แสดงอิทธิพลศิลปะล้านนาในพุทธศตวรรษที 21 อย่างมาก อนึ่ง พระเจ้าไชยเชษฐาทรงมีเชื้อสายราชวงศ์มังรายของล้านนาทางพระมารดา และเคยเสด็จไปครองเมืองเชียงใหม่ระยะหนึ่งด้วย","subject":"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, ล้านนา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/638"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุวัดแสน","creator":null,"description":"วัดแสน สร้างโดยพระเจ้ากิ่งกิสราช กษัตริย์องค์แรกที่สถาปนาอาณาจักรหลวงพระบางแยกออกมาจากอาณาจักรเวียงจันทน์ในพุทธศตวรรษที่ 23","provenance":"วัดแสน สร้างโดยพระเจ้ากิ่งกิสราช กษัตริย์องค์แรกที่สถาปนาอาณาจักรหลวงพระบางแยกออกมาจากอาณาจักรเวียงจันทน์ในพุทธศตวรรษที่ 23","subject":"พระธาตุ, ศิลปะลาว, บัวเหลี่ยม, วัดแสน, พระเจ้ากิ่งกิสราช","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/639"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุพูสี","creator":null,"description":"ธาตุพูสี หรือภูศรี สร้างโดยเจ้ามหาชีวิตอนุรุธ กษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางในพุทธศตวรรษที่ 24 สร้างขึ้นบนพูสีซึ่งถือเป็นเขากลางเมืองที่เป็นจุดสำคัญ (Landmark) ของเมืองหลวงพระบางและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง","provenance":"ธาตุพูสี หรือภูศรี สร้างโดยเจ้ามหาชีวิตอนุรุธ กษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางในพุทธศตวรรษที่ 24 สร้างขึ้นบนพูสีซึ่งถือเป็นเขากลางเมืองที่เป็นจุดสำคัญ (Landmark) ของเมืองหลวงพระบางและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง","subject":"พระธาตุ, ศิลปะลาว, บัวเหลี่ยม, วัดอำไพ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/640"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุวัดสบ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระธาตุ, ศิลปะรัตนโกสินทร์, วัดสบ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/641"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุวัดอาไพ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระธาตุ, ศิลปะล้านนา, วัดอำไพ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/642"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สิมวัดเชียงทอง","creator":null,"description":"วัดเชียงทอง ถือเป็นวัดที่สำคัญที่สุดในเมืองหลวงพระบาง เป็นวัดที่ตั้งยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำคานมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ตามประวัติกล่าวว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเป็นผู้สถาปนา อย่างไรก็ตาม สิมและอาคารอื่นๆโดยรอบคงมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-25 เท่านั้น","provenance":"วัดเชียงทอง ถือเป็นวัดที่สำคัญที่สุดในเมืองหลวงพระบาง เป็นวัดที่ตั้งยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำคานมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ตามประวัติกล่าวว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเป็นผู้สถาปนา อย่างไรก็ตาม สิมและอาคารอื่นๆโดยรอบคงมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-25 เท่านั้น","subject":"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, สิม, วัดเชียงทอง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/643"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ช่อฟ้าวัดเชียงทอง","creator":null,"description":"วัดเชียงทอง ถือเป็นวัดที่สำคัญที่สุดในเมืองหลวงพระบาง เป็นวัดที่ตั้งยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำคานมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ตามประวัติกล่าวว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเป็นผู้สถาปนา อย่างไรก็ตาม สิมและอาคารอื่นๆโดยรอบคงมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-25 เท่านั้น","provenance":"วัดเชียงทอง ถือเป็นวัดที่สำคัญที่สุดในเมืองหลวงพระบาง เป็นวัดที่ตั้งยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำคานมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ตามประวัติกล่าวว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเป็นผู้สถาปนา อย่างไรก็ตาม สิมและอาคารอื่นๆโดยรอบคงมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-25 เท่านั้น","subject":"ศิลปะลาว, สิม, ช่อฟ้า","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/644"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ซุ้มประตูสิมวัดเชียงทอง","creator":null,"description":"วัดเชียงทอง ถือเป็นวัดที่สำคัญที่สุดในเมืองหลวงพระบาง เป็นวัดที่ตั้งยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำคานมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ตามประวัติกล่าวว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเป็นผู้สถาปนา อย่างไรก็ตาม สิมและอาคารอื่นๆโดยรอบคงมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-25 เท่านั้น","provenance":"วัดเชียงทอง ถือเป็นวัดที่สำคัญที่สุดในเมืองหลวงพระบาง เป็นวัดที่ตั้งยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำคานมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ตามประวัติกล่าวว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเป็นผู้สถาปนา อย่างไรก็ตาม สิมและอาคารอื่นๆโดยรอบคงมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-25 เท่านั้น","subject":"ศิลปะลาว, พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, สิม, วัดเชียงทอง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/645"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โรงเมี้ยนโกศวัดเชียงทอง","creator":null,"description":"โรงเมี้ยนโกศวัดเชียงทอง สร้างขึ้นในรัชกาลเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ เพื่อเป็นที่เก็บพระโกศและราชรถสำหรับอัญเชิญพระโกศ","provenance":"โรงเมี้ยนโกศวัดเชียงทอง สร้างขึ้นในรัชกาลเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ เพื่อเป็นที่เก็บพระโกศและราชรถสำหรับอัญเชิญพระโกศ","subject":"ศิลปะลาว, พระโกศ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/646"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สิมวัดคีลี","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ศิลปะลาว, สิม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/647"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สิมวัดปากคาน","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"สิม, ไทยลื้อ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/648"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สิมวัดใหม่","creator":null,"description":"วัดใหม่ เป็นวัดหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้พระราชวังหลวงพระบางมากที่สุด สร้างโดยพระเจ้าอนุรุทธและพระเจ้ามันธาตุราช เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชของลาวจนถึงสิ้นสมัยราชอาณาจักร","provenance":"วัดใหม่ เป็นวัดหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้พระราชวังหลวงพระบางมากที่สุด สร้างโดยพระเจ้าอนุรุทธและพระเจ้ามันธาตุราช เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชของลาวจนถึงสิ้นสมัยราชอาณาจักร","subject":"ศิลปะลาว, สิม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/649"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระราชวังเมืองหลวงพระบาง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/650"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดมลายู","creator":null,"description":"มัสยิดมลายู สร้างขึ้นโดยชาวอาเจะห์ (ทางเหนือของเกาะสุมาตรา) ซึ่งชื่อว่า Tunku Syed Hussain Adid ผู้ร่ำรวยและมีบทบาททางด้ารการเมือง","provenance":"มัสยิดมลายู สร้างขึ้นโดยชาวอาเจะห์ (ทางเหนือของเกาะสุมาตรา) ซึ่งชื่อว่า Tunku Syed Hussain Adid ผู้ร่ำรวยและมีบทบาททางด้ารการเมือง","subject":"มัสยิด, มัสยิดมลายู, ตนกู ไซยิด ฮุสเซน อาดิด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/651"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ศาลเจ้าคูกงสี","creator":null,"description":"คูกงสี เป็นบ้านประจำตระกูล (Clan House) ของตระกูลคูซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากฮกเกี้ยน ตระกูลคูกายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยจากการค้าขายในแถบช่องแคบมลายู ใน พ.ศ.2394 ตระกูลคูได้สร้างบ้านประจำตระกูลขึ้น อย่างไรก็ตามกลับถูกฟ้าฝ่าและไฟไหม้หมดใน ค.ศ. 2437 ด้วยเหตุที่มีความเชื่อว่าตนเองสร้างบ้านใหญ่เทียมพระจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้ บ้านประจำตระกูลหลังใหม่ที่มีขนาดย่อมลงกว่าเดิมจึงถูกสร้างขึ้นใน 2445 และคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน","provenance":"คูกงสี เป็นบ้านประจำตระกูล (Clan House) ของตระกูลคูซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากฮกเกี้ยน ตระกูลคูกายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยจากการค้าขายในแถบช่องแคบมลายู ใน พ.ศ.2394 ตระกูลคูได้สร้างบ้านประจำตระกูลขึ้น อย่างไรก็ตามกลับถูกฟ้าฝ่าและไฟไหม้หมดใน ค.ศ. 2437 ด้วยเหตุที่มีความเชื่อว่าตนเองสร้างบ้านใหญ่เทียมพระจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้ บ้านประจำตระกูลหลังใหม่ที่มีขนาดย่อมลงกว่าเดิมจึงถูกสร้างขึ้นใน 2445 และคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน","subject":"บ้านประจำตระกูล, คูกงสี, ศาลเจ้า, ศาลเจ้าคูกงสี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/652"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ลวดลายประดับ : ศาลเจ้าคูกงสี","creator":null,"description":"คูกงสี เป็นบ้านประจำตระกูล (Clan House) ของตระกูลคูซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากฮกเกี้ยน ตระกูลคูกายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยจากการค้าขายในแถบช่องแคบมลายู ใน พ.ศ.2394 ตระกูลคูได้สร้างบ้านประจำตระกูลขึ้น อย่างไรก็ตามกลับถูกฟ้าฝ่าและไฟไหม้หมดใน ค.ศ. 2437 ด้วยเหตุที่มีความเชื่อว่าตนเองสร้างบ้านใหญ่เทียมพระจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้ บ้านประจำตระกูลหลังใหม่ที่มีขนาดย่อมลงกว่าเดิมจึงถูกสร้างขึ้นใน 2445 และคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน","provenance":"คูกงสี เป็นบ้านประจำตระกูล (Clan House) ของตระกูลคูซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากฮกเกี้ยน ตระกูลคูกายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยจากการค้าขายในแถบช่องแคบมลายู ใน พ.ศ.2394 ตระกูลคูได้สร้างบ้านประจำตระกูลขึ้น อย่างไรก็ตามกลับถูกฟ้าฝ่าและไฟไหม้หมดใน ค.ศ. 2437 ด้วยเหตุที่มีความเชื่อว่าตนเองสร้างบ้านใหญ่เทียมพระจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้ บ้านประจำตระกูลหลังใหม่ที่มีขนาดย่อมลงกว่าเดิมจึงถูกสร้างขึ้นใน 2445 และคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน","subject":"บ้านประจำตระกูล, คูกงสี, ศาลเจ้า, ศาลเจ้าคูกงสี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/653"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์เซนต์จอร์จ","creator":null,"description":"โบสถ์เซนต์จอร์จ ถือเป็นโบสถ์สำหรับนิกายแองกลิกันที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2361 ภายหลังจากที่อังกฤษได้เข้ายึดเกาะหมาก","provenance":"โบสถ์เซนต์จอร์จ ถือเป็นโบสถ์สำหรับนิกายแองกลิกันที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2361 ภายหลังจากที่อังกฤษได้เข้ายึดเกาะหมาก","subject":"โบสถ์, แองกลิกัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/654"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารพิพิธภัณฑ์ปีนัง","creator":null,"description":"อาคารหลังนี้สร้างใน พ.ศ.2439-2449","provenance":"อาคารหลังนี้สร้างใน พ.ศ.2439-2449","subject":"อาคารแบบตะวันตก, อาคารแบบพัลลาเดียน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/655"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอนาฬิกาเมืองปีนัง","creator":null,"description":"หอนาฬิกาประจำเมืองปีนัง สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวัชราภิเษก (Diamond Jubilee) แห่งพระนางวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ใน พ.ศ. 2440","provenance":"หอนาฬิกาประจำเมืองปีนัง สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวัชราภิเษก (Diamond Jubilee) แห่งพระนางวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ใน พ.ศ. 2440","subject":"โมกุล-มัวร์ สไตล์, หอนาฬิกา, หอนาฬิกาเมืองปีนัง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/656"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"นากอร์ดารการห์","creator":null,"description":"ที่เมืองนาคปัฏฏนัมในรัฐทมิฬนาฑุ ประเทศอินเดีย มีชาวมุสลิมจำนวนมากซึ่งให้การนับถือหลุมศพของ Sufi Saint ซึ่งเรียกกันในประเทศอินเดียว่า Dargarh เมื่อชาวมุสลิมเหล่านี้อพยพเข้ามาในประเทศมาเลเซีย จึงได้นำเอาการนับถือหลุมศพดังกล่าวเข้ามาด้วย ทำให้ทั้งเมืองปีนังและสิงคโปร์เกิดการจำลองสุสานดังกล่าวเพื่อการเคารพ","provenance":"ที่เมืองนาคปัฏฏนัมในรัฐทมิฬนาฑุ ประเทศอินเดีย มีชาวมุสลิมจำนวนมากซึ่งให้การนับถือหลุมศพของ Sufi Saint ซึ่งเรียกกันในประเทศอินเดียว่า Dargarh เมื่อชาวมุสลิมเหล่านี้อพยพเข้ามาในประเทศมาเลเซีย จึงได้นำเอาการนับถือหลุมศพดังกล่าวเข้ามาด้วย ทำให้ทั้งเมืองปีนังและสิงคโปร์เกิดการจำลองสุสานดังกล่าวเพื่อการเคารพ","subject":"นากอร์ดารการห์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/657"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารแบบตะวันตกในเมืองปีนัง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"อาคารแบบตะวันตก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/658"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ห้องแถวปีนัง","creator":null,"description":"ชาวจีนซึงมีความสามารถทางด้านการค้าขาย เริ่มอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่แถบช่องแคบมะละกาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 24-25 ชาวจีนเหล่านี้ซึ่งเรียกว่า Strait Chinese นี้ทำเกิดการสร้างห้องแถวขึ้น ซึ่งพบเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปีนัง มะละกา รวมถึงภูเก็ตในประเทศไทย","provenance":"ชาวจีนซึงมีความสามารถทางด้านการค้าขาย เริ่มอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่แถบช่องแคบมะละกาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 24-25 ชาวจีนเหล่านี้ซึ่งเรียกว่า Strait Chinese นี้ทำเกิดการสร้างห้องแถวขึ้น ซึ่งพบเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปีนัง มะละกา รวมถึงภูเก็ตในประเทศไทย","subject":"ชิโน-โปรตุกีส, เปอนารากัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/659"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอนาฬิกาเบริช","creator":null,"description":"หอนาฬิกาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ.2452 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่นาย James WW Birch ชาวอังกฤษคนแรกผู้บุกเบิกเมืองอิโปห์และต่อมาถูกสังหาร ที่ด้านล่างของหอคอยประดับด้วยภาพบุคคลที่มีส่วนสำคัญต่ออารยธรรมมนุษย์ อันได้แก่ศาสดาของศาสนาต่างๆและนักคิด นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของโลก","provenance":"หอนาฬิกาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ.2452 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่นาย James WW Birch ชาวอังกฤษคนแรกผู้บุกเบิกเมืองอิโปห์และต่อมาถูกสังหาร ที่ด้านล่างของหอคอยประดับด้วยภาพบุคคลที่มีส่วนสำคัญต่ออารยธรรมมนุษย์ อันได้แก่ศาสดาของศาสนาต่างๆและนักคิด นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของโลก","subject":"หอนาฬิกา, เจมส์ เบิร์ช","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/660"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ศาลาว่าการเมืองอิโปห์","creator":null,"description":"ศาลาว่าการเมืองอิโปห์ สร้างขึ้นโดย Arthur Benison Hubback ซึ่งเป็นสถาปนิกชาวอังกฤษที่ออกแบบสถานีรถไฟเช่นเดียวกัน เดิมเคยเป็นสำนักงานไปรษณีย์มาก่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาลาว่าการเมือง อาคารหลังนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2457","provenance":"ศาลาว่าการเมืองอิโปห์ สร้างขึ้นโดย Arthur Benison Hubback ซึ่งเป็นสถาปนิกชาวอังกฤษที่ออกแบบสถานีรถไฟเช่นเดียวกัน เดิมเคยเป็นสำนักงานไปรษณีย์มาก่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาลาว่าการเมือง อาคารหลังนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2457","subject":"อาคารแบบตะวันตก, อาคารแบบพัลลาเดียน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/661"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โรงเรียนเซนต์ไมเคิล","creator":null,"description":"ภารดาคณะ La Sallean ได้เข้ามาในมาเลเซียและเปิดโรงเรียนขึ้นใน พ.ศ. 2455 ต่อมาอาคารเรียนหลังนี้ได้ถูกออกแบบขึ้นโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ซึ่งประกอบด้วยห้องเรียน ห้องพักครูและร้านหนังสือ ต่อมา อาคารหลังน้ได้ถูกขยายออกไปอีกสองปีกโยยังคงรักษารูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบเดิม","provenance":"ภารดาคณะ La Sallean ได้เข้ามาในมาเลเซียและเปิดโรงเรียนขึ้นใน พ.ศ. 2455 ต่อมาอาคารเรียนหลังนี้ได้ถูกออกแบบขึ้นโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ซึ่งประกอบด้วยห้องเรียน ห้องพักครูและร้านหนังสือ ต่อมา อาคารหลังน้ได้ถูกขยายออกไปอีกสองปีกโยยังคงรักษารูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบเดิม","subject":"อาคารแบบตะวันตก, อาคารแบบพัลลาเดียน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/662"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สถานีรถไฟเมืองอิโปห์","creator":null,"description":"เดิมสถานีรถไฟแหงนี้ถูกสร้งขึ้นเพื่อเป็นโรงพยาบาล แต่ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสถานีรถไฟ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2460 Arthur Benison Hubback เป็นสถาปนิกชาวอังกฤษซึ่งออกแบบอาคารแห่งนี้ ซึ่งเขาเองก็ได้ออกแบบอาคารสถานที่ราชการอีกหลายหลังในมาเลเซีย","provenance":"เดิมสถานีรถไฟแหงนี้ถูกสร้งขึ้นเพื่อเป็นโรงพยาบาล แต่ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสถานีรถไฟ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2460 Arthur Benison Hubback เป็นสถาปนิกชาวอังกฤษซึ่งออกแบบอาคารแห่งนี้ ซึ่งเขาเองก็ได้ออกแบบอาคารสถานที่ราชการอีกหลายหลังในมาเลเซีย","subject":"อาคารแบบตะวันตก, อาคารแบบพัลลาเดียน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/663"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โรงแรมสโมคเฮาส์","creator":null,"description":"เมื่อชาวตะวันตกเข้ามายึดพื้นที่แถบเอชัยเป็นเมืองขึ้น ความร้อนของพื้นราบจึงทำให้นักล่าอาณานิคมต้องแสวงหาพื้นที่บนภูเขาสูงซึ่งมีอากาศเย็นสบายตลอดปีคล้ายยุโรปเป็นที่พักผ่อน ทำให้เกิดระบบสถานที่ตากอากาศบนภูเขา หรือ Hill station ขึ้น ฮิลล์สเตชันที่สำคัญในประเทศต่างๆ เช่น เมืองดาร์จีลิงค์ในอินเดียและเมืองปยินอูวินในพม่า สำหรับในประเทศมาเลเซีย คาเมรอนไฮด์แลนด์ และเฟรเซอร์ฮีลเป็น Hill Station ที่สำคัญ","provenance":"เมื่อชาวตะวันตกเข้ามายึดพื้นที่แถบเอชัยเป็นเมืองขึ้น ความร้อนของพื้นราบจึงทำให้นักล่าอาณานิคมต้องแสวงหาพื้นที่บนภูเขาสูงซึ่งมีอากาศเย็นสบายตลอดปีคล้ายยุโรปเป็นที่พักผ่อน ทำให้เกิดระบบสถานที่ตากอากาศบนภูเขา หรือ Hill station ขึ้น ฮิลล์สเตชันที่สำคัญในประเทศต่างๆ เช่น เมืองดาร์จีลิงค์ในอินเดียและเมืองปยินอูวินในพม่า สำหรับในประเทศมาเลเซีย คาเมรอนไฮด์แลนด์ และเฟรเซอร์ฮีลเป็น Hill Station ที่สำคัญ","subject":"อาคารแบบตะวันตก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/664"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดอุบุดิยะห์","creator":null,"description":"มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในราชธานีของราชวงศ์เปรัค คือเมืองกัวลากังสาร์ โดยสถาปนิกชาวอังกฤษผู้ออกแบบเมืองอิโปห์ คือ Arthur Benison Hubback สร้างใน พ.ศ.2460 ในรัชกาลของสุลต่าน Idris Murshidul Azham Shah รัชกาลที่ 28 ของราชวงศ์เปรัค","provenance":"มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในราชธานีของราชวงศ์เปรัค คือเมืองกัวลากังสาร์ โดยสถาปนิกชาวอังกฤษผู้ออกแบบเมืองอิโปห์ คือ Arthur Benison Hubback สร้างใน พ.ศ.2460 ในรัชกาลของสุลต่าน Idris Murshidul Azham Shah รัชกาลที่ 28 ของราชวงศ์เปรัค","subject":"มัสยิด, มัสยิดอุบุดิยะห์, อาเธอร์ เบนิสัน ฮับแบค, สุลต่านอิดริส มูร์ชิดุล อัซฮัม ชาร์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/665"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อิสตานา เปนาหงัน","creator":null,"description":"พระราชวังเปนาหงัน เป็นพระราชวังชั่วคราวของพระเจ้าอิสกันดา ชาห์ (Iskandar Shah) ทรงสร้างขึ้นระหว่างที่รอพระราชวังหลังจริงสร้างเสร็จ พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2469","provenance":"พระราชวังเปนาหงัน เป็นพระราชวังชั่วคราวของพระเจ้าอิสกันดา ชาห์ (Iskandar Shah) ทรงสร้างขึ้นระหว่างที่รอพระราชวังหลังจริงสร้างเสร็จ พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2469","subject":"อาคารแบบตะวันตก, อิสตานา เปนาหงัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/666"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พิพิธภัณฑ์รัฐเปรัค","creator":null,"description":"ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ทีสุดในประเทศมาเลเซีย สร้างขึ้นโดยอาณานิคมอังกฤษในปี 1883 ภายใต้การดูแลของ Sit Hugh Low การจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ระยะแรกโดยอาณานิคมอังกฤษ รวมการจัดแสดงทั้งพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ พิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณรวมถึงพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรม","provenance":"ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ทีสุดในประเทศมาเลเซีย สร้างขึ้นโดยอาณานิคมอังกฤษในปี 1883 ภายใต้การดูแลของ Sit Hugh Low การจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ระยะแรกโดยอาณานิคมอังกฤษ รวมการจัดแสดงทั้งพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ พิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณรวมถึงพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรม","subject":"อาคารแบบตะวันตก, อาคารแบบพัลลาเดียน, พิพิธภัณฑ์รัฐเปรัค","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/667"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอนาฬิกาเมืองไตปิง","creator":null,"description":"หอนาฬิกาเมืองไตปิง ถือเป็นพื้นที่สัญลักษณ์ (iconic landmark) สำคัญของเมือง สร้างขึ้นในปี 1881 เดิมสร้างด้วยไม้ ต่อมา ใน ค.ศ.1890 ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยเปลี่ยนเป็นอาคารอิฐ เดิมอาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานีตำรวจและสถานีดับเพลิง หลังจากที่ถูกทิ้งร้างไประยะหนึ่ง ปัจจุบันหอนาฬิกาแห่งนี้ถูกใช้เป็นอาคารสำหรับแนะนำข้อมูลให้แก่นักท่องเที่ยว","provenance":"หอนาฬิกาเมืองไตปิง ถือเป็นพื้นที่สัญลักษณ์ (iconic landmark) สำคัญของเมือง สร้างขึ้นในปี 1881 เดิมสร้างด้วยไม้ ต่อมา ใน ค.ศ.1890 ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยเปลี่ยนเป็นอาคารอิฐ เดิมอาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานีตำรวจและสถานีดับเพลิง หลังจากที่ถูกทิ้งร้างไประยะหนึ่ง ปัจจุบันหอนาฬิกาแห่งนี้ถูกใช้เป็นอาคารสำหรับแนะนำข้อมูลให้แก่นักท่องเที่ยว","subject":"หอนาฬิกา, หอนาฬิกาเมืองไตปิง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/668"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์โอลด์เซนต์","creator":null,"description":"โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นโบสถ์ของนิกายแองกลิกัน ( Anglican) แห่งแรกของมาเลเซีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวออสเตรเลีย ชื่อนายดี เลฟรอย (D. Lefroy) โดยสร้างขึ้นเป็นโบสถ์ไม้ ตั้งแต่ปี 1886 สุสานที่อยู่ติดกับโบสถ์ เป็นสุสานของชาวอังกฤษผู้บุกเบิกเมืองไตปิง ปรากฏหินจารึกและประติมากรรมบนหลุมศพที่งดงาม โบสถ์แห่งนี้รอดพ้นจากสงครามกลางเมืองและยังคงแสดงให้เห็นศิลปกรรมรุ่นแรกๆของเมืองไตปิง","provenance":"โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นโบสถ์ของนิกายแองกลิกัน ( Anglican) แห่งแรกของมาเลเซีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวออสเตรเลีย ชื่อนายดี เลฟรอย (D. Lefroy) โดยสร้างขึ้นเป็นโบสถ์ไม้ ตั้งแต่ปี 1886 สุสานที่อยู่ติดกับโบสถ์ เป็นสุสานของชาวอังกฤษผู้บุกเบิกเมืองไตปิง ปรากฏหินจารึกและประติมากรรมบนหลุมศพที่งดงาม โบสถ์แห่งนี้รอดพ้นจากสงครามกลางเมืองและยังคงแสดงให้เห็นศิลปกรรมรุ่นแรกๆของเมืองไตปิง","subject":"โบสถ์, แองกลิกัน, นิกายแองกลิกัน, โบสถ์โอลด์เซนต์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/669"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดจาเม็ก","creator":null,"description":"มัสยิดจาเม็กสร้างขึ้นใน พ.ศ.2452 โดยสถาปนิกชาวอังกฤษ ต่อมาสุลต่านแห่งรัฐสลังงอร์ได้เสด็จมาเปิดมัสยิด มัสยิดแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในมัสยิดที่เก่าที่สุดในเมืองกัวลาลัมเปอร์และเป็นมัสยิดหลังแรกของกัวลาลัมเปอร์ในสมัยอาณานิคม","provenance":"มัสยิดจาเม็กสร้างขึ้นใน พ.ศ.2452 โดยสถาปนิกชาวอังกฤษ ต่อมาสุลต่านแห่งรัฐสลังงอร์ได้เสด็จมาเปิดมัสยิด มัสยิดแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในมัสยิดที่เก่าที่สุดในเมืองกัวลาลัมเปอร์และเป็นมัสยิดหลังแรกของกัวลาลัมเปอร์ในสมัยอาณานิคม","subject":"มัสยิด, โมกุล-มัวร์ สไตล์, มัสยิดจาเม็ก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/670"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารอับดุลซามัด","creator":null,"description":"อาคารหลังนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2440 โดยเป็นอาคารสถานที่ราชการซึ่งเดิมใช้เป็นสำนักงานของสำนักเลขานุการรัฐ (State Secretary) ปัจจุบันเป็นอาคารศาล อาคารหลังนี้สร้างติดกับ “ปาดัง” หรือลานกว้างสำหรับสวนสนามและจัดรัฐพิธีของอังกฤษ","provenance":"อาคารหลังนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2440 โดยเป็นอาคารสถานที่ราชการซึ่งเดิมใช้เป็นสำนักงานของสำนักเลขานุการรัฐ (State Secretary) ปัจจุบันเป็นอาคารศาล อาคารหลังนี้สร้างติดกับ “ปาดัง” หรือลานกว้างสำหรับสวนสนามและจัดรัฐพิธีของอังกฤษ","subject":"โมกุล-มัวร์ สไตล์, หอนาฬิกา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/671"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารพิพิธภัณฑ์ผ้า","creator":null,"description":"อาคารหลังนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2440 โดยเป็นผลงานของสถาปนิกคนเดียวกับที่สร้างอาคารอับดุลซามัด เดิมเป็นสำนักงานของ Federated Malay States Railways ต่อมาถูกดัดแปลงเป็นอาคารสำนักงานของรัฐสลังงอร์ ปัจจุบันเป็นอาคารสำหรับพิพิธภัณฑ์ผ้า อาคารหลังนี้สร้างติดกับ “ปาดัง” หรือลานกว้างสำหรับสวนสนามและจัดรัฐพิธีของอังกฤษ","provenance":"อาคารหลังนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ.2440 โดยเป็นผลงานของสถาปนิกคนเดียวกับที่สร้างอาคารอับดุลซามัด เดิมเป็นสำนักงานของ Federated Malay States Railways ต่อมาถูกดัดแปลงเป็นอาคารสำนักงานของรัฐสลังงอร์ ปัจจุบันเป็นอาคารสำหรับพิพิธภัณฑ์ผ้า อาคารหลังนี้สร้างติดกับ “ปาดัง” หรือลานกว้างสำหรับสวนสนามและจัดรัฐพิธีของอังกฤษ","subject":"อาคารแบบตะวันตก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/672"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์เซนต์ปอล","creator":null,"description":"เดิมเป็นโบสถ์ขนาดเล็กสร้างโดยชาวโปรตุเกสโดยตั้งชื่อโบสถ์ว่าเอาเวอร์ เลดี้ ออฟ เดอะ ฮิลล์ (Our Lady of The Hill) สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2064 ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโบสถ์อันนันชิเอชั่น (Annunciation) และโบสถ์เซนต์พอล (Saint Paul) ตามลำดับ โบสถ์ได้รับการขยายให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อมา เมื่อชาวดัชต์ได้เข้ายึดครองมะละกา ได้เปลี่ยนเป็นโบสถ์ในนิกายโปรเตสแตนท์ และใช้โบสถ์แห่งนี้ต่อมาจนกระทั่งชาวดัชต์ได้สร้างโบสถ์ของตนเองขึ้นใหม่ที่ด้านล่างเชิงเขา","provenance":"เดิมเป็นโบสถ์ขนาดเล็กสร้างโดยชาวโปรตุเกสโดยตั้งชื่อโบสถ์ว่าเอาเวอร์ เลดี้ ออฟ เดอะ ฮิลล์ (Our Lady of The Hill) สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2064 ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโบสถ์อันนันชิเอชั่น (Annunciation) และโบสถ์เซนต์พอล (Saint Paul) ตามลำดับ โบสถ์ได้รับการขยายให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อมา เมื่อชาวดัชต์ได้เข้ายึดครองมะละกา ได้เปลี่ยนเป็นโบสถ์ในนิกายโปรเตสแตนท์ และใช้โบสถ์แห่งนี้ต่อมาจนกระทั่งชาวดัชต์ได้สร้างโบสถ์ของตนเองขึ้นใหม่ที่ด้านล่างเชิงเขา","subject":"โบสถ์, โบสถ์เซนต์ปอล, เอาเวอร์ เลดี้ ออฟ เดอะ ฮิลล์, โบสถ์อันนันชิเอชั่น","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/673"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์ประจำเมืองมะละกา","creator":null,"description":"เมื่อชาวดัชต์เข้ามายึดมะละกาจากโปรตุเกส ได้เปลี่ยนโบสถ์จำนวนมากจากนิกายโรมันคาธอลิคไปสู่นิกายโปรเทสแตนท์ โดยโบสถ์ St Paul ด้านบนเนินเขาซึ่งเดิมเป็นของโปรตุเกสก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นโปรเทสแตนท์ ใน พ.ศ.2284 เพื่อฉลองการยึดครองของดัชต์ครบรอบ 100 ปี โบสถ์หลังใหม่จึงถูกสร้างขึ้นโดยเป็นโบสถ์หลักของ Dutch Reform Church ต่อมาเมื่ออังกฤษได้ยึดครองมะละกาแทนชาวดัชต์ จึงได้เปลี่ยนโบสถ์แห่งนี้ให้กลายเป็นนิกาย Anglican","provenance":"เมื่อชาวดัชต์เข้ามายึดมะละกาจากโปรตุเกส ได้เปลี่ยนโบสถ์จำนวนมากจากนิกายโรมันคาธอลิคไปสู่นิกายโปรเทสแตนท์ โดยโบสถ์ St Paul ด้านบนเนินเขาซึ่งเดิมเป็นของโปรตุเกสก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นโปรเทสแตนท์ ใน พ.ศ.2284 เพื่อฉลองการยึดครองของดัชต์ครบรอบ 100 ปี โบสถ์หลังใหม่จึงถูกสร้างขึ้นโดยเป็นโบสถ์หลักของ Dutch Reform Church ต่อมาเมื่ออังกฤษได้ยึดครองมะละกาแทนชาวดัชต์ จึงได้เปลี่ยนโบสถ์แห่งนี้ให้กลายเป็นนิกาย Anglican","subject":"โบสถ์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมดัชต์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/674"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สตัตทุยส์","creator":null,"description":"ศาลาว่าการเมืองมะละกา หรือ สตัตทุยส์ (Stadthuys) ในภาษาดัชต์ สร้างขึ้นตรงจัตุรัสกลางเมืองมะละกาโดยชาวดัชต์ซึ่งมายึดครองเมือมะละกาต่อจากชาวโปรตุเกส สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2193 โดยเป็นที่ทำงานของผู้ว่าการชาวดัชต์ ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้ายึดครองมาเลเซีย ศาลาว่การเมืองได้ถูกเปลี่ยนเป็นโรงเรียน","provenance":"ศาลาว่าการเมืองมะละกา หรือ สตัตทุยส์ (Stadthuys) ในภาษาดัชต์ สร้างขึ้นตรงจัตุรัสกลางเมืองมะละกาโดยชาวดัชต์ซึ่งมายึดครองเมือมะละกาต่อจากชาวโปรตุเกส สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2193 โดยเป็นที่ทำงานของผู้ว่าการชาวดัชต์ ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้ายึดครองมาเลเซีย ศาลาว่การเมืองได้ถูกเปลี่ยนเป็นโรงเรียน","subject":null,"spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมดัชต์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/675"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดกำปงกลิง","creator":null,"description":"มัสยิดแห่งนี้สร้างใน พ.ศ. 2291 ภายหลังจากมัสยิดกำปงฮูลูเล็กน้อย มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นบนถนนย่านการค้าของเมืองมะละกาเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารห้องแถวของคนจีน อย่างไรก็ตาม พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่อยู่ของคนอินเดียใต้ซึ่งเรียกว่าชาวกลิงคะ (Kling)","provenance":"มัสยิดแห่งนี้สร้างใน พ.ศ. 2291 ภายหลังจากมัสยิดกำปงฮูลูเล็กน้อย มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นบนถนนย่านการค้าของเมืองมะละกาเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารห้องแถวของคนจีน อย่างไรก็ตาม พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่อยู่ของคนอินเดียใต้ซึ่งเรียกว่าชาวกลิงคะ (Kling)","subject":"มัสยิด, มัสยิดกำปงฮูลู, มัสยิดกำปงกลิง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมดัชต์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/676"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดกำปงกลิง","creator":null,"description":"มัสยิดแห่งนี้สร้างใน พ.ศ. 2291 โดยสร้างภายหลังจากมัสยิดกำปงฮูลูเล็กน้อย มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นบนถนนย่านการค้าของเมืองมะละกาเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารห้องแถวของคนจีน อย่างไรก็ตาม พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่อยู่ของคนอินเดียใต้ซึ่งเรียกว่าชาวกลิงคะ (Kling)","provenance":"มัสยิดแห่งนี้สร้างใน พ.ศ. 2291 โดยสร้างภายหลังจากมัสยิดกำปงฮูลูเล็กน้อย มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นบนถนนย่านการค้าของเมืองมะละกาเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารห้องแถวของคนจีน อย่างไรก็ตาม พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่อยู่ของคนอินเดียใต้ซึ่งเรียกว่าชาวกลิงคะ (Kling)","subject":"มัสยิด, มัสยิดกำปงฮูลู, มัสยิดกำปงกลิง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมดัชต์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/677"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดกำปงฮูลู","creator":null,"description":"มัสยิดกำปงฮูลูเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในมะละกา สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2263 โดยดาโต๊ะ ซัมซุดดิน บิน อารม (Dato Samsuddin bin Arom) ซึ่งเป็นกปิตันหรือผู้นำพื้นเมือง สร้างขึ้นเมื่อเมืองมะละกาอยู่ภายใต้การปกครองของดัชต์ ซึ่งเป็นระยะที่ชาวดัชต์อนุญาตให้สามารถสร้างมัสยิดได้","provenance":"มัสยิดกำปงฮูลูเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในมะละกา สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2263 โดยดาโต๊ะ ซัมซุดดิน บิน อารม (Dato Samsuddin bin Arom) ซึ่งเป็นกปิตันหรือผู้นำพื้นเมือง สร้างขึ้นเมื่อเมืองมะละกาอยู่ภายใต้การปกครองของดัชต์ ซึ่งเป็นระยะที่ชาวดัชต์อนุญาตให้สามารถสร้างมัสยิดได้","subject":"มัสยิด, มัสยิดกำปงฮูลู, มัสยิดกำปงกลิง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมดัชต์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/678"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หอคอยมัสยิดกำปงฮูลู","creator":null,"description":"มัสยิดกำปงฮูลูเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในมะละกา สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2263 โดยดาโต๊ะ ซัมซุดดิน บิน อารม (Dato Samsuddin bin Arom) ซึ่งเป็นกปิตันหรือผู้นำพื้นเมือง สร้างขึ้นเมื่อเมืองมะละกาอยู่ภายใต้การปกครองของดัชต์ ซึ่งเป็นระยะที่ชาวดัชต์อนุญาตให้สามารถสร้างมัสยิดได้","provenance":"มัสยิดกำปงฮูลูเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในมะละกา สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2263 โดยดาโต๊ะ ซัมซุดดิน บิน อารม (Dato Samsuddin bin Arom) ซึ่งเป็นกปิตันหรือผู้นำพื้นเมือง สร้างขึ้นเมื่อเมืองมะละกาอยู่ภายใต้การปกครองของดัชต์ ซึ่งเป็นระยะที่ชาวดัชต์อนุญาตให้สามารถสร้างมัสยิดได้","subject":"มัสยิด, หอคอย, มัสยิดกำปงฮูลู, มัสยิดกำปงกลิง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมดัชต์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/679"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดสุลต่านอบูบักร์","creator":null,"description":"มัสยิดสุลต่านอบูบักร์ สร้างขึ้นโดยสุลต่านอิบรอฮีมกษัตริย์แห่งยะโฮร์ใน พ.ศ. 2443 เพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชบิดาของพระองค์ ตั้งอยู่ที่ช่องแคบยะโฮร์ซึ่งแบ่งเขตระหว่างมาเลเซียกับสิงคโปร์ในปัจจุบัน","provenance":"มัสยิดสุลต่านอบูบักร์ สร้างขึ้นโดยสุลต่านอิบรอฮีมกษัตริย์แห่งยะโฮร์ใน พ.ศ. 2443 เพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชบิดาของพระองค์ ตั้งอยู่ที่ช่องแคบยะโฮร์ซึ่งแบ่งเขตระหว่างมาเลเซียกับสิงคโปร์ในปัจจุบัน","subject":"มัสยิด, สุลต่าน อบูบักร์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/680"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์ซานเซบาสเตียน","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก, โบสถ์ซานเซบาสเตียน","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/681"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"แท่นบูชาภายในโบสถ์ซานเซบาสเตียน","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก, โบสถ์ซานเซบาสเตียน, แท่นบูชา","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/682"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์ซานโตนีโญ่","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/683"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์ซานตามาเรีย","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/684"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาสนวิหารเมืองวีกัน","creator":null,"description":"อาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน ถือเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองวีกัน โบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นโดยบาทหลวงนิกายออกุสติน เริ่มสร้างครั้งแรกใน ค.ศ.1644 ส่วนที่เป็นอาคารหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1799","provenance":"อาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน ถือเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองวีกัน โบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นโดยบาทหลวงนิกายออกุสติน เริ่มสร้างครั้งแรกใน ค.ศ.1644 ส่วนที่เป็นอาคารหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1799","subject":"อาสนวิหาร","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/685"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอระฆัง :อาสนวิหารเมืองวีกัน","creator":null,"description":"อาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน ถือเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองวีกัน โบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นโดยบาทหลวงนิกายออกุสติน เริ่มสร้างครั้งแรกใน ค.ศ.1644 ส่วนที่เป็นอาคารหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1799","provenance":"อาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน ถือเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองวีกัน โบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นโดยบาทหลวงนิกายออกุสติน เริ่มสร้างครั้งแรกใน ค.ศ.1644 ส่วนที่เป็นอาคารหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1799","subject":"นิกายโรมันคาธอลิก, อาสนวิหาร, หอระฆัง","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/686"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ภายใน :อาสนวิหารเมืองวีกัน","creator":null,"description":"อาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน ถือเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองวีกัน โบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นโดยบาทหลวงนิกายออกุสติน เริ่มสร้างครั้งแรกใน ค.ศ.1644 ส่วนที่เป็นอาคารหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1799","provenance":"อาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน ถือเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองวีกัน โบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นโดยบาทหลวงนิกายออกุสติน เริ่มสร้างครั้งแรกใน ค.ศ.1644 ส่วนที่เป็นอาคารหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1799","subject":"นิกายโรมันคาธอลิก, อาสนวิหาร","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/687"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"แท่นบูชาประธาน :อาสนวิหารเมืองวีกัน","creator":"","description":"อาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน ถือเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองวีกัน โบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นโดยบาทหลวงนิกายออกุสติน เริ่มสร้างครั้งแรกใน ค.ศ.1644 ส่วนที่เป็นอาคารหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1799
","provenance":"อาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน ถือเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองวีกัน โบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นโดยบาทหลวงนิกายออกุสติน เริ่มสร้างครั้งแรกใน ค.ศ.1644 ส่วนที่เป็นอาคารหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1799
","subject":"นิกายโรมันคาธอลิก, แท่นบูชา, อาสนวิหาร","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/688"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์ประจำสุสานเมืองวีกัน","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก, สุสาน","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/689"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ถนนคริสโซโลโก","creator":"","description":"","provenance":"","subject":null,"spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/690"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์เมืองปาวาย","creator":null,"description":"โบสถ์เมืองปาวาย (Paoay) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองโลวากประมาณ 25 กิโลเมตร ถือเป็นตัวอย่างโบสถ์แบบสเปนที่เก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะฟิลิปปินส์ โดยได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย","provenance":"โบสถ์เมืองปาวาย (Paoay) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองโลวากประมาณ 25 กิโลเมตร ถือเป็นตัวอย่างโบสถ์แบบสเปนที่เก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะฟิลิปปินส์ โดยได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/691"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ค้ำยันของโบสถ์เมืองปาวาย","creator":null,"description":"โบสถ์เมืองปาวาย (Paoay) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองโลวากประมาณ 25 กิโลเมตร ถือเป็นตัวอย่างโบสถ์แบบสเปนที่เก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะฟิลิปปินส์ โดยได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย\r\nโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1699 แต่ต่อมาได้พังทลายลงเนื่องด้วยแผ่นดินไหว จึงมีการสร้างใหม่ใน ค.ศ.1710 ซึ่งยังคงปรากฏมาถึงปัจจุบัน","provenance":"โบสถ์เมืองปาวาย (Paoay) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองโลวากประมาณ 25 กิโลเมตร ถือเป็นตัวอย่างโบสถ์แบบสเปนที่เก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะฟิลิปปินส์ โดยได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย\r\nโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1699 แต่ต่อมาได้พังทลายลงเนื่องด้วยแผ่นดินไหว จึงมีการสร้างใหม่ใน ค.ศ.1710 ซึ่งยังคงปรากฏมาถึงปัจจุบัน","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/692"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ภายในโบสถ์เมืองปาวาย","creator":null,"description":"โบสถ์เมืองปาวาย (Paoay) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองโลวากประมาณ 25 กิโลเมตร ถือเป็นตัวอย่างโบสถ์แบบสเปนที่เก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะฟิลิปปินส์ โดยได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย\r\nโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1699 แต่ต่อมาได้พังทลายลงเนื่องด้วยแผ่นดินไหว จึงมีการสร้างใหม่ใน ค.ศ.1710 ซึ่งยังคงปรากฏมาถึงปัจจุบัน","provenance":"โบสถ์เมืองปาวาย (Paoay) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองโลวากประมาณ 25 กิโลเมตร ถือเป็นตัวอย่างโบสถ์แบบสเปนที่เก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะฟิลิปปินส์ โดยได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย\r\nโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1699 แต่ต่อมาได้พังทลายลงเนื่องด้วยแผ่นดินไหว จึงมีการสร้างใหม่ใน ค.ศ.1710 ซึ่งยังคงปรากฏมาถึงปัจจุบัน","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/693"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอคอยประจำโบสถ์เซนต์วิลเลี่ยม","creator":null,"description":"หอคอยแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นภายหลังจากแผ่นดินไหวใน ค.ศ. 1707\r\nเป็นหอคอยประจำโบสถ์เซนต์วิลเลี่ยม (St. William) ซึ่งเป็นอาสนวิหาร ประจำเมืองโลวาก (Laoag) มีความสูงถึง 85 เมตร เป็นหอคอยที่เรียกว่า “หอคอยจมดิน”(Sinking Tower) เนื่องจากฐานด้านล่างของหอคอยจมลงไปในดินครึ่งหนึ่งของประตู","provenance":"หอคอยแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นภายหลังจากแผ่นดินไหวใน ค.ศ. 1707\r\nเป็นหอคอยประจำโบสถ์เซนต์วิลเลี่ยม (St. William) ซึ่งเป็นอาสนวิหาร ประจำเมืองโลวาก (Laoag) มีความสูงถึง 85 เมตร เป็นหอคอยที่เรียกว่า “หอคอยจมดิน”(Sinking Tower) เนื่องจากฐานด้านล่างของหอคอยจมลงไปในดินครึ่งหนึ่งของประตู","subject":"หอคอย, นิกายโรมันคาธอลิก, หอระฆัง","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/694"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอระฆังของอาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์","creator":null,"description":"อาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์ เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะสิงคโปร์ ออกแบบโย George Coleman สถาปนิกชาวอังกฤษใน พ.ศ.2379 ต่อมาถูกแก้ไขและบูรณะเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอาสนวิหารของนิกายแองกลิกัน","provenance":"อาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์ เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะสิงคโปร์ ออกแบบโย George Coleman สถาปนิกชาวอังกฤษใน พ.ศ.2379 ต่อมาถูกแก้ไขและบูรณะเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอาสนวิหารของนิกายแองกลิกัน","subject":"แองกลิกัน, อาสนวิหาร, อาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/695"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสิงคโปร์","creator":null,"description":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ.2392 เดิมมีชื่อเรียกว่า Raffles Library and Museum เดิมอยู่ที่อาคารอีกหลังหนึ่ง ต่อมาอาคารหลังนี้ได้ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ.2425 เพื่อเป็นอาคารสำหรับพิพิธภัณฑสถาน เดิมเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นทางด้านสัตวศาสตร์ พฤกษศาสตร์และ มานุษยวิทยา ต่อมาเมื่อสิงคโปร์ได้รับเอกราช ก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น National Museum of Singapore และพิพิธภัณฑ์ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นการเน้นย้ำประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการกอบกู้เอกราช","provenance":"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ.2392 เดิมมีชื่อเรียกว่า Raffles Library and Museum เดิมอยู่ที่อาคารอีกหลังหนึ่ง ต่อมาอาคารหลังนี้ได้ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ.2425 เพื่อเป็นอาคารสำหรับพิพิธภัณฑสถาน เดิมเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นทางด้านสัตวศาสตร์ พฤกษศาสตร์และ มานุษยวิทยา ต่อมาเมื่อสิงคโปร์ได้รับเอกราช ก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น National Museum of Singapore และพิพิธภัณฑ์ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นการเน้นย้ำประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการกอบกู้เอกราช","subject":"อาคารแบบพัลลาเดียน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/696"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมในเจดีย์อเพยทนะ","creator":null,"description":"เจดีย์อเพยทนะ สร้างขึ้นโดยพระนางอภัยรัตนา พระมเหสีในพระเจ้าจันสิตถาในพุทธศตวรรษที่ 17 ภายในปรากฏจิตรกรรมซึ่งคล้ายคลึงกับศิลปะปาละอย่างมากและมีแนวโน้มไปทางพุทธศาสนามหายาน","provenance":"เจดีย์อเพยทนะ สร้างขึ้นโดยพระนางอภัยรัตนา พระมเหสีในพระเจ้าจันสิตถาในพุทธศตวรรษที่ 17 ภายในปรากฏจิตรกรรมซึ่งคล้ายคลึงกับศิลปะปาละอย่างมากและมีแนวโน้มไปทางพุทธศาสนามหายาน","subject":"อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์, พุกาม, พระเจ้าจันสิตถา, พระนางอภัยรัตนา, เจดีย์อเพยทนะ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/697"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระโพธิสัตว์มัญชุศรี จิตรกรรมในเจดีย์อเพยทนะ","creator":"","description":"เจดีย์อเพยทนะ สร้างขึ้นโดยพระนางอภัยรัตนา พระมเหสีในพระเจ้าจันสิตถาในพุทธศตวรรษที่ 17 ภายในปรากฏจิตรกรรมซึ่งคล้ายคลึงกับศิลปะปาละอย่างมากและมีแนวโน้มไปทางพุทธศาสนามหายาน
","provenance":"เจดีย์อเพยทนะ สร้างขึ้นโดยพระนางอภัยรัตนา พระมเหสีในพระเจ้าจันสิตถาในพุทธศตวรรษที่ 17 ภายในปรากฏจิตรกรรมซึ่งคล้ายคลึงกับศิลปะปาละอย่างมากและมีแนวโน้มไปทางพุทธศาสนามหายาน
","subject":"พระโพธิสัตว์, พระเจ้าจันสิตถา, พระนางอภัยรัตนา, เจดีย์อเพยทนะ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/698"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระพุทธเจ้าและฤาษีประทับในถ้ำ จิตรกรรมในเจดีย์อเพยทนะ","creator":"","description":"เจดีย์อเพยทนะ สร้างขึ้นโดยพระนางอภัยรัตนา พระมเหสีในพระเจ้าจันสิตถาในพุทธศตวรรษที่ 17 ภายในปรากฏจิตรกรรมซึ่งคล้ายคลึงกับศิลปะปาละอย่างมากและมีแนวโน้มไปทางพุทธศาสนามหายาน
","provenance":"เจดีย์อเพยทนะ สร้างขึ้นโดยพระนางอภัยรัตนา พระมเหสีในพระเจ้าจันสิตถาในพุทธศตวรรษที่ 17 ภายในปรากฏจิตรกรรมซึ่งคล้ายคลึงกับศิลปะปาละอย่างมากและมีแนวโน้มไปทางพุทธศาสนามหายาน
","subject":"พระโพธิสัตว์, พระเจ้าจันสิตถา, พระนางอภัยรัตนา, เจดีย์อเพยทนะ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/699"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระโพธิสัตว์ จิตรกรรมในเจดีย์อโลปเย","creator":null,"description":"เจดีย์อโลปเย ไม่มีประวัติว่าสร้างโดยใคร อย่างไรก็ตาม จากรูปแบบศิลปกรรมและจิตรกรรมภายใน แสดงว่าเจดีย์องค์นี้คงสร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 16","provenance":"เจดีย์อโลปเย ไม่มีประวัติว่าสร้างโดยใคร อย่างไรก็ตาม จากรูปแบบศิลปกรรมและจิตรกรรมภายใน แสดงว่าเจดีย์องค์นี้คงสร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 16","subject":"อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์, เจดีย์อโลปเย","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/700"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พุทธประวัติ จิตรกรรมในเจดีย์ปาโททัมยา","creator":null,"description":"เจดีย์ปาโททัมยา จากรูปแบบสถาปัตยกรรมพบว่ามีอายุในสมัยพุกามตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 16 โดยภายในทางประทักษิณปรากฏจิตรกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติที่","provenance":"เจดีย์ปาโททัมยา จากรูปแบบสถาปัตยกรรมพบว่ามีอายุในสมัยพุกามตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 16 โดยภายในทางประทักษิณปรากฏจิตรกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติที่","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, พุกาม, เจดีย์ปาโททัมยา","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/701"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พุทธประวัติ 8 ตอน จิตรกรรมในเจดีย์โลกาเทียกพัน","creator":"","description":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17
","provenance":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17
","subject":"พระพุทธเจ้า, เจดีย์โลกาเทียกพัน","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/702"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ส่วนหนึ่งจากพุทธประวัติ 8 ตอน จิตรกรรมในเจดีย์โลกาเทียกพัน","creator":null,"description":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","provenance":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, พุกาม, เจดีย์โลกาเทียกพัน","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/703"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ส่วนหนึ่งจากพุทธประวัติ 8 ตอน จิตรกรรมในเจดีย์โลกาเทียกพัน","creator":null,"description":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","provenance":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","subject":"พุทธประวัติ, พุกาม, เจดีย์ชเวซานดอ, เจดีย์โลกาเทียกพัน","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/704"},{"type":"จิตรกรรม","title":"เขาพระสุเมรุ จิตรกรรมในเจดีย์โลกาเทียกพัน","creator":null,"description":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","provenance":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, เจดีย์ชเวซิกอง, เจดีย์โลกาเทียกพัน, เขาพระสุเมรุ","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/705"},{"type":"จิตรกรรม","title":"สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จิตรกรรมในเจดีย์โลกาเทียกพัน","creator":null,"description":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","provenance":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","subject":"เจดีย์โลกาเทียกพัน, เขาพระสุเมรุ, ปยาทาด, เจดีย์จุฬามณี, ทุสสเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/706"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระพุทธบาทบนเพดาน จิตรกรรมในเจดีย์โลกาเทียกพัน","creator":null,"description":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","provenance":"เจดีย์โลกาเทียกพัน เป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ไกลจากเจดีย์ชเวซานดอมากนัก ไม่มีประวัติว่าผู้ใดสร้างหรือสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมแล้ว คอนข้างแน่ชัดว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนกลาง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17","subject":"พระพุทธบาท, พระพุทธเจ้า, พุกาม, เจดีย์ชเวซิกอง, เจดีย์โลกาเทียกพัน","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/707"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พุทธประวัติ จิตรกรรมในเจดีย์ตโยกปเย","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, พุกาม, เจดีย์ตโยกปเย","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/708"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ปยาทาด จิตรกรรมในเจดีย์ตโยกปเย","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พุกาม, ปยาทาด, เจดีย์ตโยกปเย","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/709"},{"type":"จิตรกรรม","title":"การปราบช้างนาฬาคีรี จิตรกรรมในเจดีย์ปยาตองสู","creator":null,"description":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างข้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","provenance":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างข้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","subject":"พระพุทธเจ้า, พุกาม, นาฬาคีรี, เจดีย์ปยาตองสู","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/710"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ลิงถวายบาตรน้ำผึ้ง จิตรกรรมในเจดีย์ปยาตองสู","creator":null,"description":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างข้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","provenance":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างข้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, พุกาม, เจดีย์ปยาตองสู","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/711"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมประกอบซุ้มในเจดีย์ปยาตองสู","creator":null,"description":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเอกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างข้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","provenance":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเอกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างข้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","subject":"เจดีย์ปยาตองสู","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/712"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระโพธิสัตว์เจดีย์ปยาตองสู","creator":null,"description":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างขึ้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","provenance":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างขึ้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","subject":"พระโพธิสัตว์, พระพุทธเจ้า, พุกาม, พระเจ้าอโนรธา, เจดีย์ปยาตองสู, อรี","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/713"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระอดีตพุทธเจ้าที่มากมายนับไม่ถ้วน เจดีย์ปยาตองสู","creator":null,"description":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างขึ้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","provenance":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างขึ้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","subject":"พระพุทธเจ้า, เจดีย์ปยาตองสู","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/714"},{"type":"จิตรกรรม","title":"เทวดาและพระสาวกเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าตอนปรินิพพาน","creator":null,"description":"ถ้ำโพวินต่อง เป็นถ้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยการขุดเข้าไปในภูเขา มีจำนวนหลายร้อยถ้ำ แต่ละถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเขียนจิตรกรรมอยู่เต็ม ถ้ำเหล่านี้คงเคยเป็นที่ทำสมาธิของพระภิกษุมาก่อน","provenance":"ถ้ำโพวินต่อง เป็นถ้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยการขุดเข้าไปในภูเขา มีจำนวนหลายร้อยถ้ำ แต่ละถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเขียนจิตรกรรมอยู่เต็ม ถ้ำเหล่านี้คงเคยเป็นที่ทำสมาธิของพระภิกษุมาก่อน","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, ถ้ำโพวินต่อง","spatial":null,"temporal":"นยองยาน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/715"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พุทธประวัติตอนออกมหาภิเนษกรมณ์ของพระอดีตพุทธเจ้า","creator":null,"description":"ถ้ำโพวินต่อง เป็นถ้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยการขุดเข้าไปในภูเขา มีจำนวนหลายร้อยถ้ำ แต่ละถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเขียนจิตรกรรมอยู่เต็ม ถ้ำเหล่านี้คงเคยเป็นที่ทำสมาธิของพระภิกษุมาก่อน","provenance":"ถ้ำโพวินต่อง เป็นถ้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยการขุดเข้าไปในภูเขา มีจำนวนหลายร้อยถ้ำ แต่ละถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเขียนจิตรกรรมอยู่เต็ม ถ้ำเหล่านี้คงเคยเป็นที่ทำสมาธิของพระภิกษุมาก่อน","subject":"พระพุทธเจ้า, ถ้ำโพวินต่อง","spatial":null,"temporal":"นยองยาน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/716"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระพุทธเจ้าขนาดใหญ่","creator":null,"description":"เจดีย์สูลามณีเมืองพุกาม สร้างขึ้นโดยพระเจ้านรปติสิทธุในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพุกามตอนปลาย อย่างไรก็ตาม จิตรกรรมภายในกลับวาดขึ้นนสมัยหลังกว่า โดยมีทั้งภาพเขียนพระพุทธรูปขนาดใหญ่และพุทธประวิตอนสัตตมหาสถาน","provenance":"เจดีย์สูลามณีเมืองพุกาม สร้างขึ้นโดยพระเจ้านรปติสิทธุในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพุกามตอนปลาย อย่างไรก็ตาม จิตรกรรมภายในกลับวาดขึ้นนสมัยหลังกว่า โดยมีทั้งภาพเขียนพระพุทธรูปขนาดใหญ่และพุทธประวิตอนสัตตมหาสถาน","subject":"พระพุทธเจ้า, เจดีย์สูลามณี, พระเจ้านรปติสิทธุ, ราชวงศ์คองบอง","spatial":null,"temporal":"คองบอง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/717"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พุทธประวัติตอนสัตตมหาสถาน","creator":null,"description":"เจดีย์สูลามณีเมืองพุกาม สร้างขึ้นโดยพระเจ้านรปติสิทธุในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพุกามตอนปลาย อย่างไรก็ตาม จิตรกรรมภายในกลับวาดขึ้นในสมัยหลังกว่า โดยมีทั้งภาพเขียนพระพุทธรูปขนาดใหญ่และพุทธประวัติตอนสัตตมหาสถาน","provenance":"เจดีย์สูลามณีเมืองพุกาม สร้างขึ้นโดยพระเจ้านรปติสิทธุในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพุกามตอนปลาย อย่างไรก็ตาม จิตรกรรมภายในกลับวาดขึ้นในสมัยหลังกว่า โดยมีทั้งภาพเขียนพระพุทธรูปขนาดใหญ่และพุทธประวัติตอนสัตตมหาสถาน","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, เจดีย์สูลามณี, พระเจ้านรปติสิทธุ","spatial":null,"temporal":"คองบอง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/718"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พุทธประวัติตอนสัตตมหาสถาน","creator":null,"description":"เจดีย์สูลามณีเมืองพุกาม สร้างขึ้นโดยพระเจ้านรปติสิทธุในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพุกามตอนปลาย อย่างไรก็ตาม จิตรกรรมภายในกลับวาดขึ้นในสมัยหลังกว่า โดยมีทั้งภาพเขียนพระพุทธรูปขนาดใหญ่และพุทธประวัติตอนสัตตมหาสถาน","provenance":"เจดีย์สูลามณีเมืองพุกาม สร้างขึ้นโดยพระเจ้านรปติสิทธุในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพุกามตอนปลาย อย่างไรก็ตาม จิตรกรรมภายในกลับวาดขึ้นในสมัยหลังกว่า โดยมีทั้งภาพเขียนพระพุทธรูปขนาดใหญ่และพุทธประวัติตอนสัตตมหาสถาน","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, เจดีย์สูลามณี, พระเจ้านรปติสิทธุ","spatial":null,"temporal":"คองบอง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/719"},{"type":"จิตรกรรม","title":"อดีตพุทธและพุทธประวัติตอนมหาภิเนษกรมณ์","creator":null,"description":"“เถียน” หรือ “สิม” คืออุโบสถหรืออาคารสำหรับบวชพระ มักมีขนาดเล็กสำหรับพระภิกษุผู้ประกอบพิธีกรรมซึงจำนวนไม่ มากนัก เป็นอาคารก่ออิฐ","provenance":"“เถียน” หรือ “สิม” คืออุโบสถหรืออาคารสำหรับบวชพระ มักมีขนาดเล็กสำหรับพระภิกษุผู้ประกอบพิธีกรรมซึงจำนวนไม่ มากนัก เป็นอาคารก่ออิฐ","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, สิม, อุบาลีเถียน","spatial":null,"temporal":"คองบอง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/720"},{"type":"จิตรกรรม","title":"อดีตพุทธและพุทธประวัติตอนมหาภิเนษกรมณ์","creator":null,"description":"“เถียน” หรือ “สิม” คืออุโบสถหรืออาคารสำหรับบวชพระ มักมีขนาดเล็กสำหรับพระภิกษุผู้ประกอบพิธีกรรมซึงจำนวนไม่ มากนัก เป็นอาคารก่ออิฐ","provenance":"“เถียน” หรือ “สิม” คืออุโบสถหรืออาคารสำหรับบวชพระ มักมีขนาดเล็กสำหรับพระภิกษุผู้ประกอบพิธีกรรมซึงจำนวนไม่ มากนัก เป็นอาคารก่ออิฐ","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, สิม, พระเจ้านรปติสิทธุ, อุบาลีเถียน","spatial":null,"temporal":"คองบอง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/721"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพวาดจำลองเจดีย์จอกตอจี","creator":null,"description":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","provenance":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","subject":"อานันทเจดีย์, อมรปุระ, เจดีย์จอกตอจี, พระเจ้าปกันมิน","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/722"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ภาพวาดจำลองเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","provenance":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","subject":"อานันทเจดีย์, อมรปุระ, เจดีย์จอกตอจี, พระเจ้าปกันมิน, การอภิเษกพระพุทธเจ้า","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/723"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระพุทธบาทบนเพดาน","creator":null,"description":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","provenance":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","subject":"พระพุทธบาท, พระพุทธเจ้า, อมรปุระ, เจดีย์จอกตอจี, พระเจ้าปกันมิน","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/724"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระพุทธบาทบนเพดาน","creator":null,"description":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","provenance":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","subject":"พระพุทธบาท, พระพุทธเจ้า, อานันทเจดีย์, เจดีย์จอกตอจี","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/725"},{"type":"จิตรกรรม","title":"เทวดาด้านบนเพดาน","creator":null,"description":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","provenance":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","subject":"อานันทเจดีย์, อมรปุระ, เจดีย์จอกตอจี, พระเจ้าปกันมิน","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/726"},{"type":"จิตรกรรม","title":"หน้ายักษ์ด้านบนเพดาน","creator":null,"description":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","provenance":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","subject":"อานันทเจดีย์, อมรปุระ, เจดีย์จอกตอจี, พระเจ้าปกันมิน","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/727"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ภาพบุคคลเหาะ","creator":null,"description":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","provenance":"พระเจ้าปกันมินโปรดให้สร้างเจดีย์จอกตอจีขึ้นในเมืองอมรปุระโดยจำลองอานันทเจดีย์แห่งเมืองพุกาม อย่างไรก็ตาม ภายในเจดีย์กลับปรากฏจิตรกรรมที่แตกต่างไปจากอานันทเจดีย์อย่างสิ้นเชิง","subject":"อานันทเจดีย์, อมรปุระ, เจดีย์จอกตอจี, พระเจ้าปกันมิน","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/728"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ต้นไม้กระจกประดับสีด้านหลังสิมวัดเชียงทอง","creator":null,"description":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","provenance":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","subject":"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, วัดเชียงทอง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/729"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ลายคำประดับผนังด้านนอกสิมวัดเชียงทอง","creator":null,"description":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายคำและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","provenance":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายคำและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","subject":"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, สิม, วัดเชียงทอง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/730"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เจดีย์จุฬามณี ลายคำประดับผนังด้านในสิมวัดเชียงทอง","creator":null,"description":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายคำและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","provenance":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายคำและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","subject":"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, สิม, วัดเชียงทอง, เจดีย์จุฬามณี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/731"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ทวารบาล ลายคำประดับผนังด้านในสิมวัดเชียงทอง","creator":null,"description":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายคำและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","provenance":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายคำและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","subject":"ทวารบาล, พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, สิม, วัดเชียงทอง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/732"},{"type":"จิตรกรรม","title":"เทวดา ลายคำประดับผนังด้านในสิมวัดเชียงทอง","creator":null,"description":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายคำและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","provenance":"แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายคำและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 25","subject":"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, สิม, วัดเชียงทอง, เจดีย์จุฬามณี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/733"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมวัดป่าฮวก","creator":"","description":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในถบนี้ก็ได้
","provenance":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในถบนี้ก็ได้
","subject":"พระพุทธเจ้า, ศิลปะรัตนโกสินทร์, วัดป่าฮวก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/734"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมวัดป่าฮวก","creator":"","description":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในแถบนี้ก็ได้
","provenance":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในแถบนี้ก็ได้
","subject":"พระพุทธเจ้า, ศิลปะจีน, ศิลปะรัตนโกสินทร์, วัดป่าฮวก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/735"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมวัดป่าฮวก","creator":"","description":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในแถบนี้ก็ได้
","provenance":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในแถบนี้ก็ได้
","subject":"พระพุทธเจ้า, ศิลปะจีน, ศิลปะรัตนโกสินทร์, วัดป่าฮวก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/736"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ทวารบาลแบบจีน สิมวัดล่องคูณ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ทวารบาล, สิม, ศิลปะจีน, ศิลปะรัตนโกสินทร์, วัดล่องคูณ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/737"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมบนหน้าบัน สิมวัดหาดเสี้ยว","creator":null,"description":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในถบนี้ก็ได้","provenance":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในถบนี้ก็ได้","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, ศิลปะรัตนโกสินทร์, วัดหาดเสี้ยว","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/738"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องพระเตมีย์","creator":null,"description":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในถบนี้ก็ได้","provenance":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในถบนี้ก็ได้","subject":"ศิลปะรัตนโกสินทร์, วัดล่องคูณ, วัดหาดเสี้ยว","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/739"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องอิเหนา (?)","creator":null,"description":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในแถบนี้ก็ได้","provenance":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในแถบนี้ก็ได้","subject":"ศิลปะรัตนโกสินทร์, วัดล่องคูณ, วัดหาดเสี้ยว","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/740"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมเรื่องออกมหาภิเนษกรมณ์และมารวิชัย","creator":null,"description":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในถบนี้ก็ได้","provenance":"ศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในถบนี้ก็ได้","subject":"พระพุทธเจ้า, พุทธประวัติ, วัดล่องคูณ, วัดหาดเสี้ยว","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/741"},{"type":"จิตรกรรม","title":"ภาพเขียนเพดาน โบสถ์ซานออกุสติน","creator":null,"description":"โบสถ์ซานออกุสติน เป็นโบสถ์เพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โบสถ์แห่งนี้มีประวัติว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ Legazpi นักอาณานิคมชาวสเปนสถาปนาอินทรามูรอสเป็นเมืองหลวง เดิมโบสถ์สร้างด้วยไม้แต่ถูกไฟไหม้เมื่อเทียนที่จุดบูชาหลุมศพนั้นเกิดอุบัติเหตุ โบสถ์ปัจจุบันสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1599-1606 และยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน\r\n\r\nที่ด้านข้างปรากฏหอระฆังซึ่งเดิมมี 2 หอแต่ปัจจุบันเหลือเพียงหอเดียวเนื่องจากภัยแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 19","provenance":"โบสถ์ซานออกุสติน เป็นโบสถ์เพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โบสถ์แห่งนี้มีประวัติว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ Legazpi นักอาณานิคมชาวสเปนสถาปนาอินทรามูรอสเป็นเมืองหลวง เดิมโบสถ์สร้างด้วยไม้แต่ถูกไฟไหม้เมื่อเทียนที่จุดบูชาหลุมศพนั้นเกิดอุบัติเหตุ โบสถ์ปัจจุบันสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1599-1606 และยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน\r\n\r\nที่ด้านข้างปรากฏหอระฆังซึ่งเดิมมี 2 หอแต่ปัจจุบันเหลือเพียงหอเดียวเนื่องจากภัยแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 19","subject":"โบสถ์ซานออกุสติน","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/742"},{"type":"จิตรกรรม","title":"หน้าต่างประดับกระจกสี โบสถ์ซานเซบาสเตียน","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"โบสถ์ซานเซบาสเตียน","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/743"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนานางลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","provenance":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนานางลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","subject":"พระพุทธรูป, ศิลปะจีน, ปราสาทดงเดือง","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/744"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบันรูปวิษณุอนันตศายินจากปราสาทมิเซิน E","creator":null,"description":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามมรพุทธศตวรรษที่ 12-13","provenance":"ปราสาทมิเซิน กลุ่ม E เป็นปราสาทมิเซินกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มปราสาทมิเซินทั้งหมด โดยอาจตรงกับระยะแรกของการสถาปนาพระภัทเรศวรขั้นเป็นศิวลึงค์ประจำราชอาณาจักรจามมรพุทธศตวรรษที่ 12-13","subject":"พระวิษณุ, มิเซิน, วิษณุอนันตศายิน","spatial":null,"temporal":"มิเซิน E1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/745"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เศียรของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร","creator":null,"description":"ในสมัยหัวล่ายมีความสัมพันธ์กันทั้งทางด้านศาสนาและการเมืองกับอาณาจักรชวา อนึ่ง เนื่องจากชาวจามเองก็พูดภาษาตระกูลเดียวกันกับชวาจึงอาจทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างจามกับชวาอย่างมาก ดังปรากฏในศิลปกรรมจำนวนมาก","provenance":"ในสมัยหัวล่ายมีความสัมพันธ์กันทั้งทางด้านศาสนาและการเมืองกับอาณาจักรชวา อนึ่ง เนื่องจากชาวจามเองก็พูดภาษาตระกูลเดียวกันกับชวาจึงอาจทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างจามกับชวาอย่างมาก ดังปรากฏในศิลปกรรมจำนวนมาก","subject":"อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์, ชวา","spatial":null,"temporal":"หัวล่าย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/746"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุทรงครุฑ","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระวิษณุ","spatial":null,"temporal":"หัวล่าย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/747"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสี่กร","creator":null,"description":"ในสมัยหัวล่ายมีความสัมพันธ์กันทั้งทางด้านศาสนาและการเมืองกับอาณาจักรชวา อนึ่ง เนื่องจากชาวจามเองก็พูดภาษาตระกูลเดียวกันกับชวาจึงอาจทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างจามกับชวาอย่างมาก ดังปรากฏในศิลปกรรมจำนวนมาก","provenance":"ในสมัยหัวล่ายมีความสัมพันธ์กันทั้งทางด้านศาสนาและการเมืองกับอาณาจักรชวา อนึ่ง เนื่องจากชาวจามเองก็พูดภาษาตระกูลเดียวกันกับชวาจึงอาจทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างจามกับชวาอย่างมาก ดังปรากฏในศิลปกรรมจำนวนมาก","subject":"อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์, ชวา","spatial":null,"temporal":"หัวล่าย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/748"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ครอบมุขลึงค์","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"ศิวลึงค์, มุขลึงค์","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/749"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเศียรของพระพุทธรูปจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนางัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","provenance":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนางัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","subject":"พระพุทธรูป, ปราสาทดงเดือง","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/750"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ฐานชุกชีจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนางัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","provenance":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนางัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","subject":"ปราสาทดงเดือง, ฐานชุกชี","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/751"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติ: ฐานชุกชีจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนานางลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","provenance":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนานางลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","subject":"พุทธประวัติ, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ, ปราสาทดงเดือง, ฐานชุกชี","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/752"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติ: ฐานชุกชีจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนางัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","provenance":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนางัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","subject":"พุทธประวัติ, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ, ปราสาทดงเดือง, ฐานชุกชี","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/753"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พญามารจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนางัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","provenance":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนางัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","subject":"ปราสาทดงเดือง, พญามาร","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/754"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทวารบาลจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนาวัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","provenance":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนาวัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","subject":"ทวารบาล, ปราสาทดงเดือง, อินทรวรมัน","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/755"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทวารบาลจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนาวัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","provenance":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนาวัดลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","subject":"ทวารบาล, ปราสาทดงเดือง, อินทรวรมัน","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/756"},{"type":"ประติมากรรม","title":"นางปรัชญาปารมิตาจากปราสาทดงเดือง","creator":null,"description":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนานางลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","provenance":"พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 โปรดให้สถาปนานางลักษมีนทรโลเกศวรขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพุทธศาสนามหายาน ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้แก่ปราสาทดงเดืองซึ่งถือเป็นพุทธสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะจาม","subject":"พระโพธิสัตว์, ปราสาทดงเดือง, พุทธมหายาน, ปรัชญาปารมิตา","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/757"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุทรงครุฑ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระวิษณุ, ครุฑ","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/758"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทวารบาลหน้าตาดุร้าย","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"ทวารบาล, ยักษ์","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/759"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ซุ้มกาลมกร","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"มิเซิน, มกร, กาล, หน้ากาล","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/760"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ฐานรูปนางอัปสรเต้นรำและนักดนตรี","creator":null,"description":"ปราสาทจาเกียว เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่กลางเมืองสิงหปุระ เมืองหลวงสมัยมิเซิน A1 เป็นปราสาทที่อุทิศให้กับพระศิวะแต่พังทลายลงนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ประติมากรรมที่ถูกค้นพบจากปราสาทแห่งนี้ถือว่ามีความหลากหลายมาก ทั้งประติมากรรมรูปคนเต้นรำและและสัตว์ต่างๆที่กำลังเคลื่อนไหว","provenance":"ปราสาทจาเกียว เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่กลางเมืองสิงหปุระ เมืองหลวงสมัยมิเซิน A1 เป็นปราสาทที่อุทิศให้กับพระศิวะแต่พังทลายลงนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ประติมากรรมที่ถูกค้นพบจากปราสาทแห่งนี้ถือว่ามีความหลากหลายมาก ทั้งประติมากรรมรูปคนเต้นรำและและสัตว์ต่างๆที่กำลังเคลื่อนไหว","subject":"มิเซิน, อัปสร","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/761"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระกรรติเกยะประทับบนนกยูง","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"พระศิวะ, พระศิวะ, มิเซิน, มิเซิน, พระกรรติเกยะ, พระกรรติเกยะ, นกยูง, นกยูง","spatial":null,"temporal":"ดงเดือง, มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/762"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบันรูปพระวิษณุ","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"พระวิษณุ, มิเซิน, นาค","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/763"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบันรูปครุฑและนาค","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"พระวิษณุ, มิเซิน, ครุฑ, นาค, หน้าบัน","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/764"},{"type":"ประติมากรรม","title":"สิงห์ยกขาจากปราสาทจาเกียว","creator":null,"description":"ปราสาทจาเกียว เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่กลางเมืองสิงหปุระ เมืองหลวงสมัยมิเซิน A1 เป็นปราสาทที่อุทิศให้กับพระศิวะแต่พังทลายลงนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ประติมากรรมที่ถูกค้นพบจากปราสาทแห่งนี้ถือว่ามีความหลากหลายมาก ทั้งประติมากรรมรูปคนเต้นรำและและสัตว์ต่างๆ ที่กำลังเคลื่อนไหว","provenance":"ปราสาทจาเกียว เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่กลางเมืองสิงหปุระ เมืองหลวงสมัยมิเซิน A1 เป็นปราสาทที่อุทิศให้กับพระศิวะแต่พังทลายลงนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ประติมากรรมที่ถูกค้นพบจากปราสาทแห่งนี้ถือว่ามีความหลากหลายมาก ทั้งประติมากรรมรูปคนเต้นรำและและสัตว์ต่างๆ ที่กำลังเคลื่อนไหว","subject":"พระศิวะ, สิงห์, เทวาลัยพระศิวะ, ปราสาทจาเกียว, วยาล, สิงหปุระ","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/765"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เศียรบุคคลสวมมงกุฎแหลม","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"มิเซิน","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/766"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ส่วนประดับมุมปราสาทรูปบุคคล","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"มิเซิน","spatial":null,"temporal":"มิเซิน A1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/767"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระศิวะ","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระศิวะ","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/768"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบันรูปมหิษาสูรมรรทนีที่ปราสาทโพนคร","creator":null,"description":"ปราสาทโพนคร เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปของพระภควตี ภาคหนึ่งของพระอุมา เป็นเทพีประจำอาณาจักรจามปาภาคใต้ โดยมีประวัติมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 14 ว่า มีการสถาปนาปราสาทถวายแด่เทวรูปพระภควตีมาตั้งแต่สมัยหัวล่าย ต่อมาถูกองทัพขอมข้าทำลายในพุทธศตวรรษที่ 15 ทำให้มีการสร้างปราสาทหลังใหม่ในสมัยบิญดิ่นตอนต้น ซึ่งก็คือปราสาทหลังปัจจุบัน","provenance":"ปราสาทโพนคร เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปของพระภควตี ภาคหนึ่งของพระอุมา เป็นเทพีประจำอาณาจักรจามปาภาคใต้ โดยมีประวัติมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 14 ว่า มีการสถาปนาปราสาทถวายแด่เทวรูปพระภควตีมาตั้งแต่สมัยหัวล่าย ต่อมาถูกองทัพขอมข้าทำลายในพุทธศตวรรษที่ 15 ทำให้มีการสร้างปราสาทหลังใหม่ในสมัยบิญดิ่นตอนต้น ซึ่งก็คือปราสาทหลังปัจจุบัน","subject":"ปราสาทโพนคร, นางทุรคา, มหิษาสูรมรรทนี","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่นตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/769"},{"type":"ประติมากรรม","title":"รูปสัตว์จากปราสาทถาปมาม","creator":null,"description":"ประติมากรรมรูปสัตว์สมัยบิญดิ่น แสดงความเคลื่อนไหวอย่างมากเนื่องด้วยอิทธิพลจากศิลปะจีน ประติมากรรมรูปสัตว์เลห่านี้ค้นพบจำนวนมากจากปราสาทถาปมาม","provenance":"ประติมากรรมรูปสัตว์สมัยบิญดิ่น แสดงความเคลื่อนไหวอย่างมากเนื่องด้วยอิทธิพลจากศิลปะจีน ประติมากรรมรูปสัตว์เลห่านี้ค้นพบจำนวนมากจากปราสาทถาปมาม","subject":"ศิลปะจีน, ประติมากรรมรูปสัตว์, ปราสาทถาปมาม, สิงห์","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/770"},{"type":"ประติมากรรม","title":"รูปสัตว์จากปราสาทถาปมาม","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"บายน, ศิลปะจีน, ประติมากรรมรูปสัตว์, ปราสาทถาปมาม, สิงห์","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/771"},{"type":"ประติมากรรม","title":"รูปสัตว์จากปราสาทถาปมาม","creator":null,"description":"ประติมากรรมรูปสัตว์สมัยบิญดิ่น แสดงความเคลื่อนไหวอย่างมากเนื่องด้วยอิทธิพลจากศิลปะจีน ประติมากรรมรูปสัตว์เหล่านี้ค้นพบจำนวนมากจากปราสาทถาปมาม","provenance":"ประติมากรรมรูปสัตว์สมัยบิญดิ่น แสดงความเคลื่อนไหวอย่างมากเนื่องด้วยอิทธิพลจากศิลปะจีน ประติมากรรมรูปสัตว์เหล่านี้ค้นพบจำนวนมากจากปราสาทถาปมาม","subject":"ศิลปะจีน, ประติมากรรมรูปสัตว์, ปราสาทถาปมาม, สิงห์","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/772"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ศิวนาฏราชบนหน้าบันของปราสาทโพกลวงการาย","creator":null,"description":"ปราสาทโพกลวงการายสร้างขึ้นในระยะที่อาณาจักรจามได้เสื่อมถอยลงเนื่องด้วยการโจมตีของพวกเวียดนาม จนศูนย์กลางย้ายไปอยู่แถวปาณฑุรังคะอีกครั้งหนึ่ง ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะสมัยหลังที่อุทิศให้กับพระศิวะและถือเป็นปราสาทที่งดงามที่สุดในศิลปะสมัยหลังด้วย","provenance":"ปราสาทโพกลวงการายสร้างขึ้นในระยะที่อาณาจักรจามได้เสื่อมถอยลงเนื่องด้วยการโจมตีของพวกเวียดนาม จนศูนย์กลางย้ายไปอยู่แถวปาณฑุรังคะอีกครั้งหนึ่ง ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะสมัยหลังที่อุทิศให้กับพระศิวะและถือเป็นปราสาทที่งดงามที่สุดในศิลปะสมัยหลังด้วย","subject":"พระศิวะ, จามปา, ศิวนาฏราช, ปาณฑุรังคะ, ปราสาทโพกลวงการาย","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/773"},{"type":"ประติมากรรม","title":"มุขลึงค์ประธานในปราสาทโพกลวงการาย","creator":"","description":"ปราสาทโพกลวงการายสร้างขึ้นในระยะที่อาณาจักรจามได้เสื่อมถอยลงเนื่องด้วยการโจมตีของพวกเวียดนาม จนศูนย์กลางย้ายไปอยู่แถงปาณฑุรังคะอีกครั้งหนึ่ง ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะสมัยหลังที่อุทิศให้กับพระศิวะและถือเป็นปราสาทที่งดงามที่สุดในศิลปะสมัยหลังด้วย
","provenance":"ปราสาทโพกลวงการายสร้างขึ้นในระยะที่อาณาจักรจามได้เสื่อมถอยลงเนื่องด้วยการโจมตีของพวกเวียดนาม จนศูนย์กลางย้ายไปอยู่แถงปาณฑุรังคะอีกครั้งหนึ่ง ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะสมัยหลังที่อุทิศให้กับพระศิวะและถือเป็นปราสาทที่งดงามที่สุดในศิลปะสมัยหลังด้วย
","subject":"พระศิวะ, ศิวลึงค์, จาม, จามปา, ปราสาทโพกลวงการาย, มุขลึงค์","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/774"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ประติมากรรมประธานในปราสาทโพโรเม","creator":"","description":"ปราสาทโพเม เป็นปราสาทในศิลปะจามหลังสุดท้ายที่สร้างขึ้นตามแบบประเพณี ก่อนที่ต่อมาจามจะสร้างวัดตามแบบเวียดนาม ที่ปราสาทโพโรเมเป็นที่ประดิษฐานประติมากรรมในศิลปะสมัยหลังจำนวนมาก รวมถึงประติมากรรมรูปพระศิวะครึ่งพระองค์ซึ่งเรียกว่า “กษัตริย์โพโรเม” อันเป็นชื่อของกษัตริย์พระองค์หนึ่งในตำนานอีกด้วย
","provenance":"ปราสาทโพเม เป็นปราสาทในศิลปะจามหลังสุดท้ายที่สร้างขึ้นตามแบบประเพณี ก่อนที่ต่อมาจามจะสร้างวัดตามแบบเวียดนาม ที่ปราสาทโพโรเมเป็นที่ประดิษฐานประติมากรรมในศิลปะสมัยหลังจำนวนมาก รวมถึงประติมากรรมรูปพระศิวะครึ่งพระองค์ซึ่งเรียกว่า “กษัตริย์โพโรเม” อันเป็นชื่อของกษัตริย์พระองค์หนึ่งในตำนานอีกด้วย
","subject":"พระศิวะ, จาม, จามปา, ปราสาทโพโรเม","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/775"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ประติมากรรมสมัยหลัง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระศิวะ","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/776"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ประติมากรรมสมัยหลัง","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"ฤๅษี","spatial":null,"temporal":"สมัยหลัง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/777"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ประติมากรรมบุคคลทรงมงกุฎ","creator":"","description":"-
","provenance":"-
","subject":"จาม, จามปา","spatial":null,"temporal":"มิเซิน E1","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/778"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อากาศครรภ์","creator":"","description":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ
","provenance":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ
","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทิปะวน, บุโรพุทโธ, จันทิเมนดุต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/779"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพสลักนิทานปัญจตันตระเรื่อง “นกกระสากับปู”","creator":"","description":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ
","provenance":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ
","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทิปะวน, บุโรพุทโธ, จันทิเมนดุต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/780"},{"type":"ประติมากรรม","title":"นางหาริตี","creator":"","description":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ
","provenance":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ
","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, จันทิปะวน, บุโรพุทโธ, จันทิเมนดุต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/781"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประธานของจันทิเมนดุต","creator":null,"description":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ","provenance":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ, จันทิเมนดุต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/782"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรภายในจันทิเมนดุต","creator":null,"description":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ","provenance":"จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ","subject":"จันทิ, ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ, จันทิเมนดุต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/783"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ต้นกัลปพฤกษ์ที่จันทิปะวน","creator":"","description":"จันทิปะวน ตั้งอยู่ใกล้บุโรพุทโธ สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายานโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน
","provenance":"จันทิปะวน ตั้งอยู่ใกล้บุโรพุทโธ สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายานโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน
","subject":"จันทิ, จันทิปะวน, ต้นกัลปพฤกษ์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/784"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธเจ้าเสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชรา","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมื ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมื ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","subject":"พระพุทธเจ้า, บุโรพุทโธ, เม่น้ำเนรัญชรา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/785"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธเจ้าทรงชนะมาร","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมิ ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมิ ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","subject":"พระพุทธเจ้า, ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/786"},{"type":"ประติมากรรม","title":"การอภิเษกพระพุทธเจ้าภายหลังการปฐมเทศนา","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมื ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมื ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","subject":"พระพุทธเจ้า, ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/787"},{"type":"ประติมากรรม","title":"มหากปิชาดก","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน\r\n\r\nบุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมื ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน\r\n\r\nบุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมื ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","subject":"ชาดก, ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/788"},{"type":"ประติมากรรม","title":"กัจฉปาวทาน","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมื ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมื ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","subject":"ชาดก, ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/789"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องตามคัณฑวยุหสูตร","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมิ ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมิ ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","subject":"ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/790"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องรามายณะที่จันทิปรัมบะนัน","creator":null,"description":"จันทิปรัมบะนัน หรือจันทิโลโลจงกรัง เป็นจันทิในศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย สร้างขึ้นในราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูในราวพุทธศตวรรษที่ 15","provenance":"จันทิปรัมบะนัน หรือจันทิโลโลจงกรัง เป็นจันทิในศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย สร้างขึ้นในราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูในราวพุทธศตวรรษที่ 15","subject":"จันทิ, จันทิปรัมบะนัน, ภาพเล่าเรื่องรามายณะ, รามายณะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/791"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องพระกฤษณะที่จันทิปรัมบะนัน","creator":null,"description":"จันทิปรัมบะนัน หรือจันทิโลโลจงกรัง เป็นจันทิในศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย สร้างขึ้นในราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูในราวพุทธศตวรรษที่ 15","provenance":"จันทิปรัมบะนัน หรือจันทิโลโลจงกรัง เป็นจันทิในศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย สร้างขึ้นในราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูในราวพุทธศตวรรษที่ 15","subject":null,"spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/792"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระธยานิพุทธรัตนสัมภวะ","creator":null,"description":"พระธยานิพุทธที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจาการ์ตา เป็นพระพุทธรูปที่นำมาจากบุโรพุทโธซึ่งถือว่าเป็นวัชรธาตุมณฑล อันเป็นมณฑลที่ประดิษฐานพระธยานิพุทธทั้งห้า","provenance":"พระธยานิพุทธที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจาการ์ตา เป็นพระพุทธรูปที่นำมาจากบุโรพุทโธซึ่งถือว่าเป็นวัชรธาตุมณฑล อันเป็นมณฑลที่ประดิษฐานพระธยานิพุทธทั้งห้า","subject":"พระพุทธเจ้า, บุโรพุทโธ, พระพุทธเจ้าปางประทาน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/793"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระธยานิพุทธ อมิตาภะ","creator":null,"description":"พระธยานิพุทธที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจาการ์ตา เป็นพระพุทธรูปที่นำมาจากบุโรพุทโธซึ่งถือว่าเป็นวัชรธาตุมณฑล อันเป็นมณฑลที่ประดิษฐานพระธยานิพุทธทั้งห้า","provenance":"พระธยานิพุทธที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจาการ์ตา เป็นพระพุทธรูปที่นำมาจากบุโรพุทโธซึ่งถือว่าเป็นวัชรธาตุมณฑล อันเป็นมณฑลที่ประดิษฐานพระธยานิพุทธทั้งห้า","subject":"พระพุทธเจ้า, ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/794"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระวิษณุ, จันทิ, จันทิบานน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/795"},{"type":null,"title":"พระพุทธรูป","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระพุทธเจ้า","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/796"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระอคัสตยะ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระอคัสตยะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/797"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระมหิษาสูรมรรทนี","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"นางทุรคา, เทพเจ้าหญิง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/798"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพรหม","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระพรหม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/799"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระศิวะ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระศิวะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/800"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ท้าวกุเวรสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/801"},{"type":"ประติมากรรม","title":"นางจุนทาสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/802"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"อวโลกิเตศวร, ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/803"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปนั่่งห้อยพระบาทสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":null,"spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/804"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระอมิตาภะสำริด (?)","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/805"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระมหาการุณิกะสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"อวโลกิเตศวร, ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/806"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประทับยืนสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/807"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรประทับยืนสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"อวโลกิเตศวร, ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/808"},{"type":"ประติมากรรม","title":"นางตาราสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์, ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/809"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภฤกุฎี","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"อวโลกิเตศวร, จันทิ, จันทิจาโก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/810"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระมัญชุศรี","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระโพธิสัตว์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/811"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรพร้อมด้วยบริวาร","creator":"","description":"-
","provenance":"-
","subject":"พระโพธิสัตว์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/812"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระหริหระ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระวิษณุ, พระศิวะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/813"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุทรงครุฑจากสระน้ำเบลาหัน","creator":null,"description":"สระน้ำเบลาหัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาเปนังกุหงันซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในสมัยชวาภาคตะวันออก สระน้ำนี้เชื่อว่าเป็นที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าไอร์ลังคะ (Ailangga) การสร้างสระน้ำเพื่อฝังพระอัฐิถือเป็นลักษณะพิเศษในสมัยชวาภาคตะวันออกโดยพระราชบิดาของพระเจ้าไอร์ลังคะก็สร้างสระน้ำเพื่อฝังพระอัฐิเช่นกัน สระน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รับน้ำมาจากลำธารเล็กๆ ผนังสระตัดเข้าไปในภูเขาแล้วก่อเขื่อนด้วยอิฐ แล้วกำหนดให้น้ำจากลำธารนั้นไหลผ่านประติมากรรมที่อยู่ในซุ้มจระนำที่เขื่อนอิฐดังกล่าว เขื่อนอิฐมีซุ้มจระนำ 3 ซุ้ม ซุ้มกลางประดิษฐานพระวิษณุทรงครุฑ (ซึ่งปัจจุบันถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์โตรวุลันแล้ว) อีกสองซุ้มปรากฏประติมากรรมพระลักษมีและพระศรี ทั้งสององค์เป็นชายาพระวิษณุ เป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี","provenance":"สระน้ำเบลาหัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาเปนังกุหงันซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในสมัยชวาภาคตะวันออก สระน้ำนี้เชื่อว่าเป็นที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าไอร์ลังคะ (Ailangga) การสร้างสระน้ำเพื่อฝังพระอัฐิถือเป็นลักษณะพิเศษในสมัยชวาภาคตะวันออกโดยพระราชบิดาของพระเจ้าไอร์ลังคะก็สร้างสระน้ำเพื่อฝังพระอัฐิเช่นกัน สระน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รับน้ำมาจากลำธารเล็กๆ ผนังสระตัดเข้าไปในภูเขาแล้วก่อเขื่อนด้วยอิฐ แล้วกำหนดให้น้ำจากลำธารนั้นไหลผ่านประติมากรรมที่อยู่ในซุ้มจระนำที่เขื่อนอิฐดังกล่าว เขื่อนอิฐมีซุ้มจระนำ 3 ซุ้ม ซุ้มกลางประดิษฐานพระวิษณุทรงครุฑ (ซึ่งปัจจุบันถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์โตรวุลันแล้ว) อีกสองซุ้มปรากฏประติมากรรมพระลักษมีและพระศรี ทั้งสององค์เป็นชายาพระวิษณุ เป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี","subject":"พระวิษณุ, พระเจ้าไอร์ลังคะ, ครุฑ, เบลาหัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/814"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระลักษมีที่สระน้ำเบลาหัน","creator":null,"description":"สระน้ำเบลาหัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาเปนังกุหงันซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในสมัยชวาภาคตะวันออก สระน้ำนี้เชื่อว่าเป็นที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าไอร์ลังคะ (Ailangga) การสร้างสระน้ำเพื่อฝังพระอัฐิถือเป็นลักษณะพิเศษในสมัยชวาภาคตะวันออกโดยพระราชบิดาของพระเจ้าไอร์ลังคะก็สร้างสระน้ำเพื่อฝังพระอัฐิเช่นกันสระน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รับน้ำมาจากลำธารเล็กๆ ผนังสระตัดเข้าไปในภูเขาแล้วก่อเขื่อนด้วยอิฐ แล้วกำหนดให้น้ำจากลำธารนั้นไหลผ่านประติมากรรมที่อยู่ในซุ้มจระนำที่เขื่อนอิฐดังกล่าว เขื่อนอิฐมีซุ้มจระนำ 3 ซุ้ม ซุ้มกลางประดิษฐานพระวิษณุทรงครุฑ (ซึ่งปัจจุบันถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์โตรวุลันแล้ว) อีกสองซุ้มปรากฏประติมากรรมพระลักษมีและพระศรี ทั้งสององค์เป็นชายาพระวิษณุ เป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี","provenance":"สระน้ำเบลาหัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาเปนังกุหงันซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในสมัยชวาภาคตะวันออก สระน้ำนี้เชื่อว่าเป็นที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าไอร์ลังคะ (Ailangga) การสร้างสระน้ำเพื่อฝังพระอัฐิถือเป็นลักษณะพิเศษในสมัยชวาภาคตะวันออกโดยพระราชบิดาของพระเจ้าไอร์ลังคะก็สร้างสระน้ำเพื่อฝังพระอัฐิเช่นกันสระน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รับน้ำมาจากลำธารเล็กๆ ผนังสระตัดเข้าไปในภูเขาแล้วก่อเขื่อนด้วยอิฐ แล้วกำหนดให้น้ำจากลำธารนั้นไหลผ่านประติมากรรมที่อยู่ในซุ้มจระนำที่เขื่อนอิฐดังกล่าว เขื่อนอิฐมีซุ้มจระนำ 3 ซุ้ม ซุ้มกลางประดิษฐานพระวิษณุทรงครุฑ (ซึ่งปัจจุบันถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์โตรวุลันแล้ว) อีกสองซุ้มปรากฏประติมากรรมพระลักษมีและพระศรี ทั้งสององค์เป็นชายาพระวิษณุ เป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี","subject":"พระเจ้าไอร์ลังคะ, เบลาหัน, พระลักษมี, เขาเปนังกุหงัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/815"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ครุฑตกเป็นทาสของนาค","creator":"","description":"จันทิกิดาล เป็นสถานที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าอนุษบดีแห่งราชวงศ์สิงหาส่าหรี พระเจ้าอนุษบดีสวรรคตใน พ.ศ.1791 เนื่องจากการสวรรคตกับพิธีศราทธ์ที่อุทิศเทวาลัยน้ำต้องห่างกัน 12 ปีเสมอ เทวาลัยหลังนี้จึงควรสร้างเสร็จใน พ.ศ. 1803
จันทิแห่งนี้มีภาพเล่าเรื่องพญาครุฑขโมยน้ำอมฤตเพื่อมาช่วยพระมารดา น้ำอมฤตเป็นน้ำแห่งความเป็นอมตะ ด้วยเหตุนี้ จึงสัมพันธ์กับคติเทวาราชา คือช่วยให้ผู้ตายได้รับชีวิตอมตะ
","provenance":"จันทิกิดาล เป็นสถานที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าอนุษบดีแห่งราชวงศ์สิงหาส่าหรี พระเจ้าอนุษบดีสวรรคตใน พ.ศ.1791 เนื่องจากการสวรรคตกับพิธีศราทธ์ที่อุทิศเทวาลัยน้ำต้องห่างกัน 12 ปีเสมอ เทวาลัยหลังนี้จึงควรสร้างเสร็จใน พ.ศ. 1803
จันทิแห่งนี้มีภาพเล่าเรื่องพญาครุฑขโมยน้ำอมฤตเพื่อมาช่วยพระมารดา น้ำอมฤตเป็นน้ำแห่งความเป็นอมตะ ด้วยเหตุนี้ จึงสัมพันธ์กับคติเทวาราชา คือช่วยให้ผู้ตายได้รับชีวิตอมตะ
","subject":"พระวิษณุ, จันทิ, จันทิกิดาล, ราชวงศ์สิงหาส่าหรี, ครุฑ, นาค, พระเจ้าอนุษบดี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/816"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ครุฑกำลังนำน้ำอมฤต","creator":"","description":"จันทิกิดาล เป็นสถานที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าอนุษบดีแห่งราชวงศ์สิงหาส่าหรี พระเจ้าอนุษบดีสวรรคตใน พ.ศ.1791 เนื่องจากการสวรรคตกับพิธีศราทธ์ที่อุทิศเทวาลัยน้ำต้องห่างกัน 12 ปีเสมอ เทวาลัยหลังนี้จึงควรสร้างเสร็จใน พ.ศ. 1803 จันทิแห่งนี้มีภาพเล่าเรื่องพญาครุฑขโมยน้ำอมฤตเพื่อมาช่วยพระมารดา น้ำอมฤตเป็นน้ำแห่งความเป็นอมตะ ด้วยเหตุนี้ จึงสัมพันธ์กับคติเทวาราชา คือช่วยให้ผู้ตายได้รับชีวิตอมตะ
","provenance":"จันทิกิดาล เป็นสถานที่ฝังพระอัฐิของพระเจ้าอนุษบดีแห่งราชวงศ์สิงหาส่าหรี พระเจ้าอนุษบดีสวรรคตใน พ.ศ.1791 เนื่องจากการสวรรคตกับพิธีศราทธ์ที่อุทิศเทวาลัยน้ำต้องห่างกัน 12 ปีเสมอ เทวาลัยหลังนี้จึงควรสร้างเสร็จใน พ.ศ. 1803 จันทิแห่งนี้มีภาพเล่าเรื่องพญาครุฑขโมยน้ำอมฤตเพื่อมาช่วยพระมารดา น้ำอมฤตเป็นน้ำแห่งความเป็นอมตะ ด้วยเหตุนี้ จึงสัมพันธ์กับคติเทวาราชา คือช่วยให้ผู้ตายได้รับชีวิตอมตะ
","subject":"จันทิ, จันทิกิดาล, ราชวงศ์สิงหาส่าหรี, พระเจ้าอนุษบดี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/817"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่อง “ปาณฑพเล่นสกากับเการพ”","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"มหาภารตะ, ปาณฑพ, เการพ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/818"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่อง “เปลื้องผ้านางเทราปตี”","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"จันทิ, จันทิจาโก, มหาภารตะ, ปาณฑพ, เทราปตี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/819"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่อง “อรชุนบำเพ็ญตบะ”","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"จันทิ, จันทิจาโก, มหาภารตะ, ปาณฑพ, อรชุน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/820"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้ากาลแบบชวาภาคตะวันออก","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"จันทิ, จันทิจาโก, กาล","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/821"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระโพธิสัตว์อโมฆบาศ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"อวโลกิเตศวร, พระโพธิสัตว์, จันทิ, จันทิจาโก","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/822"},{"type":"ประติมากรรม","title":"รามายณะตอนจองถนน","creator":null,"description":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","provenance":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","subject":"จันทิ, จันทิ, จันทิปะนะตะรัน, จันทิปะนะตะรัน, ราชวงศ์มัชฌปาหิต, ราชวงศ์มัชฌปาหิต, รามายณะ, รามายณะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก, ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์มัชฌปาหิต","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/823"},{"type":"ประติมากรรม","title":"รามายณะตอนพระราม พระลักษมณีและกองทัพลิง","creator":null,"description":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","provenance":"จันทิปะนะตะรัน ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต","subject":"จันทิ, จันทิ, จันทิปะนะตะรัน, จันทิปะนะตะรัน, ราชวงศ์มัชฌปาหิต, ราชวงศ์มัชฌปาหิต, ภาพเล่าเรื่องรามายณะ, ภาพเล่าเรื่องรามายณะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคตะวันออก, ศิลปะชวาภาคตะวันออก ราชวงศ์มัชฌปาหิต","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/824"},{"type":"ประติมากรรม","title":"แม่มดรังดา","creator":null,"description":"ปุระดาเล็ม (Pura Dalem) คือวัดที่สร้างขึ้นอุทิศให้กับคนตาย เป็นหนึ่งในสามปุระของหมู่บ้าน โดยปุระอื่นๆได้แก่ ปุระเทศะ(Pura Desa) หรือวัดประจำหมู่บ้าน และ “ปุระปูเซห์” (Pura Puseh) หรือวัดที่อุทิศให้กับบรรพบุรุษผู้ดูแลหมู่บ้านปุระดาเล็มมักตั้งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน เป็นทิศที่ไปทางทะเลอันเป็นอัปมงคล แตกต่างไปจากปุระเทศะซึ่งมักตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน และปุระปูเซห์ อันตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้านซึ่งเป็นทิศมงคลนอกจากนี้ ปุระดาเล็มมักตั้งอยู่ภายในป่าชุมชน อันเป็นป่าที่อุทิศให้กับคนตาย ป่านี้เป็นที่อยู่ของลิงซึ่งมักเรียกกันในสมัยปัจจุบันว่า ป่าลิง (Monkey Forest) ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงที่สุดได้แก่ปุระดาเล็มแห่งเมืองอุบุด (Ubud)","provenance":"ปุระดาเล็ม (Pura Dalem) คือวัดที่สร้างขึ้นอุทิศให้กับคนตาย เป็นหนึ่งในสามปุระของหมู่บ้าน โดยปุระอื่นๆได้แก่ ปุระเทศะ(Pura Desa) หรือวัดประจำหมู่บ้าน และ “ปุระปูเซห์” (Pura Puseh) หรือวัดที่อุทิศให้กับบรรพบุรุษผู้ดูแลหมู่บ้านปุระดาเล็มมักตั้งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน เป็นทิศที่ไปทางทะเลอันเป็นอัปมงคล แตกต่างไปจากปุระเทศะซึ่งมักตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน และปุระปูเซห์ อันตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้านซึ่งเป็นทิศมงคลนอกจากนี้ ปุระดาเล็มมักตั้งอยู่ภายในป่าชุมชน อันเป็นป่าที่อุทิศให้กับคนตาย ป่านี้เป็นที่อยู่ของลิงซึ่งมักเรียกกันในสมัยปัจจุบันว่า ป่าลิง (Monkey Forest) ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงที่สุดได้แก่ปุระดาเล็มแห่งเมืองอุบุด (Ubud)","subject":"ปุระดาเล็ม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/825"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ชาวบาหลีขี่จักรยาน","creator":null,"description":"ในบาหลีภาคเหนือเคยเป็นที่ตั้งของแคว้นสิงคราชา (Singaraja) ซึ่งปรากฏสกุลช่างทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างไปจากศิลปะบาหลีโดยปกติอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างปุระในสกุลช่างสิงคราชา คือ ปุระมุดุเวการาง (Pura Muduwe Karang)","provenance":"ในบาหลีภาคเหนือเคยเป็นที่ตั้งของแคว้นสิงคราชา (Singaraja) ซึ่งปรากฏสกุลช่างทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างไปจากศิลปะบาหลีโดยปกติอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างปุระในสกุลช่างสิงคราชา คือ ปุระมุดุเวการาง (Pura Muduwe Karang)","subject":"ปุระมุดุเวการาง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาหลี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/826"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง","creator":null,"description":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","provenance":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","subject":"ทวารบาล, ฮินดู, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, ยัชวราหะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/827"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"ทับหลัง, ฮินดู, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, หน้ากาล, ยัชวราหะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/828"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง","creator":null,"description":"ประตูพระราชวังหลวง สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าสู ริยวรมันที่ 1 ผู้สร้างปราสาทพิมานอากาศ ซึ่งประตูพระราชวังดังกล่าวนี้สร้างขึ้นเพื่อล้อมรอบพระราชวังและปราสาทพิมานอากาศ การสร้างกำแพงวังที่ทำจากหินนั้น เป็นแนวความคิดใหม่ที่เพื่อจะแก้ไขข้อบกพร่องของการทำรั้วด้วยไม้ ซึ่งง่ายต่อการถูกโจมตี","provenance":"ประตูพระราชวังหลวง สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าสู ริยวรมันที่ 1 ผู้สร้างปราสาทพิมานอากาศ ซึ่งประตูพระราชวังดังกล่าวนี้สร้างขึ้นเพื่อล้อมรอบพระราชวังและปราสาทพิมานอากาศ การสร้างกำแพงวังที่ทำจากหินนั้น เป็นแนวความคิดใหม่ที่เพื่อจะแก้ไขข้อบกพร่องของการทำรั้วด้วยไม้ ซึ่งง่ายต่อการถูกโจมตี","subject":"ทับหลัง, บาปวน, ฮินดู, พระราชวังหลวง, คลัง, สูริยวรมันที่ 1","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาปวน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/829"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง","creator":null,"description":"ทับหลังติดอยู่กับตัวปราสาทที่เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 โดยสร้างหลังจากที่พระองค์ได้ย้ายเมืองหลวงจากบนเขาพนมกุเลนลงมาบนพื้นราบที่เรียกว่า เมืองหริหราลัย\r\nทับหลัง เป็นชิ้นส่วนของสถาปัตยกรรมที่พบในศิลปะเขมร โดยจะติดตั้งอยู่บนกรอบประตูทางเข้าเสมอ","provenance":"ทับหลังติดอยู่กับตัวปราสาทที่เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 โดยสร้างหลังจากที่พระองค์ได้ย้ายเมืองหลวงจากบนเขาพนมกุเลนลงมาบนพื้นราบที่เรียกว่า เมืองหริหราลัย\r\nทับหลัง เป็นชิ้นส่วนของสถาปัตยกรรมที่พบในศิลปะเขมร โดยจะติดตั้งอยู่บนกรอบประตูทางเข้าเสมอ","subject":"ทับหลัง, กุเลน, ชัยวรมันที่ 2, ชวา, ฮินดู, หริหราลัย","spatial":null,"temporal":"ศิลปะกุเลน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/830"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุ","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระวิษณุ, กุเลน, จักร, สังข์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะกุเลน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/831"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทวารบาล","creator":null,"description":"ปราสาทพระโค ตามประวัติสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอินทรวรมัน โดยเป็นปราสาทที่สร้างอยู่บนพื้นราบตามคติเทวราชา โดยเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายบรรพบุรุษและบรรพสตรี","provenance":"ปราสาทพระโค ตามประวัติสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอินทรวรมัน โดยเป็นปราสาทที่สร้างอยู่บนพื้นราบตามคติเทวราชา โดยเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายบรรพบุรุษและบรรพสตรี","subject":"ทวารบาล, ฮินดู, พระโค, อินทรวรมัน, เทวราชา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/832"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ลายประดับ รูปหน้ากาลคายท่อนพวงมาลัย","creator":null,"description":"ปราสาทพระโค ตามประวัติสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอินทรวรมัน โดยเป็นปราสาทที่สร้างอยู่บนพื้นราบตามคติเทวราชา โดยเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายบรรพบุรุษและบรรพสตรี","provenance":"ปราสาทพระโค ตามประวัติสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอินทรวรมัน โดยเป็นปราสาทที่สร้างอยู่บนพื้นราบตามคติเทวราชา โดยเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายบรรพบุรุษและบรรพสตรี","subject":"ฮินดู, พระโค, หน้ากาล","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/833"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง","creator":null,"description":"ปราสาทพระโค ตามประวัติสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอินทรวรมัน โดยเป็นปราสาทที่สร้างอยู่บนพื้นราบตามคติเทวราชา โดยเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายบรรพบุรุษและบรรพสตรี","provenance":"ปราสาทพระโค ตามประวัติสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอินทรวรมัน โดยเป็นปราสาทที่สร้างอยู่บนพื้นราบตามคติเทวราชา โดยเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายบรรพบุรุษและบรรพสตรี","subject":"ทับหลัง, เกาะแกร์, กุเลน, พระโค, อินทรวรมัน, เทวราชา, แปรรูป, กาล","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/834"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พญานาค","creator":null,"description":"ปราสาทบากอง ตามประวัติสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอินทรวรมัน โดยเป็นปราสาทที่สร้างอยู่บนฐานเป็นชั้นตามคติเทวราชา โดยเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่เทพเจ้า","provenance":"ปราสาทบากอง ตามประวัติสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอินทรวรมัน โดยเป็นปราสาทที่สร้างอยู่บนฐานเป็นชั้นตามคติเทวราชา โดยเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่เทพเจ้า","subject":"ฮินดู, พระโค, บากอง, อินทรวรมัน, เทวราชา, นาค","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/835"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุ ภายในปราสาทกระวาน","creator":null,"description":"ปราสาทกระวานนี้พบจารึกที่กรอบประตูกล่าวว่าสร้างโดยขุนนางที่ชื่อว่า มหิธรวรมัน โดยมีกลุ่มปราสาทประธาน 5 องค์ ของปราสาทกระวาน เรียงตัวกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ","provenance":"ปราสาทกระวานนี้พบจารึกที่กรอบประตูกล่าวว่าสร้างโดยขุนนางที่ชื่อว่า มหิธรวรมัน โดยมีกลุ่มปราสาทประธาน 5 องค์ ของปราสาทกระวาน เรียงตัวกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ","subject":"พระวิษณุ, เกาะแกร์, ฮินดู, กระวาน, มหิธรวรมัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะเกาะแกร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/836"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุตรีวิกรม ภายในปราสาทกระวาน","creator":null,"description":"ปราสาทกระวานนี้พบจารึกที่กรอบประตูกล่าวว่าสร้างโดยขุนนางที่ชื่อว่า มหิธรวรมัน โดยมีกลุ่มปราสาทประธาน 5 องค์ ของปราสาทกระวาน เรียงตัวกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ","provenance":"ปราสาทกระวานนี้พบจารึกที่กรอบประตูกล่าวว่าสร้างโดยขุนนางที่ชื่อว่า มหิธรวรมัน โดยมีกลุ่มปราสาทประธาน 5 องค์ ของปราสาทกระวาน เรียงตัวกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ","subject":"พระวิษณุ, เกาะแกร์, ฮินดู, กระวาน, มหิธรวรมัน, ตรีวิกรม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะเกาะแกร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/837"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระวิษณุทรงครุฑ ภายในปราสาทกระวาน","creator":null,"description":"ปราสาทกระวานนี้พบจารึกที่กรอบประตูกล่าวว่าสร้างโดยขุนนางที่ชื่อว่า มหิธรวรมัน โดยมีกลุ่มปราสาทประธาน 5 องค์ ของปราสาทกระวาน เรียงตัวกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ","provenance":"ปราสาทกระวานนี้พบจารึกที่กรอบประตูกล่าวว่าสร้างโดยขุนนางที่ชื่อว่า มหิธรวรมัน โดยมีกลุ่มปราสาทประธาน 5 องค์ ของปราสาทกระวาน เรียงตัวกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ","subject":"พระวิษณุ, เกาะแกร์, ฮินดู, ครุฑ, กระวาน, มหิธรวรมัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะเกาะแกร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/838"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระลักษมี ภายในปราสาทกระวาน","creator":null,"description":"ปราสาทกระวานนี้พบจารึกที่กรอบประตูกล่าวว่าสร้างโดยขุนนางที่ชื่อว่า มหิธรวรมัน โดยมีกลุ่มปราสาทประธาน 5 องค์ ของปราสาทกระวาน เรียงตัวกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ","provenance":"ปราสาทกระวานนี้พบจารึกที่กรอบประตูกล่าวว่าสร้างโดยขุนนางที่ชื่อว่า มหิธรวรมัน โดยมีกลุ่มปราสาทประธาน 5 องค์ ของปราสาทกระวาน เรียงตัวกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ","subject":"พระวิษณุ, เกาะแกร์, ฮินดู, พระลักษมี, กระวาน, มหิธรวรมัน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะเกาะแกร์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/839"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทวารบาล","creator":null,"description":"ปราสาทโลเลยสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่บรรพบุรุษและบรรพสตรี โดยตัวปราสาทสร้างอยู่บนบารายอินทรตฑาคะ","provenance":"ปราสาทโลเลยสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่บรรพบุรุษและบรรพสตรี โดยตัวปราสาทสร้างอยู่บนบารายอินทรตฑาคะ","subject":"ทวารบาล, ฮินดู, พระโค, ยโศวรมัน, บาแค็ง, เทวราชา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค – ศิลปะบาแค็ง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/840"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทวารบาล","creator":null,"description":"ปราสาทโลเลยสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่บรรพบุรุษและบรรพสตรี โดยตัวปราสาทสร้างอยู่บนบารายอินทรตฑาคะ","provenance":"ปราสาทโลเลยสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่บรรพบุรุษและบรรพสตรี โดยตัวปราสาทสร้างอยู่บนบารายอินทรตฑาคะ","subject":"ทวารบาล, ฮินดู, พระโค, ยโศวรมัน, บาแค็ง, เทวราชา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะพระโค – ศิลปะบาแค็ง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/841"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบัน สลักภาพเล่าเรื่องนรสิงห์","creator":null,"description":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","provenance":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","subject":"พระวิษณุ, ชัยวรมันที่ 5, หน้าบัน, ยัชวราหะ, นรสิงห์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/842"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบัน สลักภาพอุมามเหศวร","creator":null,"description":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","provenance":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","subject":"พระศิวะ, ฮินดู, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, หน้าบัน, ยัชวราหะ, พระอุมา, อุมามเหศวร","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/843"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบัน สลักภาพคชลักษมี","creator":null,"description":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","provenance":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","subject":"คชลักษมี, ฮินดู, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, หน้าบัน, พระลักษมี, ยัชวราหะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/844"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทวารบาล","creator":null,"description":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","provenance":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","subject":"ทวารบาล, ฮินดู, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, ยัชวราหะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/845"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง สลักภาพเล่าเรื่องพระกฤษณะปราบพระยากงส์ ","creator":null,"description":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์\r\nทับหลัง เป็นชิ้นส่วนของสถาปัตยกรรมที่พบในศิลปะเขมร โดยจะติดตั้งอยู่บนกรอบประตูทางเข้าเสมอ","provenance":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์\r\nทับหลัง เป็นชิ้นส่วนของสถาปัตยกรรมที่พบในศิลปะเขมร โดยจะติดตั้งอยู่บนกรอบประตูทางเข้าเสมอ","subject":"พระวิษณุ, ทับหลัง, ฮินดู, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, ยัชวราหะ, พระกฤษณะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/846"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบัน สลักภาพเล่าเรื่องตอนกฤษณะปราบพระยากงส์","creator":null,"description":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","provenance":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","subject":"พระวิษณุ, ฮินดู, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, หน้าบัน, ยัชวราหะ, พระกฤษณะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/847"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบัน สลักภาพเล่าเรื่องตอนกามเทพแผลงศร","creator":null,"description":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","provenance":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","subject":"พระศิวะ, ฮินดู, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, หน้าบัน, ยัชวราหะ, พระอุมา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/848"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบัน สลักภาพเล่าเรื่องมหาภารตะ","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"ฮินดู, บันทายสรี, หน้าบัน, มหาภารตะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/849"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"ทับหลัง, สมโบร์ไพรกุก, ไพรกเมง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะไพรกเมง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/850"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลังสลักภาพอุมามเหศวร","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระศิวะ, ทับหลัง, บาปวน, ฮินดู, พระอุมา, อุมามเหศวร","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบาปวน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/851"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบันสลักภาพเล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน โมกขศักดิ์","creator":null,"description":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระ","provenance":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระ","subject":"ทับหลัง, นครวัด, ฮินดู, สูริยวรมันที่ 2, รามายณะ, พระราม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/852"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลังสลักภาพเล่าเรื่องนารายณ์บรรทมสินธุ์","creator":null,"description":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระ\r\nโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระวิษณุ อีกทั้งยังโปรดให้เป็นสุสานของพระองค์ดังนั้นตัวปราสาทจึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก\r\nทับหลังในศิลปะนครวัด สืบรูปแบบมาจากศิลปะแบบบาปวน คือ ท่อนพวงมาลัยบริเวณ","provenance":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระ\r\nโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระวิษณุ อีกทั้งยังโปรดให้เป็นสุสานของพระองค์ดังนั้นตัวปราสาทจึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก\r\nทับหลังในศิลปะนครวัด สืบรูปแบบมาจากศิลปะแบบบาปวน คือ ท่อนพวงมาลัยบริเวณ","subject":"พระวิษณุ, ทับหลัง, นครวัด, ฮินดู, สูริยวรมันที่ 2","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/853"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพสลักเล่าเรื่องมหาภารตะ ฉาก ภีษมะถูกศรอรชุน","creator":null,"description":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระวิษณุ อีกทั้งยังโปรดให้เป็นสุสานของพระองค์ดังนั้นตัวปราสาทจึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก","provenance":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระวิษณุ อีกทั้งยังโปรดให้เป็นสุสานของพระองค์ดังนั้นตัวปราสาทจึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก","subject":"นครวัด, สูริยวรมันที่ 2, มหาภารตะ, ระเบียงคด, อรชุน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/854"},{"type":"ประติมากรรม","title":"นางอัปสร","creator":null,"description":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระวิษณุ อีกทั้งยังโปรดให้เป็นสุสานของพระองค์ดังนั้นตัวปราสาทจึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก","provenance":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระวิษณุ อีกทั้งยังโปรดให้เป็นสุสานของพระองค์ดังนั้นตัวปราสาทจึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก","subject":"นครวัด, สูริยวรมันที่ 2, อัปสร","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/855"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพสลักพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2","creator":null,"description":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระวิษณุ อีกทั้งยังโปรดให้เป็นสุสานของพระองค์ดังนั้นตัวปราสาทจึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก","provenance":"ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 2 ในปี พ.ศ. 1656ภายหลังที่พระองค์ปราบดาภิเษก โดยเอาชนะพระปิตุลาคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชอยู่ที่เมืองมหิทรปุระโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระวิษณุ อีกทั้งยังโปรดให้เป็นสุสานของพระองค์ดังนั้นตัวปราสาทจึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก","subject":"ภาพสลัก, นครวัด, สูริยวรมันที่ 2, ระเบียงคด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/856"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ทับหลัง สลักภาพเล่าเรื่องตอนกูรมาวตาร","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระวิษณุ, ทับหลัง, นครวัด, ฮินดู, สูริยวรมันที่ 2, กูรมาวตาร, กวนเกษียรสมุทร","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/857"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เสาติดผนังและเสาประดับกรอบประตู","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระศิวะ, นครวัด, ฮินดู, เสาติดผนัง, เสาประดับกรอบประตู","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/858"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เศียรพญานาค","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"นครวัด, ฮินดู, นาค","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/859"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ครุฑแบกที่ฐานอาคารพระราชวังหลวง","creator":null,"description":"พระราชวังหลวงแต่เดิมสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 แต่ต่อมาในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้มีการสร้างฐานเพิ่มเติมขึ้นมาโดยมีการสลักประติมากรรมต่างๆ เช่น ครุฑ นาค ช้าง เป็นต้น","provenance":"พระราชวังหลวงแต่เดิมสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 แต่ต่อมาในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้มีการสร้างฐานเพิ่มเติมขึ้นมาโดยมีการสลักประติมากรรมต่างๆ เช่น ครุฑ นาค ช้าง เป็นต้น","subject":"บายน, พุทธมหายาน, ชัยวรมันที่ 7, ครุฑ, นาค, พระราชวังหลวง, สูริยวรมันที่ 1","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/860"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพสลักเมืองบาดาลที่ฐานพระราชวังหลวง","creator":null,"description":"พระราชวังหลวงแต่เดิมสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 1 แต่ต่อมาในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้มีการสร้างฐานเพิ่มเติมขึ้นมาโดยมีการสลักประติมากรรมต่างๆ เช่น ครุฑ นาค ช้าง เป็นต้น","provenance":"พระราชวังหลวงแต่เดิมสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสูริยวรมันที่ 1 แต่ต่อมาในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้มีการสร้างฐานเพิ่มเติมขึ้นมาโดยมีการสลักประติมากรรมต่างๆ เช่น ครุฑ นาค ช้าง เป็นต้น","subject":"พุทธมหายาน, ชัยวรมันที่ 7, นาค, พระราชวังหลวง, สูริยวรมันที่ 1, บาดาล, พระยม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/861"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพสลัก เล่าเรื่องกองทัพพระเจ้าชัยวรมันที่ 7","creator":null,"description":"ปราสาทบายนสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นปราสาทขนาดใหญ่หลังสุดท้ายในศิลปะเขมร สร้างขึ้นเนื่องในคติพุทธมหายาน โดยสถาปนาตัวพระองค์ให้เป็นภาคหนึ่งของพระพุทธเจ้า และได้สร้างพระพุทธรูปนาคปรกประดิษฐานไว้ที่ปราสาทประธาน","provenance":"ปราสาทบายนสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นปราสาทขนาดใหญ่หลังสุดท้ายในศิลปะเขมร สร้างขึ้นเนื่องในคติพุทธมหายาน โดยสถาปนาตัวพระองค์ให้เป็นภาคหนึ่งของพระพุทธเจ้า และได้สร้างพระพุทธรูปนาคปรกประดิษฐานไว้ที่ปราสาทประธาน","subject":"ภาพสลัก, บายน, ชัยวรมันที่ 7","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/862"},{"type":"ประติมากรรม","title":"นางอัปสร","creator":null,"description":"ปราสาทตาพรหม สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยพระองค์ได้สร้างปราสาทตาพรหมขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระราชมารดา โดยสถาปนาพระมารดาขึ้นให้เป็นนางปรัชญาปารมิตา","provenance":"ปราสาทตาพรหม สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยพระองค์ได้สร้างปราสาทตาพรหมขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระราชมารดา โดยสถาปนาพระมารดาขึ้นให้เป็นนางปรัชญาปารมิตา","subject":"บายน, พุทธมหายาน, ชัยวรมันที่ 7, ปรัชญาปารมิตา, อัปสร, ตาพรหม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/863"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ม้าพลาหะ","creator":null,"description":"ปราสาทนาคพัน สร้างอยู่บนสระน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า บารายพระขรรค์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตามจารึกเรียกว่า ชัยตฏากะ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักร เพราะเปรียบได้กับสระอโนดาต","provenance":"ปราสาทนาคพัน สร้างอยู่บนสระน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า บารายพระขรรค์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตามจารึกเรียกว่า ชัยตฏากะ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักร เพราะเปรียบได้กับสระอโนดาต","subject":"อวโลกิเตศวร, บายน, พุทธมหายาน, ชัยวรมันที่ 7, พลาหะ, อโนดาต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/864"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระอวโลกิเตศวร","creator":null,"description":"ปราสาทนาคพัน สร้างอยู่บนสระน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า บารายพระขรรค์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตามจารึกเรียกว่า ชัยตฏากะ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักร เพราะเปรียบได้กับสระอโนดาต","provenance":"ปราสาทนาคพัน สร้างอยู่บนสระน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า บารายพระขรรค์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตามจารึกเรียกว่า ชัยตฏากะ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักร เพราะเปรียบได้กับสระอโนดาต","subject":"อวโลกิเตศวร, บายน, พุทธมหายาน, ชัยวรมันที่ 7, ปัทมปาณี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/865"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ท่อน้ำ สลักรูปเศียรมนุษย์","creator":null,"description":"ปราสาทนาคพัน สร้างอยู่บนสระน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า บารายพระขรรค์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตามจารึกเรียกว่า ชัยตฏากะ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักร เพราะเปรียบได้กับสระอโนดาต","provenance":"ปราสาทนาคพัน สร้างอยู่บนสระน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า บารายพระขรรค์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตามจารึกเรียกว่า ชัยตฏากะ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักร เพราะเปรียบได้กับสระอโนดาต","subject":"บายน, พุทธมหายาน, ชัยวรมันที่ 7, นาคพัน, อโนดาต","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/866"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบัน สลักภาพพุทธประวัติตอนทรมานช้างนาราคีรี","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระพุทธเจ้า, บายน, นครวัด, หน้าบัน, พุทธเถรวาท, ช้างนาราคีรี, พระอานนท์","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/867"},{"type":"ประติมากรรม","title":"หน้าบัน สลักภาพเล่าเรื่อง พระศิวะลองใจพระอุมา","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระศิวะ, บายน, ฮินดู, หน้าบัน, พระอุมา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/868"},{"type":"ประติมากรรม","title":"อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี","creator":null,"description":"ประติมากรรมพระอวโลกิเตศวรสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวพุทธศตวรรษที่ 18","provenance":"ประติมากรรมพระอวโลกิเตศวรสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวพุทธศตวรรษที่ 18","subject":"อวโลกิเตศวร, บายน, ชัยวรมันที่ 7, ปัทมปาณี, อมิตาภะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/869"},{"type":"ประติมากรรม","title":"บานประตูของสิมวัดองค์ตื้อ","creator":null,"description":"แม้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้จะมีตำนานและอายุสมัยเก่าแก่ไปถึงพระเจ้าไชยเชษฐาแต่จากรูปแบบของอุโบสถ (สิม) กลับมีอายุเพียงรัชกาลสมเด็จเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 25","provenance":"แม้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้จะมีตำนานและอายุสมัยเก่าแก่ไปถึงพระเจ้าไชยเชษฐาแต่จากรูปแบบของอุโบสถ (สิม) กลับมีอายุเพียงรัชกาลสมเด็จเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 25","subject":"บานประตู, ศิลปะลาว, สิม, วัดองค์ตื้อ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/870"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"พระพุทธรูปที่ถ้ำช้าง","creator":null,"description":"พื้นที่แถบประเทศลาวภาคกลาง ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ในขอบเขตวัฒนธรรมทวารวดีภาคอีสาน ทำให้ค้นพบพระพุทธรูปและใบเสมาจำนวนมาก โดยหนึ่งในนั้นก็คือพระพุทธรูปสลักหินขนาดใหญ่บนผนังเพิงผาที่ถ้ำช้าง ทางตอนเหนือนอกเมืองเวียงจันทน์","provenance":"พื้นที่แถบประเทศลาวภาคกลาง ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ในขอบเขตวัฒนธรรมทวารวดีภาคอีสาน ทำให้ค้นพบพระพุทธรูปและใบเสมาจำนวนมาก โดยหนึ่งในนั้นก็คือพระพุทธรูปสลักหินขนาดใหญ่บนผนังเพิงผาที่ถ้ำช้าง ทางตอนเหนือนอกเมืองเวียงจันทน์","subject":"ถ้ำช้าง","spatial":null,"temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/871"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระบาง","creator":null,"description":"พระพุทธรูปองค์นี้มีตำนานว่ากษัตริย์ขอมได้พระราชทานให้กับพระเจ้าฟ้างุ้ม แต่ประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์เวียงคำอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เมืองเชียงทองได้ในรัชกาลต่อๆมา ท้ายสุด เมืองเชียงทองเองก็ได้เปลี่ยนชื่อไปเป็นเมืองหลวงพระบางตามนามของพระพุทธรูป ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ได้กลายเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองประจำเมืองหลวงพระบาง","provenance":"พระพุทธรูปองค์นี้มีตำนานว่ากษัตริย์ขอมได้พระราชทานให้กับพระเจ้าฟ้างุ้ม แต่ประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์เวียงคำอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เมืองเชียงทองได้ในรัชกาลต่อๆมา ท้ายสุด เมืองเชียงทองเองก็ได้เปลี่ยนชื่อไปเป็นเมืองหลวงพระบางตามนามของพระพุทธรูป ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ได้กลายเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองประจำเมืองหลวงพระบาง","subject":"พระบาง, พระเจ้าฟ้างุ้ม, พระราชวังหลวงพระบาง","spatial":null,"temporal":"หลังบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/872"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเจ้าองค์ตื้อ","creator":null,"description":"พระพุทธรูปองค์นี้มีตำนานว่าพระเจ้าไชยเชษฐาโปรดให้หล่อพระองค์นี้ด้วยน้ำหนักทองที่หนักมาก ( 1ตื้อ = 1000 กิโลกรัม) ด้วยเหตุนี้ พระพุทธรูปองค์นี้จึงมีนามว่าพระองค์ตื้อ","provenance":"พระพุทธรูปองค์นี้มีตำนานว่าพระเจ้าไชยเชษฐาโปรดให้หล่อพระองค์นี้ด้วยน้ำหนักทองที่หนักมาก ( 1ตื้อ = 1000 กิโลกรัม) ด้วยเหตุนี้ พระพุทธรูปองค์นี้จึงมีนามว่าพระองค์ตื้อ","subject":"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, วัดองค์ตื้อ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/873"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ฐานของพระพุทธรูปสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธเจ้า, ศิลปะลาว, ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/874"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธเจ้า, ศิลปะลาว, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ, ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/875"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปสำริด","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธเจ้า, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ, ประติมากรรมสำริด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/876"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปที่วัดมโนรม","creator":null,"description":"พระพุทธรูปองค์นี้ พงศาวดารกล่าวว่าสร้างขึ้นในรัชกาลของพระเจ้าสามแสนไทไตรภูวนาท อาณาจักรล้านช้างในระยะนี้ คงมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรน่านและอาณาจักรล้านนาพอสมควร จึงทำให้พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปในศิลปะสุโขทัยและศิลปะอื่นๆอย่างมาก","provenance":"พระพุทธรูปองค์นี้ พงศาวดารกล่าวว่าสร้างขึ้นในรัชกาลของพระเจ้าสามแสนไทไตรภูวนาท อาณาจักรล้านช้างในระยะนี้ คงมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรน่านและอาณาจักรล้านนาพอสมควร จึงทำให้พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปในศิลปะสุโขทัยและศิลปะอื่นๆอย่างมาก","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธเจ้า, ศิลปะลาว","spatial":null,"temporal":"ทวารวดี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/877"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปที่วัดแสน","creator":null,"description":"วัดแสน เป็นวัดที่สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้ากิ่งกิสราช ราวพุทธศตวรรษที่ 23 ในระยะที่อาราจักรหลวงพระบางได้แยกตัวออกมาจากอาณาจักรเวียงจันทน์แล้ว พระพุทธรูปภายในวัดนี้จึงควรมีอายุหลังจากพุทธศตวรรษที่ 23 ลงมา","provenance":"วัดแสน เป็นวัดที่สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้ากิ่งกิสราช ราวพุทธศตวรรษที่ 23 ในระยะที่อาราจักรหลวงพระบางได้แยกตัวออกมาจากอาณาจักรเวียงจันทน์แล้ว พระพุทธรูปภายในวัดนี้จึงควรมีอายุหลังจากพุทธศตวรรษที่ 23 ลงมา","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธเจ้า, ศิลปะลาว","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/878"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปที่วัดศรีบุญเรือง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธเจ้า, ศิลปะลาว","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/879"},{"type":"ประติมากรรม","title":"การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของแม่พระ","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"โบสถ์ซานตามาเรีย","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/880"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระเยซูองค์ดำ","creator":null,"description":"ในบาซิลิก้าแห่งไควอาโป ปรากฏรูปพระเยซูซึ่งได้รับการนับถือมากที่สุดในเมืองมะนิลาหรือในประเทศฟิลิปปินส์ นั่นคือพระเยซูองค์ดำหรือ “ชาวเมืองนาซาเรธสีดำ” ประติมากรรมชิ้นนี้มีประวัติว่านำมาจากเม็กซิโกซึ่งเป็นเมืองขึ้นของสเปนเช่นเดียวกัน ประติมากรรมทำจากไม้สีดำซึ่งส่งเสริมความศักดิ์สิทธิ์ของประติมากรรมชิ้นนี้","provenance":"ในบาซิลิก้าแห่งไควอาโป ปรากฏรูปพระเยซูซึ่งได้รับการนับถือมากที่สุดในเมืองมะนิลาหรือในประเทศฟิลิปปินส์ นั่นคือพระเยซูองค์ดำหรือ “ชาวเมืองนาซาเรธสีดำ” ประติมากรรมชิ้นนี้มีประวัติว่านำมาจากเม็กซิโกซึ่งเป็นเมืองขึ้นของสเปนเช่นเดียวกัน ประติมากรรมทำจากไม้สีดำซึ่งส่งเสริมความศักดิ์สิทธิ์ของประติมากรรมชิ้นนี้","subject":"โบสถ์, พระเยซู","spatial":null,"temporal":"สมัยอาณานิคมสเปน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/881"},{"type":"ประติมากรรม","title":"แม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"นิกายโรมันคาธอลิก, แม่พระ","spatial":null,"temporal":"สมัยอาณานิคมสเปน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/882"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระศพของพระเยซู","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"โบสถ์ซานเซบาสเตียน, พระเยซู","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/883"},{"type":"ประติมากรรม","title":"แม่พระฟาติมา","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"นิกายโรมันคาธอลิก, แม่พระ","spatial":null,"temporal":"สมัยอาณานิคมสเปน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/884"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระนางมาเรียมหาทุกข์","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"สมัยอาณานิคมสเปน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/885"},{"type":"ประติมากรรม","title":"เซนต์เจมส์ย่ำยีพวกมัวร์","creator":null,"description":"ป้อมซานติอาโก้ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองอินทรามูรอส เดิมเป็นที่ตั้งป้อมของสุลต่านสุไลมาน ต่อมา ใน ค.ศ.1571 ชาวสเปนสถาปนาเมืองมะนาขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ของฟิลิปปินส์ และสร้างป้อมซานติอาโกขึ้น ป้อมนี้เดิมมีกำแพงสร้างขึ้นด้วยไม้ ต่อมา ในศตวรรษที่ 18 มีกรสร้างประตูของป้อมอุทิศให้กับเซนต์เจมส์ นักบุญผู้อุปถัมภ์ประเทศสเปน ต่อมาประตูแห่งนี้ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนที่จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปลายศตวรรษที่ 20","provenance":"ป้อมซานติอาโก้ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองอินทรามูรอส เดิมเป็นที่ตั้งป้อมของสุลต่านสุไลมาน ต่อมา ใน ค.ศ.1571 ชาวสเปนสถาปนาเมืองมะนาขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ของฟิลิปปินส์ และสร้างป้อมซานติอาโกขึ้น ป้อมนี้เดิมมีกำแพงสร้างขึ้นด้วยไม้ ต่อมา ในศตวรรษที่ 18 มีกรสร้างประตูของป้อมอุทิศให้กับเซนต์เจมส์ นักบุญผู้อุปถัมภ์ประเทศสเปน ต่อมาประตูแห่งนี้ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนที่จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปลายศตวรรษที่ 20","subject":"นิกายโรมันคาธอลิก, เซนต์","spatial":null,"temporal":"สมัยอาณานิคมสเปน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/886"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ปิเอต้า","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"นิกายโรมันคาธอลิก, พระเยซู","spatial":null,"temporal":"สมัยอาณานิคมสเปน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/887"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ซานโตนีโญ่","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"สมัยอาณานิคมสเปน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/888"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระตรีเอกภาพ","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"นิกายโรมันคาธอลิก, อาสนวิหาร, พระตรีเอกภาพ","spatial":null,"temporal":"สมัยอาณานิคมสเปน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/889"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทนครวัด","creator":null,"description":"พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ทรงสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทราชา อย่างไรตาม เนื่องจากพระองค์ทรงนับถือไวษณพนิกาย พระองค์จึงสร้างปราสาทนครวัดเทวาลัยให้เป็นเทวาลัยของพระวิษณุ การหันหน้าไปทางทิศตะวันตกของปราสาทแห่งนี้ทำให้นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าปราสาทนครวัดเป็นราชสุสานของพระองค์ด้วย","provenance":"พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ทรงสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทราชา อย่างไรตาม เนื่องจากพระองค์ทรงนับถือไวษณพนิกาย พระองค์จึงสร้างปราสาทนครวัดเทวาลัยให้เป็นเทวาลัยของพระวิษณุ การหันหน้าไปทางทิศตะวันตกของปราสาทแห่งนี้ทำให้นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าปราสาทนครวัดเป็นราชสุสานของพระองค์ด้วย","subject":"พระวิษณุ, นครวัด, เทวราชา, ปราสาทนครวัด, สูริยวรมันที่ 2","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/890"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประทับยืนที่ชเวซิกอง","creator":null,"description":"พระเจ้าอโนรธาโปรดให้สร้างเจดีย์ชเวซิกองเพื่อบรรจุพระเขี้ยวแก้วจำลองจากลังกา เจดีย์องค์นี้มีขนาดใหญ่มากจึงสร้างสำเร็จในรัชกาลพระเจ้าจันสิตถา ส่วนพระพุทธรูปกลุ่มนี้อาจหล่อขึ้นพร้อมหรือหลังจากรัชกาลของพระเจ้าจันสิตถาก็ได้","provenance":"พระเจ้าอโนรธาโปรดให้สร้างเจดีย์ชเวซิกองเพื่อบรรจุพระเขี้ยวแก้วจำลองจากลังกา เจดีย์องค์นี้มีขนาดใหญ่มากจึงสร้างสำเร็จในรัชกาลพระเจ้าจันสิตถา ส่วนพระพุทธรูปกลุ่มนี้อาจหล่อขึ้นพร้อมหรือหลังจากรัชกาลของพระเจ้าจันสิตถาก็ได้","subject":"ลังกา, พุกาม, พระเจ้าอโนรธา, พระเจ้าจันสิตถา, เจดีย์ชเวซิกอง","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/891"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประทับยืนที่อานันทเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว\r\nส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว\r\nส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","subject":"พระพุทธรูป, พุกาม, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/892"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประทับนั่งที่อานันทเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าวส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าวส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","subject":"พุกาม, พระเจ้าจันสิตถา, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/893"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องตอนประสูติที่อานันทเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว\r\nส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว\r\nส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","subject":"พุกาม, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/894"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องตอนออกผนวชที่อานันทเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว\r\nส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว\r\nส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","subject":"พุกาม, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/895"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องตอนออกผนวชที่อานันทเจดีย์","creator":"","description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว
ส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน
","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว
ส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน
","subject":"พุกาม, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/896"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องตอนปราบช้างที่อานันทเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว\r\nส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์น้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าว\r\nส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","subject":"พุกาม, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/897"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องตอนปรินิพพานที่อานันทเจดีย์","creator":null,"description":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์นี้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าวส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","provenance":"พระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยมีตำนานกล่าวว่าพระสงฆ์จากอินเดียได้เล่าถึงถ้ำนันทมูลในภูเขาคันธมาทน์ พระองค์จึงได้สร้างเจดีย์องค์นี้เพื่อให้เหมือนกับถ้ำดังกล่าวส่วนพระพุทธรูปภายในอานันทเจดีย์ก็คงสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนาเจดีย์ในรัชกาลเดียวกัน","subject":"พระพุทธเจ้า, พุกาม, ประติมากรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ, พระเจ้าจันสิตถา, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/898"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพดินเผาเคลือบรอบอานันทเจดีย์","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พุกาม, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/899"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพดินเผาเคลือบรอบอานันทเจดีย์","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พุกาม, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/900"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ซุ้มหน้าต่างของเจดีย์กุพโยคจีที่มยิงกาบา","creator":null,"description":"เจ้าชายราชกุมาร โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพ่ออุทิศให้กับพระเจ้าจันสิตถาในยามที่พระองค์ประชวรในวาระสุดท้าย โดยจารึกมยาเซดีย์ได้กล่าวถึงการกระทำบุญของเจ้าชายราชกุมารโดยละเอียดว่ามีการสร้างพระพุทธรูปทองคำเพื่ออุทิศให้กับพระเจ้าจันสิตถาด้วย","provenance":"เจ้าชายราชกุมาร โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพ่ออุทิศให้กับพระเจ้าจันสิตถาในยามที่พระองค์ประชวรในวาระสุดท้าย โดยจารึกมยาเซดีย์ได้กล่าวถึงการกระทำบุญของเจ้าชายราชกุมารโดยละเอียดว่ามีการสร้างพระพุทธรูปทองคำเพื่ออุทิศให้กับพระเจ้าจันสิตถาด้วย","subject":"พุกาม, เจดีย์กุพโยคจี","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/901"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ซุ้มเคล็กของเจดีย์กุพโยคแงที่มยิงกาบา","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พุกาม, ซุ้มเคล็ก, เจดีย์กุพโยคแง","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/902"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ซุ้มหน้านางแบบลังกา","creator":null,"description":"พระเจ้านรปติสิทธุ กษัตริย์สมัยพุกามตอนปลาย โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","provenance":"พระเจ้านรปติสิทธุ กษัตริย์สมัยพุกามตอนปลาย โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น","subject":"พุทธเถรวาท, ซุ้มหน้านาง, เจดีย์ธรรมยาสิกา, พุทธศาสนาลังกาวงศ์","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/903"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ลายหน้ากาลคายพวงมาลัย-พวงอุบะ","creator":null,"description":"พระเจ้านันตวงมยาหรือพระเจ้าติโลมินโลโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยตำนานกล่าวว่าโปรดให้สร้างขึ้นในตำแหน่งที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเนื่องจากฉัตรได้เอนเข้าหาพระองค์","provenance":"พระเจ้านันตวงมยาหรือพระเจ้าติโลมินโลโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยตำนานกล่าวว่าโปรดให้สร้างขึ้นในตำแหน่งที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเนื่องจากฉัตรได้เอนเข้าหาพระองค์","subject":"เจดีย์ติโลมินโล, พระเจ้านันตวงมยา, หน้ากาล, พุทธเถรวาท","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/904"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ลายกาบล่างประดับหน้ากาล","creator":null,"description":"พระเจ้านันตวงมยาหรือพระเจ้าติโลมินโลโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยตำนานกล่าวว่าโปรดให้สร้างขึ้นในตำแหน่งที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเนื่องจากฉัตรได้เอนเข้าหาพระองค์","provenance":"พระเจ้านันตวงมยาหรือพระเจ้าติโลมินโลโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น โดยตำนานกล่าวว่าโปรดให้สร้างขึ้นในตำแหน่งที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเนื่องจากฉัตรได้เอนเข้าหาพระองค์","subject":"เจดีย์ติโลมินโล, พระเจ้านันตวงมยา, หน้ากาล, พุทธเถรวาท","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/905"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปทรงเครื่องที่อานันทเจดีย์","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระพุทธรูป, พระพุทธรูปทรงเครื่อง, อานันทเจดีย์, พุทธเถรวาท","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/906"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปสมัยมัณฑเลที่อานันทเจดีย์","creator":null,"description":"แม้ว่าตามประวัติ แล้วพระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น แต่เจดีย์องค์นี้ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่องเนื่องด้วยการใช้งานที่ต่อเนื่องยาวนาน ในสมัยมัณฑเลได้เกิดไฟไหม้ขึ้นทำให้พระพุทธรูปสมัยพุกามเดิมเสียหายจำนวนสององค์ ด้วยเหตุนี้จึงมีการสร้างพระพุทธรูปสมัยมัณฑเลขึ้นทดแทน","provenance":"แม้ว่าตามประวัติ แล้วพระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น แต่เจดีย์องค์นี้ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่องเนื่องด้วยการใช้งานที่ต่อเนื่องยาวนาน ในสมัยมัณฑเลได้เกิดไฟไหม้ขึ้นทำให้พระพุทธรูปสมัยพุกามเดิมเสียหายจำนวนสององค์ ด้วยเหตุนี้จึงมีการสร้างพระพุทธรูปสมัยมัณฑเลขึ้นทดแทน","subject":"พระพุทธเจ้า, พุกาม, พระเจ้าจันสิตถา, อานันทเจดีย์","spatial":null,"temporal":null,"language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/907"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปสมัยมัณฑเลที่เจดีย์ชเวซิกอง","creator":null,"description":"แม้ว่าตามประวัติ แล้วพระเจ้าอโนรธาและพระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น แต่เจดีย์องค์นี้ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่องเนื่องด้วยการใช้งานที่ต่อเนื่องยาวนาน ในสมัยมัณฑเลได้มีการสร้างปยาทาดและพระพุทธรูปสมัยมัณฑเลขึ้นโดยรอบเจดีย์ประธาน","provenance":"แม้ว่าตามประวัติ แล้วพระเจ้าอโนรธาและพระเจ้าจันสิตถาโปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น แต่เจดีย์องค์นี้ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่องเนื่องด้วยการใช้งานที่ต่อเนื่องยาวนาน ในสมัยมัณฑเลได้มีการสร้างปยาทาดและพระพุทธรูปสมัยมัณฑเลขึ้นโดยรอบเจดีย์ประธาน","subject":"พระพุทธรูป, เจดีย์ชเวซิกอง, พุทธเถรวาท","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/908"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปสมัยมัณฑเลที่เจดีย์เอ็นดอยา","creator":null,"description":"เจดีย์เอ็นดอยาสร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าปกันมินผู้ครองเมืองอมรปุระเป็นองค์สุดท้ายก่อนที่เมืองหลวงจะย้ายมาที่เมืองมัณฑเล เจดีย์องค์นี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งกลุ่มหนึ่งซึ่งอาจสร้างขึ้นในรัชกาลนี้หรือรัชกาลถัดมา","provenance":"เจดีย์เอ็นดอยาสร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าปกันมินผู้ครองเมืองอมรปุระเป็นองค์สุดท้ายก่อนที่เมืองหลวงจะย้ายมาที่เมืองมัณฑเล เจดีย์องค์นี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งกลุ่มหนึ่งซึ่งอาจสร้างขึ้นในรัชกาลนี้หรือรัชกาลถัดมา","subject":"พระพุทธรูป, พุทธเถรวาท, เจดีย์เอ็นดอยา","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/909"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระมหามัยมุนี","creator":null,"description":"พระพุทธรูปองค์นี้เดิมเป็นพระพุทธรูปประทับอาณาจักรยะไข่ ประดิษฐานอยู่ที่เมืองธัญญวดีอันเป็นเมืองหลวงเก่าของยะไข่ ต่อมาพระเจ้าปดุงเมื่อตีอาณาจักรยะไข่ได้ จึงโปรดให้ชักลากพระมหามัยมุนีมาที่เมืองอมรปุระของพระองค์ การชักลากคราวนั้นต้องถอดพระออกเป็นชิ้นๆ และชักลากผ่านภูเขามา ยังความเสียหายให้แก่พระพุทธรูปเป็นอันมาก จึงโปรดให้มีการซ้อมปิดทองใหม่และถวายเครื่องทรงใหม่แก่พระพุทธรูป","provenance":"พระพุทธรูปองค์นี้เดิมเป็นพระพุทธรูปประทับอาณาจักรยะไข่ ประดิษฐานอยู่ที่เมืองธัญญวดีอันเป็นเมืองหลวงเก่าของยะไข่ ต่อมาพระเจ้าปดุงเมื่อตีอาณาจักรยะไข่ได้ จึงโปรดให้ชักลากพระมหามัยมุนีมาที่เมืองอมรปุระของพระองค์ การชักลากคราวนั้นต้องถอดพระออกเป็นชิ้นๆ และชักลากผ่านภูเขามา ยังความเสียหายให้แก่พระพุทธรูปเป็นอันมาก จึงโปรดให้มีการซ้อมปิดทองใหม่และถวายเครื่องทรงใหม่แก่พระพุทธรูป","subject":"พระพุทธเจ้า, พระเจ้าปดุง, อมรปุระ, การอภิเษกพระพุทธเจ้า, พระมหามัยมุนี, วัดพระมหามัยมุนี, ธัญญวดี","spatial":null,"temporal":"ยะไข่","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/910"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปประธานที่เจดีย์จอกตอจี","creator":null,"description":"เจดีย์จอกตอจี เมืองอมรปุระ พระเจ้าปกันมิน กษัตริย์ราชวงศ์คองบองโปรดให้สร้างขึ้นโดยเลียนแบบอานันทเจดีย์ แม้ว่าเจดีย์องค์นี้จะเลียนแบบอานันทเจดีย์ก็ตาม แต่พระพุทธรูปประธานของเจดีย์จอกตอจีกลับเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง และมีเพียงองค์เดียว นอกากนี้ยังล้อมรอบด้วยอสีติมหาสาวกซึ่งไม่ปรากฏประติมานวิทยาดังกล่าวกับอานันทเจดีย์ที่พุกาม","provenance":"เจดีย์จอกตอจี เมืองอมรปุระ พระเจ้าปกันมิน กษัตริย์ราชวงศ์คองบองโปรดให้สร้างขึ้นโดยเลียนแบบอานันทเจดีย์ แม้ว่าเจดีย์องค์นี้จะเลียนแบบอานันทเจดีย์ก็ตาม แต่พระพุทธรูปประธานของเจดีย์จอกตอจีกลับเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง และมีเพียงองค์เดียว นอกากนี้ยังล้อมรอบด้วยอสีติมหาสาวกซึ่งไม่ปรากฏประติมานวิทยาดังกล่าวกับอานันทเจดีย์ที่พุกาม","subject":"พระพุทธรูป, เจดีย์จอกตอจี, พุทธเถรวาท","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/911"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระสาวก 80 องค์ที่เจดีย์จอกตอจี","creator":null,"description":"เจดีย์จอกตอจี เมืองอมรปุระ พระเจ้าปกันมิน กษัตริย์ราชวงศ์คองบองโปรดให้สร้างขึ้นโดยเลียนแบบอานันทเจดีย์ แม้ว่าเจดีย์องค์นี้จะเลียนแบบอานันทเจดีย์ก็ตาม แต่พระพุทธรูปประธานของเจดีย์จอกตอจีกลับเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง และมีเพียงองค์เดียว นอกากนี้ยังล้อมรอบด้วยอสีติมหาสาวกซึ่งไม่ปรากฏประติมานวิทยาดังกล่าวกับอานันทเจดีย์ที่พุกาม","provenance":"เจดีย์จอกตอจี เมืองอมรปุระ พระเจ้าปกันมิน กษัตริย์ราชวงศ์คองบองโปรดให้สร้างขึ้นโดยเลียนแบบอานันทเจดีย์ แม้ว่าเจดีย์องค์นี้จะเลียนแบบอานันทเจดีย์ก็ตาม แต่พระพุทธรูปประธานของเจดีย์จอกตอจีกลับเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง และมีเพียงองค์เดียว นอกากนี้ยังล้อมรอบด้วยอสีติมหาสาวกซึ่งไม่ปรากฏประติมานวิทยาดังกล่าวกับอานันทเจดีย์ที่พุกาม","subject":"พระสาวก, เจดีย์จอกตอจี, พุทธเถรวาท","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/912"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปที่ถ้ำปินดายา","creator":null,"description":"การสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากภายในถ้ำปินดายา ถือเป็นกิริยาบุญของชาวไทยใหญ่ที่แต่ละคนมักมีศรัทธาสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากในถ้ำ พระพุทธรูปแต่ละองค์จึงมีขนาดและอายุสมัยแตกต่างกัน","provenance":"การสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากภายในถ้ำปินดายา ถือเป็นกิริยาบุญของชาวไทยใหญ่ที่แต่ละคนมักมีศรัทธาสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากในถ้ำ พระพุทธรูปแต่ละองค์จึงมีขนาดและอายุสมัยแตกต่างกัน","subject":"พระพุทธรูป, พุทธเถรวาท, ถ้ำปินดายา","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/913"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปที่ถ้ำปินดายา","creator":null,"description":"การสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากภายในถ้ำปินดายา ถือเป็นกิริยาบุญของชาวไทยใหญ่ที่แต่ละคนมักมีศรัทธาสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากในถ้ำ พระพุทธรูปแต่ละองค์จึงมีขนาดและอายุสมัยแตกต่างกัน","provenance":"การสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากภายในถ้ำปินดายา ถือเป็นกิริยาบุญของชาวไทยใหญ่ที่แต่ละคนมักมีศรัทธาสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากในถ้ำ พระพุทธรูปแต่ละองค์จึงมีขนาดและอายุสมัยแตกต่างกัน","subject":"พระพุทธรูป, พุทธเถรวาท, ถ้ำปินดายา","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/914"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธรูปที่ถ้ำปินดายา","creator":null,"description":"การสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากภายในถ้ำปินดายา ถือเป็นกิริยาบุญของชาวไทยใหญ่ที่แต่ละคนมักมีศรัทธาสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากในถ้ำ พระพุทธรูปแต่ละองค์จึงมีขนาดและอายุสมัยแตกต่างกัน","provenance":"การสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากภายในถ้ำปินดายา ถือเป็นกิริยาบุญของชาวไทยใหญ่ที่แต่ละคนมักมีศรัทธาสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากในถ้ำ พระพุทธรูปแต่ละองค์จึงมีขนาดและอายุสมัยแตกต่างกัน","subject":"พระพุทธรูป, พุทธเถรวาท, ถ้ำปินดายา","spatial":null,"temporal":"อมรปุระ-มัณฑเล","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/915"},{"type":"ประติมากรรม","title":"พระพุทธบาทชเวเสตตอจำลอง","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"พระพุทธบาท, เจดีย์ชเวดากอง, พุทธเถรวาท","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/916"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ตุ๊กตาไม้รูปเทวทูตสี่","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"เจดีย์ชเวซิกอง, พุทธเถรวาท, เทวทูต","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/917"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ชุกชีรูปปยาทาดจำลอง","creator":null,"description":"","provenance":"","subject":"ปยาทาด, พุทธเถรวาท, ทะเลสาบอินเล","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/918"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ช้างเอราวัณที่วัดพระมหามัยมุนี","creator":null,"description":"ที่เมืองพระนครได้เคยปรากฏประติมากรรมสำริดกลุ่มหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวคนเล็กน้อย มีทั้งประติมากรรมรูปช้างเอราวัณ รูปสิงห์และรูปบุคคล (ทวารบาล) ประติมากรรมเล่าหนี้ต่อมาถูกเจ้าสามพระยา กษัตริย์อยุธยาผู้ทำลายเมืองพระนครได้เชิญไปไว้ที่อยุธยา ต่อมาประติมากรรมสำริดนี้ก็ถูกขนไปที่หงสาวดีภายหลังที่อยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นแก่แห่งสาวดี และในที่สุดเมื่อเมืองหงสาวดีเสียให้กับยะไข่ จึงถูกขนไปที่ยะไข่และถวายให้กับพระมหามัยมุนี ประติมากรรมกลุ่มนี้ถูกขนย้ายอีกครั้งหนึ่งมาที่เมืองอมรปุระเมื่อพระมหามัยมุนีถูกเคลื่อนย้ายมาที่อมรปุระด้วย","provenance":"ที่เมืองพระนครได้เคยปรากฏประติมากรรมสำริดกลุ่มหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวคนเล็กน้อย มีทั้งประติมากรรมรูปช้างเอราวัณ รูปสิงห์และรูปบุคคล (ทวารบาล) ประติมากรรมเล่าหนี้ต่อมาถูกเจ้าสามพระยา กษัตริย์อยุธยาผู้ทำลายเมืองพระนครได้เชิญไปไว้ที่อยุธยา ต่อมาประติมากรรมสำริดนี้ก็ถูกขนไปที่หงสาวดีภายหลังที่อยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นแก่แห่งสาวดี และในที่สุดเมื่อเมืองหงสาวดีเสียให้กับยะไข่ จึงถูกขนไปที่ยะไข่และถวายให้กับพระมหามัยมุนี ประติมากรรมกลุ่มนี้ถูกขนย้ายอีกครั้งหนึ่งมาที่เมืองอมรปุระเมื่อพระมหามัยมุนีถูกเคลื่อนย้ายมาที่อมรปุระด้วย","subject":"บายน, ประติมากรรมรูปสัตว์, วัดพระมหามัยมุนี, ช้างเอราวัณ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/919"},{"type":"ประติมากรรม","title":"สิงห์ที่วัดพระมหามัยมุนี","creator":null,"description":"ที่เมืองพระนครได้เคยปรากฏประติมากรรมสำริดกลุ่มหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวคนเล็กน้อย มีทั้งประติมากรรมรูปช้างเอราวัณ รูปสิงห์และรูปบุคคล (ทวารบาล) ประติมากรรมเล่าหนี้ต่อมาถูกเจ้าสามพระยา กษัตริย์อยุธยาผู้ทำลายเมืองพระนครได้เชิญไปไว้ที่อยุธยา ต่อมาประติมากรรมสำริดนี้ก็ถูกขนไปที่หงสาวดีภายหลังที่อยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นแก่แห่งสาวดี และในที่สุดเมื่อเมืองหงสาวดีเสียให้กับยะไข่ จึงถูกขนไปที่ยะไข่และถวายให้กับพระมหามัยมุนี ประติมากรรมกลุ่มนี้ถูกขนย้ายอีกครั้งหนึ่งมาที่เมืองอมรปุระเมื่อพระมหามัยมุนีถูกเคลื่อนย้ายมาที่อมรปุระด้วย","provenance":"ที่เมืองพระนครได้เคยปรากฏประติมากรรมสำริดกลุ่มหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวคนเล็กน้อย มีทั้งประติมากรรมรูปช้างเอราวัณ รูปสิงห์และรูปบุคคล (ทวารบาล) ประติมากรรมเล่าหนี้ต่อมาถูกเจ้าสามพระยา กษัตริย์อยุธยาผู้ทำลายเมืองพระนครได้เชิญไปไว้ที่อยุธยา ต่อมาประติมากรรมสำริดนี้ก็ถูกขนไปที่หงสาวดีภายหลังที่อยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นแก่แห่งสาวดี และในที่สุดเมื่อเมืองหงสาวดีเสียให้กับยะไข่ จึงถูกขนไปที่ยะไข่และถวายให้กับพระมหามัยมุนี ประติมากรรมกลุ่มนี้ถูกขนย้ายอีกครั้งหนึ่งมาที่เมืองอมรปุระเมื่อพระมหามัยมุนีถูกเคลื่อนย้ายมาที่อมรปุระด้วย","subject":"ประติมากรรมรูปสัตว์, สิงห์, วัดพระมหามัยมุนี","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบายน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/920"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ลวดลายประดับประตูที่ชเวนันดอจอง","creator":null,"description":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","provenance":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","subject":"พุทธเถรวาท, วัดชเวนันดอจอง","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/921"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพจำหลักเรื่องชาดกที่ชเวนันดอจอง","creator":null,"description":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","provenance":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","subject":"ชาดก, พุทธเถรวาท, วัดชเวนันดอจอง","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/922"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพจำหลักเรื่องชาดกที่ชเวนันดอจอง","creator":null,"description":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","provenance":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","subject":"ชาดก, พุทธเถรวาท, วัดชเวนันดอจอง","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/923"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพจำหลักเรื่องชาดกที่ชเวนันดอจอง","creator":null,"description":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","provenance":"วัดชเวนันดอจอง แท้จริงแล้วก็คือพระที่นั่งหนึ่งของพระราชวังมัณฑเล เป็นพระที่นั่งทรงธรรมของพระเจ้ามินดง เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้วพระเจ้าสีป่อโปรดให้รื้อย้ายมาถวายวัด ทำให้พระที่นั่งองค์นี้เหลือรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในสงครามโลกครั้งที่สอง","subject":"ชาดก, พุทธเถรวาท, วัดชเวนันดอจอง","spatial":null,"temporal":"มัณฑเลย์","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/924"},{"type":"ประติมากรรม","title":"สรัสวดีในรูปของนัต","creator":"","description":"","provenance":"","subject":"มนูหะ, พุทธเถรวาท, สรัสวดี, นัต","spatial":null,"temporal":"สมัยปัจจุบัน","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/925"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"จันทิอรชุน","creator":null,"description":"จันทิบนที่ราบสูงเดียง สร้างขึ้นโดยราชวงศ์สัญชัยผู้นับถือศาสนาฮินดู ถือเป็นจันทิที่เก่าแก่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลาง จันทิเหล่านี้ตั้งชื่อตามตัวละครในมหาภารตะ เช่น อรชุน ภีมะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จันทิเหล่านี้กลับอุทิศให้กับพระศิวะ โดยช่อทั้งหมดคงเป็นชื่อในสมัยหลัง","provenance":"จันทิบนที่ราบสูงเดียง สร้างขึ้นโดยราชวงศ์สัญชัยผู้นับถือศาสนาฮินดู ถือเป็นจันทิที่เก่าแก่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลาง จันทิเหล่านี้ตั้งชื่อตามตัวละครในมหาภารตะ เช่น อรชุน ภีมะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จันทิเหล่านี้กลับอุทิศให้กับพระศิวะ โดยช่อทั้งหมดคงเป็นชื่อในสมัยหลัง","subject":null,"spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/926"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องตามคัณฑวยุหสูตร","creator":null,"description":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมิ ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","provenance":"บุโรพุทโธ เป็นสถูปในพุทธศาสนามหายานที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ผู้นับถือพุทธศาสนามหายาน บุโรพุทโธ สร้างขึ้นตามระบบมณฑล โดยวางแผนผังจำลองจักรวาลตามพุทธพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดยภาพสลักในแต่ละชั้นล้วนแต่เป็นตัวแทนของภาพภูมิในพุทธศาสนา อันได้แก่ ภาพสลักชั้นล่าง.ซึ่งแทนกามภูมินั้น สลักภาพตามคัมภีร์กรรมวิภังค์อันเกี่ยวข้องกับการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วของปุถุชน ถัดขึ้นมาได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์ลลิตวิสตระและภาพชาดก อันเป็นภาพตัวแทนของพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี ซึ่งถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างกามภูมิกับรูปภูมิ ถัดขึ้นไปจึงได้แก่ภาพสลักตามคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร คัมภีร์ที่สลักเรื่องพระสุธนผู้แสวงหาโมกขธรรมอันตรงกับรูปภูมิ","subject":"ราชวงศ์ไศเลนทร์, บุโรพุทโธ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/927"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ภาพเล่าเรื่องรามายณะที่จันทิปรัมบะนัน","creator":null,"description":"จันทิปรัมบะนัน หรือจันทิโลโลจงกรัง เป็นจันทิในศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย สร้างขึ้นในราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูในราวพุทธศตวรรษที่ 15","provenance":"จันทิปรัมบะนัน หรือจันทิโลโลจงกรัง เป็นจันทิในศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย สร้างขึ้นในราชวงศ์สัญชัยซึ่งนับถือศาสนาฮินดูในราวพุทธศตวรรษที่ 15","subject":"จันทิ, จันทิปรัมบะนัน, ภาพเล่าเรื่องรามายณะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/928"},{"type":"ประติมากรรม","title":"ปราสาทประธาน: ปราสาทนครวัด","creator":"","description":"พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ทรงสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา อย่างไรตาม เนื่องจากพระองค์ทรงนับถือไวษณพนิกาย พระองค์จึงสร้างปราสาทนครวัดเทวาลัยให้เป็นเทวาลัยของพระวิษณุ การหันหน้าไปทางทิศตะวันตกของปราสาทแห่งนี้ทำให้นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าปราสาทนครวัดเป็นราชสุสานของพระองค์ด้วย
","provenance":"พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ทรงสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเทวราชตามลัทธิเทวราชา อย่างไรตาม เนื่องจากพระองค์ทรงนับถือไวษณพนิกาย พระองค์จึงสร้างปราสาทนครวัดเทวาลัยให้เป็นเทวาลัยของพระวิษณุ การหันหน้าไปทางทิศตะวันตกของปราสาทแห่งนี้ทำให้นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าปราสาทนครวัดเป็นราชสุสานของพระองค์ด้วย
","subject":"พระวิษณุ, นครวัด, เทวราชา, ปราสาทนครวัด, สูริยวรมันที่ 2, เทวาลัยพระวิษณุ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะนครวัด","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/929"},{"type":"จิตรกรรม","title":"พระโพธิสัตว์ จิตรกรรมในเจดีย์อโลปเย","creator":null,"description":"เจดีย์อโลปเย ไม่มีประวัติว่าสร้างโดยใคร อย่างไรก็ตาม จากรูปแบบศิลปกรรมและจิตรกรรมภายมน แสดว่าเจดีย์องค์นี้คงสร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 16","provenance":"เจดีย์อโลปเย ไม่มีประวัติว่าสร้างโดยใคร อย่างไรก็ตาม จากรูปแบบศิลปกรรมและจิตรกรรมภายมน แสดว่าเจดีย์องค์นี้คงสร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 16","subject":"พระโพธิสัตว์, พระพุทธเจ้า, พุกาม, เจดีย์อโลปเย","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/930"},{"type":"จิตรกรรม","title":"จิตรกรรมประกอบซุ้มในเจดีย์ปยาตองสู","creator":null,"description":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างข้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","provenance":"แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกสารใดๆ แต่จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมทำให้ทราบว่าเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพุกามตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อนึ่ง โบราณสถานในหมู่บ้านมินนันถุเกือบทั้งหมดสร้างข้นในระยะเวลานี้เช่นเดียวกัน","subject":"เจดีย์ปยาตองสู","spatial":null,"temporal":"พุกาม","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/931"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดอับดุลกัฟฟูร์","creator":null,"description":"มัสยิดอับดุลกัฟฟูร์ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชาวอินเดียมุสลิมที่มีความสามารถทางด้านการค้าขาย เดิมมัสยิดนี้สร้างด้วยเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ต่อมา อับดุลกัฟฟูร์ ผู้ดูแลมัสยิดในพ.ศ. 2430 ได้ปรับปรุงพื้นที่รอบมัสยิดโดยการสร้างห้องแถวจำนวนมาก ห้องแถวเหล่านี้เป็นแหล่งเงินทุนที่ทำให้มัสยิดมีทุนสำหรับการสร้างมัสยิดใหม่ \r\nใน พ.ศ.2450 มัสยิดแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้น ภายใต้การควบคุมของอับดุลกัฟฟูร์ จนกระทั่งท่านสิ้นชีวิตใน พ.ศ. 2462 มัสยิดดังกล่าวก็ยังสร้างไม่เสร็จ มัสยิดได้รับการสร้างเสร็จในสมัยของลูกชายของท่าน","provenance":"มัสยิดอับดุลกัฟฟูร์ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชาวอินเดียมุสลิมที่มีความสามารถทางด้านการค้าขาย เดิมมัสยิดนี้สร้างด้วยเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ต่อมา อับดุลกัฟฟูร์ ผู้ดูแลมัสยิดในพ.ศ. 2430 ได้ปรับปรุงพื้นที่รอบมัสยิดโดยการสร้างห้องแถวจำนวนมาก ห้องแถวเหล่านี้เป็นแหล่งเงินทุนที่ทำให้มัสยิดมีทุนสำหรับการสร้างมัสยิดใหม่ \r\nใน พ.ศ.2450 มัสยิดแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้น ภายใต้การควบคุมของอับดุลกัฟฟูร์ จนกระทั่งท่านสิ้นชีวิตใน พ.ศ. 2462 มัสยิดดังกล่าวก็ยังสร้างไม่เสร็จ มัสยิดได้รับการสร้างเสร็จในสมัยของลูกชายของท่าน","subject":"มัสยิด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/932"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โดมของมัสยิดอับดุลกัฟฟูร์","creator":null,"description":"มัสยิดอับดุลกัฟฟูร์ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชาวอินเดียมุสลิมที่มีความสามารถทางด้านการค้าขาย เดิมมัสยิดนี้สร้างด้วยเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ต่อมา อับดุลกัฟฟูร์ ผู้ดูแลมัสยิดในพ.ศ. 2430 ได้ปรับปรุงพื้นที่รอบมัสยิดโดยการสร้างห้องแถวจำนวนมาก ห้องแถวเหล่านี้เป็นแหล่งเงินทุนที่ทำให้มัสยิดมีทุนสำหรับการสร้างมัสยิดใหม่ \r\nใน พ.ศ.2450 มัสยิดแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้น ภายใต้การควบคุมของอับดุลกัฟฟูร์ จนกระทั่งท่านสิ้นชีวิตใน พ.ศ. 2462 มัสยิดดังกล่าวก็ยังสร้างไม่เสร็จ มัสยิดได้รับการสร้างเสร็จในสมัยของลูกชายของท่าน","provenance":"มัสยิดอับดุลกัฟฟูร์ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชาวอินเดียมุสลิมที่มีความสามารถทางด้านการค้าขาย เดิมมัสยิดนี้สร้างด้วยเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ต่อมา อับดุลกัฟฟูร์ ผู้ดูแลมัสยิดในพ.ศ. 2430 ได้ปรับปรุงพื้นที่รอบมัสยิดโดยการสร้างห้องแถวจำนวนมาก ห้องแถวเหล่านี้เป็นแหล่งเงินทุนที่ทำให้มัสยิดมีทุนสำหรับการสร้างมัสยิดใหม่ \r\nใน พ.ศ.2450 มัสยิดแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้น ภายใต้การควบคุมของอับดุลกัฟฟูร์ จนกระทั่งท่านสิ้นชีวิตใน พ.ศ. 2462 มัสยิดดังกล่าวก็ยังสร้างไม่เสร็จ มัสยิดได้รับการสร้างเสร็จในสมัยของลูกชายของท่าน","subject":"มัสยิด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/933"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มัสยิดจามา","creator":null,"description":"มัสยิดจามา ตั้งอยู่ในย่านคนจีน (China Town) เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ สร้างขึ้นใน พ .ศ.2369 โดยชาวทมิฬที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยตั้งยู่ใกล้กับเทวาลัยศรีมารีอัมมาน อันเป็นเทวาลัยชองชาวทมิฬที่นับถือศาสนาฮินดู","provenance":"มัสยิดจามา ตั้งอยู่ในย่านคนจีน (China Town) เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ สร้างขึ้นใน พ .ศ.2369 โดยชาวทมิฬที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยตั้งยู่ใกล้กับเทวาลัยศรีมารีอัมมาน อันเป็นเทวาลัยชองชาวทมิฬที่นับถือศาสนาฮินดู","subject":"มัสยิด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/934"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"นากอร์ดารกาห์","creator":null,"description":"นากอร์ดารกาห์ เป็นสุสานจำลองของ Sufi Saintที่มีชื่อเสียงในอินเดียใต้ สร้างขึ้นโดยชาวมุสลิมจากอินเดียใต้ที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ สร้างขึ้นใน พ.ศ.2371","provenance":"นากอร์ดารกาห์ เป็นสุสานจำลองของ Sufi Saintที่มีชื่อเสียงในอินเดียใต้ สร้างขึ้นโดยชาวมุสลิมจากอินเดียใต้ที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ สร้างขึ้นใน พ.ศ.2371","subject":"หอคอย, สุสาน, สุสานจำลอง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/935"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"อาคารศาลฎีกาเก่า","creator":null,"description":"อาคารศาลฎีกาเก่า อยู่ที่ปาดังหรือสนามหลวงกลางเมือง เดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ตั้งของโรงแรมมาก่อน ต่อมาเมื่อโรงแรมปิดกิจการ ทำให้โรงแรมเดิมถูกรื้อลงและอาคารสำหรับศาลฎีกาหลังใหม่ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ.2479 โดยถือเป็นอาคารที่สง่างามที่สุดในบริเวณปางดังกลางเมืองสิงคโปร์ ภายในมีห้องสำหรับตัดสินคดีจำนวน 11 ห้อง ปัจจุบันอาคารหลังนี้กล่ายเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบัน ศาลฎีกาจึงถูกย้ายออกไปและมีแผนที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ","provenance":"อาคารศาลฎีกาเก่า อยู่ที่ปาดังหรือสนามหลวงกลางเมือง เดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ตั้งของโรงแรมมาก่อน ต่อมาเมื่อโรงแรมปิดกิจการ ทำให้โรงแรมเดิมถูกรื้อลงและอาคารสำหรับศาลฎีกาหลังใหม่ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ.2479 โดยถือเป็นอาคารที่สง่างามที่สุดในบริเวณปางดังกลางเมืองสิงคโปร์ ภายในมีห้องสำหรับตัดสินคดีจำนวน 11 ห้อง ปัจจุบันอาคารหลังนี้กล่ายเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบัน ศาลฎีกาจึงถูกย้ายออกไปและมีแผนที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ","subject":"อาคารแบบพัลลาเดียน, อาคารศาลฎีกา","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/936"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"มุขด้านหน้าของอาคารศาลฎีกาเก่า","creator":null,"description":"อาคารศาลฎีกาเก่า อยู่ที่ปาดังหรือสนามหลวงกลางเมือง เดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ตั้งของโรงแรมมาก่อน ต่อมาเมื่อโรงแรมปิดกิจการ ทำให้โรงแรมเดิมถูกรื้อลงและอาคารสำหรับศาลฎีกาหลังใหม่ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ.2479 โดยถือเป็นอาคารที่สง่างามที่สุดในบริเวณปางดังกลางเมืองสิงคโปร์ ภายในมีห้องสำหรับตัดสินคดีจำนวน 11 ห้อง ปัจจุบันอาคารหลังนี้กล่ายเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบัน ศาลฎีกาจึงถูกย้ายออกไปและมีแผนที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ","provenance":"อาคารศาลฎีกาเก่า อยู่ที่ปาดังหรือสนามหลวงกลางเมือง เดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ตั้งของโรงแรมมาก่อน ต่อมาเมื่อโรงแรมปิดกิจการ ทำให้โรงแรมเดิมถูกรื้อลงและอาคารสำหรับศาลฎีกาหลังใหม่ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ.2479 โดยถือเป็นอาคารที่สง่างามที่สุดในบริเวณปางดังกลางเมืองสิงคโปร์ ภายในมีห้องสำหรับตัดสินคดีจำนวน 11 ห้อง ปัจจุบันอาคารหลังนี้กล่ายเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบัน ศาลฎีกาจึงถูกย้ายออกไปและมีแผนที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ","subject":"อาคารแบบตะวันตก, อาคารแบบพัลลาเดียน, โดม, ปาดัง, อาคารศาลฎีกาเก่า","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/937"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ภายในอาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์","creator":null,"description":"อาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์ เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะสิงคโปร์ ออกแบบโย George Coleman สถาปนิกชาวอังกฤษใน พ.ศ.2379 ต่อมาถูกแก้ไขและบูรณะเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอาสนวิหารของนิกายแองกลิกัน","provenance":"อาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์ เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะสิงคโปร์ ออกแบบโย George Coleman สถาปนิกชาวอังกฤษใน พ.ศ.2379 ต่อมาถูกแก้ไขและบูรณะเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอาสนวิหารของนิกายแองกลิกัน","subject":"โบสถ์, นิกายแองกลิกัน, อาสนวิหาร, อาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์, นีโอโกธิค, ศิลปะโกธิค","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/938"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ภายในอาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์","creator":null,"description":"อาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์ เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะสิงคโปร์ ออกแบบโย George Coleman สถาปนิกชาวอังกฤษใน พ.ศ.2379 ต่อมาถูกแก้ไขและบูรณะเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอาสนวิหารของนิกายแองกลิกัน","provenance":"อาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์ เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะสิงคโปร์ ออกแบบโย George Coleman สถาปนิกชาวอังกฤษใน พ.ศ.2379 ต่อมาถูกแก้ไขและบูรณะเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอาสนวิหารของนิกายแองกลิกัน","subject":"โบสถ์, นิกายแองกลิกัน, อาสนวิหาร, อาสนวิหารเซนต์แอนดรูส์, นีโอโกธิค, ศิลปะโกธิค","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/939"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ชีมส์","creator":null,"description":"เดิม โบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า Convent of Holy Infant Jesus (CHIJ) เคยเป็นคอนแวนต์สำหรับแม่ชีในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกซึ่งถูกใช้งานมาถึง 130 ปี สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2383 ต่อมาร้างลงและได้ถูกเปลี่ยนหน้าที่เป็นภัตตาคาร โรงละครและห้างหรูในปัจจุบัน","provenance":"เดิม โบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า Convent of Holy Infant Jesus (CHIJ) เคยเป็นคอนแวนต์สำหรับแม่ชีในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกซึ่งถูกใช้งานมาถึง 130 ปี สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2383 ต่อมาร้างลงและได้ถูกเปลี่ยนหน้าที่เป็นภัตตาคาร โรงละครและห้างหรูในปัจจุบัน","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก, นีโอโกธิค, ศิลปะโกธิค, คอนแวนต์","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/940"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สถาบันเซนต์โจเซฟ","creator":null,"description":"สถาบันเซนต์โจเซฟ สร้างขึ้นใน พ.ศ.2395 โดยคณะมิชชันนารี La Salle Brothers จากประเทศฝรั่งเศส โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงเรียน ต่อมาในพ.ศ. 2531 โรงเรียนแห่งนี้ย้ายไปยังพื้นที่ใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการบูรณะอาคารของโรงเรียน ปัจจุบันอาคารหลังนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็น Singapore Art Museum","provenance":"สถาบันเซนต์โจเซฟ สร้างขึ้นใน พ.ศ.2395 โดยคณะมิชชันนารี La Salle Brothers จากประเทศฝรั่งเศส โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงเรียน ต่อมาในพ.ศ. 2531 โรงเรียนแห่งนี้ย้ายไปยังพื้นที่ใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการบูรณะอาคารของโรงเรียน ปัจจุบันอาคารหลังนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็น Singapore Art Museum","subject":"ศิลปะคลาสสิก, อาคารแบบพัลลาเดียน, โรงเรียน, เซนต์โจเซฟ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/941"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"เทวาลัยทมิฬในสิงคโปร์","creator":null,"description":"ชาวทมิฬ เป็นชาวอินเดียใต้ที่อพยพเข้ามาในสิงคโปร์และปัจจุบันเป็นประชากรประมาณ 10% ของจำนวนประชากรชาวสิงคโปร์ทั้งหมด โดยเมื่อชาวอังกฤษสามารถยึดอินเดียและมาเลเซียเป็นเมืองขึ้นได้ จึงได้เริ่มนำชาวทมิฬเข้ามาอยู่ในเกาะสิงคโปร์เพื่อเป็นแรงงานและทหาร ซึ่งชาวทมิฬเหล่านี้ได้นำเอาศาสนาฮินดูและวัฒนธรรมแบบอินเดียใต้เข้ามาในเกาะสิงคโปร์อีกด้วย เทวาลัยแบบทมิฬจึงถูกสร้างขึ้นในสิงคโปร์จำนวนมาก","provenance":"ชาวทมิฬ เป็นชาวอินเดียใต้ที่อพยพเข้ามาในสิงคโปร์และปัจจุบันเป็นประชากรประมาณ 10% ของจำนวนประชากรชาวสิงคโปร์ทั้งหมด โดยเมื่อชาวอังกฤษสามารถยึดอินเดียและมาเลเซียเป็นเมืองขึ้นได้ จึงได้เริ่มนำชาวทมิฬเข้ามาอยู่ในเกาะสิงคโปร์เพื่อเป็นแรงงานและทหาร ซึ่งชาวทมิฬเหล่านี้ได้นำเอาศาสนาฮินดูและวัฒนธรรมแบบอินเดียใต้เข้ามาในเกาะสิงคโปร์อีกด้วย เทวาลัยแบบทมิฬจึงถูกสร้างขึ้นในสิงคโปร์จำนวนมาก","subject":"ทมิฬ, เทวาลัยแบบทมิฬ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/942"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุ วัดอินแปง","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระธาตุ, ศิลปะลาว, วัดอินแปง","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/943"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุ วัดนาคใหญ่","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"พระธาตุ, ศิลปะลาว, พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช, วัดนาคใหญ่","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/944"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"สิม วัดสีสะเกด","creator":null,"description":"พระเจ้าอนุวงศ์โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้น โดยได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะรัตนโกสินทร์อย่างมาก ทั้งรูปแบบของสิมและหอไตร วัดนี้เป็นวัดที่ไม่ได้ถูกทำลายจากการบุกรุกของสยามทำให้ยังคงหลงเหลือศิลปกรรมสมัยพระเจ้าอนุวงศ์มาจนถึงปัจจุบัน","provenance":"พระเจ้าอนุวงศ์โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้น โดยได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะรัตนโกสินทร์อย่างมาก ทั้งรูปแบบของสิมและหอไตร วัดนี้เป็นวัดที่ไม่ได้ถูกทำลายจากการบุกรุกของสยามทำให้ยังคงหลงเหลือศิลปกรรมสมัยพระเจ้าอนุวงศ์มาจนถึงปัจจุบัน","subject":"ศิลปะลาว, สิม","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/945"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"หอไตร วัดสีสะเกด","creator":null,"description":"พระเจ้าอนุวงศ์โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้น โดยได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะรัตนโกสินทร์อย่างมาก ทั้งรูปแบบของสิมและหอไตร วัดนี้เป็นวัดที่ไม่ได้ถูกทำลายจากการบุกรุกของสยามทำให้ยังคงหลงเหลือศิลปกรรมสมัยพระเจ้าอนุวงศ์มาจนถึงปัจจุบัน","provenance":"พระเจ้าอนุวงศ์โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้น โดยได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะรัตนโกสินทร์อย่างมาก ทั้งรูปแบบของสิมและหอไตร วัดนี้เป็นวัดที่ไม่ได้ถูกทำลายจากการบุกรุกของสยามทำให้ยังคงหลงเหลือศิลปกรรมสมัยพระเจ้าอนุวงศ์มาจนถึงปัจจุบัน","subject":"ศิลปะลาว, หอพระไตรปิฎก, ศิลปะรัตนโกสินทร์, วัดสีสะเกด","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/946"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ธาตุดำ","creator":null,"description":"เมืองคูน หรือเมืองเชียงขวางเก่า เป็นเมืองสำคัญของชาวพวน พระธาตุทีสำคัญที่สุดประจำเมืองคูนได้แก่ ธาตุดำหรือธาตุฝุ่น ซึ่งเมื่อชาวพวนได้ย้ายถิ่นฐานไปในที่ต่างๆ ก็มักจำลองพระธาตุองค์นี้ในบ้านเมืองของตนด้วย","provenance":"เมืองคูน หรือเมืองเชียงขวางเก่า เป็นเมืองสำคัญของชาวพวน พระธาตุทีสำคัญที่สุดประจำเมืองคูนได้แก่ ธาตุดำหรือธาตุฝุ่น ซึ่งเมื่อชาวพวนได้ย้ายถิ่นฐานไปในที่ต่างๆ ก็มักจำลองพระธาตุองค์นี้ในบ้านเมืองของตนด้วย","subject":"ศิลปะลาว, ธาตุดำ, เมืองคูน","spatial":null,"temporal":"ศิลปะล้านช้าง","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/947"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"โบสถ์ซานออกุสติน","creator":null,"description":"ป้อมซานติอาโก้ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองอินทรามูรอส เดิมเป็นที่ตั้งป้อมของสุลต่านสุไลมาน ต่อมา ใน ค.ศ.1571 ชาวสเปนสถาปนาเมืองมะนาขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ของฟิลิปปินส์ และสร้างป้อมซานติอาโกขึ้น ใหม่โดยใช้หิน ในปลายศตวรรษที่ 16 ต่อมา ในศตวรรษที่ 18 มีกรสร้างประตูของป้อมอุทิศให้กับเซนต์เจมส์ นักบุญผู้อุปถัมภ์ประเทศสเปน ต่อมาประตูแห่งนี้ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนที่จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปลายศตวรรษที่ 20","provenance":"ป้อมซานติอาโก้ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองอินทรามูรอส เดิมเป็นที่ตั้งป้อมของสุลต่านสุไลมาน ต่อมา ใน ค.ศ.1571 ชาวสเปนสถาปนาเมืองมะนาขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ของฟิลิปปินส์ และสร้างป้อมซานติอาโกขึ้น ใหม่โดยใช้หิน ในปลายศตวรรษที่ 16 ต่อมา ในศตวรรษที่ 18 มีกรสร้างประตูของป้อมอุทิศให้กับเซนต์เจมส์ นักบุญผู้อุปถัมภ์ประเทศสเปน ต่อมาประตูแห่งนี้ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนที่จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปลายศตวรรษที่ 20","subject":"โบสถ์, นิกายโรมันคาธอลิก","spatial":null,"temporal":"อิทธิพลสเปนตอนต้น","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/948"},{"type":"ประติมากรรม","title":"นางอัปสร","creator":null,"description":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","provenance":"ปราสาทบันทายศรีสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแก่พระศิวะและพระเทวีอีกสององค์","subject":"ทวารบาล, ฮินดู, บันทายสรี, ชัยวรมันที่ 5, ยัชวราหะ","spatial":null,"temporal":"ศิลปะบันทายสรี","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/949"},{"type":"สถาปัตยกรรม","title":"ปราสาทถูเทียน","creator":null,"description":"-","provenance":"-","subject":"จาม, จาม, จามปา, จามปา, ปราสาทถูเทียน, ปราสาทถูเทียน","spatial":null,"temporal":"บิญดิ่น, บิญดิ่นตอนปลาย","language":"ไทย","rights":"ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)","license":"-","source.uri":"https://db.sac.or.th/seaarts/artwork/950"}]}